ตอนที่ 606 คมกริบและแข็งแกร่ง
อันที่จริงก่อนหน้านี้ นักบวชหรงไม่คิดว่ามันจะเป็นความจริง
เพราะถ้าหลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลสมองเสื่อม
ก็หมายความว่าสมองของเขามีปัญหา
เด็กคนนี้ย่อมสามารถทำได้ทุกอย่าง
ถ้ากดดันหนักหน่วงมากเกินไป…
สุดท้าย นักบวชหรงก็ต้องถอนหายใจ พูดออกมาอย่างไม่มีทางเลือก “เจ้าต้องการอะไร โปรดว่ามา”
“น่าเสียดายจังเลยน้า”
หลินเป่ยเฉินว่า “แต่ในเมื่อนี่เป็นความต้องการของเจ้า ข้าก็ไม่คิดปฏิเสธ…”
หญิงชราหลังค่อมเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน
นางไม่มีทางแบกรับความผิดโทษฐานเป็นผู้ที่ทำให้น้ำตาเทพเจ้าสูญหายหรือถูกทำลายได้เด็ดขาด
นับจากนี้ไป กลายเป็นว่านักบวชหรงตกเป็นเบี้ยล่างหลินเป่ยเฉินทุกประตูแล้ว
มีแต่ต้องจำยอมรับคำสั่งแต่โดยดีเท่านั้น
“ความปรารถนาแรกของข้าก็ไม่มีอะไรมาก นักบวชหรงสามารถทำได้โดยไม่มีปัญหา นั่นก็คือการปิดข่าวเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ มิให้มีผู้ใดล่วงรู้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายมนุษย์หรือฝ่ายชาวทะเลก็ตาม รอจนให้ชาวเมืองหยุนเมิ่งไปถึงนครเจาฮุยอย่างปลอดภัยเสียก่อน ถึงจะสามารถเผยแพร่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ต่อสาธารณชนได้”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง
นั่นเป็นเพราะเขากังวลว่าหากข่าวนี้เผยแพร่ออกไปสู่กลุ่มชาวทะเลในวงกว้าง ก็อาจจะเกิดความเปลี่ยนแปลงตามมาได้โดยไม่คาดคิด
นักบวชหรงรับคำ “ย่อมได้”
นางตอบรับโดยไม่ลังเล
นี่คือสิ่งที่นางก็คิดเอาไว้แล้วเช่นกัน
มิหนำซ้ำ การปิดข่าวยังเป็นประโยชน์ต่อนางอีกด้วย
หลินเป่ยเฉินกล่าวต่อไป “ความปรารถนาข้อที่สอง เจ้าต้องปล่อยตัวเพื่อนทั้งสองคนของข้าออกมา และให้ที่ปรึกษากุยเหนียนเป็นผู้นำพวกเขามาส่งข้าที่ตรงนี้… เพราะในกลุ่มชาวทะเลของพวกเจ้า ข้าสามารถเชื่อใจท่านที่ปรึกษากุยเหนียนได้เพียงคนเดียวเท่านั้น เฮ้อ”
กุยเหนียนได้ยินดังนั้นก็สะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
หลินเป่ยเฉินเจ้าตัวร้ายกาจ
เหตุไฉนถึงต้องลากมันไปให้เดือดร้อนด้วยเล่า?
แต่เมื่อเห็นสายตาของนักบวชหรง กุยเหนียนก็ไม่กล้าต่อรองอะไรอีก มันรีบนำตัวฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงออกไปส่งมอบให้แก่หลินเป่ยเฉินแต่โดยดี
“ขอบคุณมาก ท่านที่ปรึกษา… ฮื่อ ท่านนับเป็นสหายที่ดีของข้ามาโดยตลอดจริงๆ”
หลินเป่ยเฉินยื่นมือออกมาจับมือกับกุยเหนียนเขย่าด้วยความสนิทสนม
มนุษย์เต่าทะเลมีใบหน้าแข็งค้าง ดวงตาเหม่อลอย ขณะที่เขย่ามือกับหลินเป่ยเฉินมันก็ได้แต่ถามตัวเองอยู่ในใจว่า ‘ข้าเป็นใคร ข้าอยู่ที่ไหน และข้ามาทำอะไรที่นี่’
ไต้จือฉุนกับฉู่เหินลอยตัวขึ้นมาในอากาศและรับตัวฮันปู้ฟู่กับเยว่หงเซียงกลับลงไป
เมื่อส่งตัวมนุษย์เต่าทะเลกุยเหนียนกลับไปแล้ว หลินเป่ยเฉินก็กล่าวต่ออีกครั้ง “ความปรารถนาข้อที่สาม พวกเจ้าคงทราบดี ข้าขอสั่งให้กองทัพชาวทะเลถอนกำลังกลับไปอยู่ในที่มั่นของพวกเจ้า และจงเปิดทางให้คนของข้าอพยพได้โดยปลอดภัย หวังว่านักบวชหรงคงออกคำสั่งต่อกองทัพได้ไม่มีปัญหา และจงทำให้แน่ใจว่าระหว่างที่พวกข้าเดินทางนั้น จะไม่มีชาวทะเลเข้ามาปั่นป่วนแทรกแซงหรือก่อความวุ่นวาย มิฉะนั้น…”
หลินเป่ยเฉินยกกระบี่สายฟ้าขึ้นทาบลงไปบนน้ำตาเทพเจ้าอีกครั้ง
นักบวชหรงพยักหน้าเร่งร้อน “เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว”
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปาก “ความปรารถนาข้อที่สี่…”
หญิงชราหลังค่อมมีใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความอึดอัดขัดใจ “พอเสียที เจ้าอย่าโลภมากให้เกินไปนัก…”
หลินเป่ยเฉินยังคงพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “อย่าเพิ่งใจร้อนสิ ความปรารถนาข้อที่สี่จะเป็นอะไรนั้นข้าก็ลืมไปแล้ว เอาเป็นว่าขอเวลาข้าคิดก่อนก็แล้วกัน… แต่อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ นักบวชหรงสนใจร่วมเดินทางไปพร้อมกับพวกเราหรือไม่? อย่างน้อยเจ้าก็จะได้แน่ใจว่าน้ำตาเทพเจ้าปลอดภัยดีและไม่ได้สูญหายไปไหน”
หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าควรจะหยุดเวลาใด
คนเราไม่ควรกดขี่ข่มเหงฝ่ายตรงข้ามมากเกินไป
มิฉะนั้นแล้ว อาจกลายเป็นฝ่ายตนเองที่ตกม้าตายได้ง่ายๆ
“ย่อมได้”
นักบวชหรงพยักหน้า “แต่เมื่อพวกเจ้าเดินทางไปถึงนครเจาฮุยแล้ว หลินเป่ยเฉิน เจ้าต้องคืนน้ำตาเทพเจ้ามาให้ข้า มิเช่นนั้น จะถือว่าข้อตกลงของเราเป็นอันโมฆะ”
หลินเป่ยเฉินผงกศีรษะ ตอบรับกลับไป “ม.ม.ป.ห.”
หญิงชราขมวดคิ้วด้วยความมึนงง
“หมายความว่าไม่มีปัญหา”
“ประเสริฐ ข้าเชื่อถือในคำพูดของเจ้า”
พูดจบ นักบวชหรงก็ยกมือโบกสะบัดเล็กน้อย
แล้วกองทัพชาวทะเลที่รวมพลกันอยู่บริเวณตีนเขาก็ถอนกำลังกลับไปอย่างรวดเร็ว
ชาวเมืองหยุนเมิ่งล้วนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ปลอดภัยแล้ว
ในที่สุด พวกเขาก็ปลอดภัยแล้ว
เกิดเสียงโห่ร้องดังออกมาจากภูเขาเสี่ยวซียิ่งกว่าเสียงภูเขาไฟระเบิด
เป็นเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจของผู้คน
ผู้เฒ่าผู้แก่และสตรีกำลังร้องไห้ออกมาด้วยความปลาบปลื้ม
“ในโลกนี้ไม่มีใครประเสริฐเท่ากับคุณชายหลินอีกแล้ว”
“ขอให้คุณชายหลินอายุยืนหมื่นปี”
“ขอให้คุณชายหลินมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ตลอดไป”
เสียงร้องตะโกนดังกังวานท่วมภูเขาเสี่ยวซี
หลินเป่ยเฉินไม่มีเวลามาชื่นชมกับคำสรรเสริญของชาวเมือง
เขาออกคำสั่งให้ทุกคนเริ่มการอพยพโดยทันที
ก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มได้อัปโหลดศิลาบูชาที่ขุดขึ้นจากเหมืองหินใต้ดินเก็บไว้ในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์หมดแล้ว แม้แต่ของมีค่าเล็กๆ น้อยๆ เขาก็ไม่ปล่อยทิ้งเอาไว้
เมื่อชาวเมืองทำพิธีคำนับคนตายบนภูเขาเสี่ยวซีอย่างรวบรัดเรียบร้อย พวกเขาก็เริ่มต้นการอพยพอย่างเป็นทางการ
หลินเป่ยเฉินเปิดดูแอปไป่ตู้ แมป และเลือกเส้นทางที่ปลอดภัยมากที่สุด นำขบวนชาวเมืองลงจากภูเขาเสี่ยวซี เดินทางขึ้นเหนือ
นักบวชหรงยืนอยู่บนหัวมังกรเขียวบินติดตามมาบนท้องฟ้าทางด้านหลัง
ดวงตาสีแดงก่ำของมังกรให้ความรู้สึกเหมือนโลกนี้มีพระจันทร์สีเลือดอยู่สองดวง และเป็นพระจันทร์ที่แผ่รังสีอำมหิตออกมาตลอดเวลา
แต่ชาวเมืองหยุนเมิ่งก็ไม่ได้หวาดกลัวอีกแล้ว
ระหว่างการเดินทาง พวกเขารับประทานอาหารอย่างรวดเร็ว
ภายใต้การสั่งงานของหลินเป่ยเฉิน โอสถต้าชิงชุดแรกได้ถูกแจกจ่ายออกมา
“โอ้โห ยอดเยี่ยมเหลือเกิน”
“พอกินเข้าไปแล้วข้าก็ไม่รู้สึกหิวอีกเลย”
“กำลังวังชาของข้าก็ฟื้นฟูกลับมาแล้ว”
“ได้ข่าวว่านี่เป็นยาลูกกลอนวิเศษที่คุณชายหลินจัดเตรียมไว้ให้กับพวกเราโดยเฉพาะ”
“คุณชายช่างมีเมตตาเหลือเกิน ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
“ใช่แล้ว ข้าแทบนับไม่ไหวแล้วว่าเขาช่วยเหลือพวกเราไว้กี่ครั้งกัน”
“แทนที่จะเรียกว่าโอสถต้าชิง เหตุไฉนเราถึงไม่เรียกยาลูกกลอนนี้ว่าโอสถเป่ยเฉินล่ะ?”
“จริงด้วย เพราะนี่คือยาลูกกลอนที่เกิดขึ้นมาได้จากความเมตตาของคุณชายหลินแท้ๆ”
“นั่นสินะ”
ชาวเมืองหยุนเมิ่งพูดคุยกันอย่างมีความสุข และในที่สุด พวกเขาก็เปลี่ยนชื่อยาวิเศษมาเป็นชื่อของหลินเป่ยเฉินโดยที่เด็กหนุ่มไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย