ตอนที่ 616 เหลือเวลาสำหรับหลินเป่ยเฉินไม่มากแล้ว
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเดือดดาลเป็นอย่างมาก
แต่เขาจำเป็นต้องอดทนข่มกลั้นเอาไว้ก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นผู้ที่ถูกเลือก นอกจากเทพีกระบี่จะเลือกเขาแล้ว แม้แต่เทพเจ้าแห่งท้องทะเลก็ยังหลงเสน่ห์เขาแล้วเช่นกัน… นั่นแหละ ไม่ว่ามองจากมุมไหน หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าตนเองไม่ได้ถูกยกยอปอปั้นเกินจริงแต่อย่างใด
ถัวป่าควรจะระมัดระวังคำพูดของตนเองให้มากกว่านี้
แต่หลินเป่ยเฉินก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าพัดจีบในมือของฝ่ายตรงข้ามมีความน่ากลัวไม่ใช่เล่น
ไม่ใช่ว่าเขาหวาดกลัวที่จะต้องต่อสู้กับถัวป่า
แต่อย่าเพิ่งมีเรื่องกันตอนนี้เลยดีกว่า
“ตอนเจ้าอายุ 15 ปี เจ้าสามารถทำได้อย่างเขาแล้วหรือยัง?”
หลิงไท่ซวียิ้มอย่างเยือกเย็นและออกหน้าโต้เถียงแทนว่าที่หลานเขยในอนาคต “ข้าเคยเห็นพวกเจ้ามาหมดแล้ว แม้แต่บรรดาผู้เฒ่าผู้แก่ในจักรวรรดิจี้กวง ก็ไม่เคยมีใครสามารถทำได้เหมือนหลินเป่ยเฉิน”
ถัวป่ากระตุกยิ้มเล็กน้อย “ผู้อาวุโสหลิง ปัจจุบันท่านก็เอาแต่ลุ่มหลงอยู่ในสุรานารี ไม่ทราบท่านมีดีอะไรมาดูถูกพวกข้า?”
“ต่อให้ข้าลุ่มหลงในสุราและนารี แต่อย่างน้อยก็มีฝีมือดีกว่าบรรพบุรุษของเจ้าก็แล้วกัน”
หลิงไท่ซวีว่า
“ท่านพูดอย่างนี้ เราคงคบกันไม่ได้”
มือสังหารธารน้ำแข็งส่ายหน้า แววตาปรากฏความผิดหวังขึ้นอีกครั้ง แล้วเขาก็ไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
“ข้าก็แค่พูดความจริงเท่านั้นเอง”
หลิงไท่ซวีกล่าวต่อเสียงราบเรียบ
หลินเป่ยเฉินต้องยกมือขึ้นมานวดขมับด้วยความปวดหัว
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ทำไมบทสนทนาเหล่านี้ มันถึงฟังดูเหมือนคู่รักทะเลาะกันอย่างไรชอบกล?
หรือว่าตอนที่อยู่บนโลกมนุษย์ เขาจะเอาแต่ดูซีรีส์อเมริกันมากเกินไปนะ?
เด็กหนุ่มเริ่มไม่เข้าใจตัวเอง
จังหวะนั้น เจ้าชายอวี้ชินหวังมองมาที่หลินเป่ยเฉินและส่งยิ้มให้เขาด้วยความเอ็นดู “หลินเป่ยเฉิน สถานการณ์ของเจ้าไม่ค่อยสู้ดี เหตุไฉนถึงต้องดึงดันที่จะไปตั้งหลักใหม่ในนครเจาฮุยด้วย สู้ติดตามพวกข้ากลับไปยังจักรวรรดิจี้กวงด้วยกันไม่ดีกว่าหรือ?”
“เอ่อ… ที่พวกท่านตามข้ามา ก็เพราะอยากจะให้ข้ากลับไปด้วยงั้นสินะ?”
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ
ตอนแรกเขานึกว่าสองพ่อลูกจากจักรวรรดิจี้กวงจะตามมาเพื่อไล่ล่าสังหารเขาเสียอีก
แต่กลับกลายเป็นว่าที่ตามมา เพราะอยากให้เขาเดินทางกลับไปด้วยกันต่างหาก
“บิดาเจ้าเคยได้รับฉายาว่าเป็นเทพเจ้าแห่งสงคราม ถึงเขาจะเป็นศัตรูผู้ร้ายกาจของพวกเราชาวจักรวรรดิจี้กวง แต่เราก็เคารพในความแข็งแกร่งของบิดาเจ้ามาก มีผู้คนมากมายเคารพนับถือแม่ทัพหลิน เช่นเดียวกับการแสดงฝีมือของเจ้าในเมืองหยุนเมิ่งตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ก็เป็นสิ่งที่ล่วงรู้มาถึงหูของพวกเราเช่นกัน ในเมื่อบัดนี้ จักรวรรดิเป่ยไห่ไม่สามารถปกป้องคุ้มครองเจ้าได้อีก จักรวรรดิจี้กวงก็จะขอทำหน้าที่ดูแลเจ้าต่อไปเอง และข้าขอรับปากว่าเจ้าจะได้รับทั้งชื่อเสียงเกียรติยศและการปฏิบัติเป็นอย่างดี”
เจ้าชายอวี้ชินหวังกล่าวออกมาด้วยความจริงใจ
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ”
องค์หญิงเค่อเอ๋อร์ปรบมือสนับสนุนอย่างตื่นเต้น “จักรวรรดิจี้กวงของพวกเรามีความแข็งแกร่งมากๆ นะเจ้าคะ หากยอดฝีมืออย่างพี่หลินตัดสินใจมารับใช้กองทัพของพวกเรา ท่านจะต้องมีตำแหน่งและสถานะสูงส่งอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากพี่หลินสามารถแสดงความยอดเยี่ยมในสนามรบให้ทุกคนได้ประจักษ์แก่สายตา ท่านก็จะต้องสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับตนเองได้อย่างที่คิดไม่ถึงเลยเจ้าค่ะ”
หลินเป่ยเฉินยกมือจับคางของตนเองและยิ้มออกมา
ฟังดูน่าสนใจอยู่เหมือนกันนะเนี่ย
เฮ้อ ถ้าเขาเข้าร่วมกับจักรวรรดิจี้กวง ชีวิตนี้ก็คงไม่ต้องดิ้นรนอะไรอีกแล้ว
นี่ไม่ต่างจากเด็กบ้านนอกผู้หนึ่งได้รับความสนใจจากสถานศึกษาในตัวจังหวัดและสถานศึกษาเหล่านั้นต่างก็พร้อมทำทุกอย่างเพื่อแย่งชิงตัวเขาไปให้ได้…
ในชีวิตของคนเราจะมีสักกี่ครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นมา
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น
หลินเป่ยเฉินก็ยังรู้สึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่หายกับกิริยาท่าทางของมือสังหารธารน้ำแข็งถัวป่า ส่วนไป๋ชินหยุนก็กำลังยืนดวงตาแดงก่ำ รอคำตอบจากเขาอยู่ด้วยความตื่นเต้น
สำหรับกับนางแล้ว นี่คือทางออกของทุกๆ ปัญหา
หากหลินเป่ยเฉินยินยอมไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่จักรวรรดิจี้กวง พวกเขาก็ไม่ต้องเป็นศัตรูกันอีกต่อไป
แต่ทันใดนั้น กลุ่มก้อนเมฆสีดำได้เคลื่อนตัวเข้ามาจากท้องฟ้าระยะไกล
สายลมกระโชกแรง
ผืนฟ้าคำรามเสียงดังครืนครัน
กลุ่มเมฆดำนั้นลอยเข้ามาพร้อมกับม่านหมอกหนาแน่น
นักบวชหรงยืนอยู่บนมังกรเขียวตัวเดิม
“หลินเป่ยเฉิน ข้ามีเรื่องอยากมาบอก หากเจ้าต้องการย้ายไปอยู่จักรวรรดิจี้กวง ก็จงคืนเครื่องรางน้ำตาเทพเจ้ามาให้ข้าก่อน และข้าขอรับปากว่าพวกเราชาวทะเลจะทำหน้าที่คุ้มกันชาวเมืองหยุนเมิ่งทุกๆ คน ให้เดินทางไปถึงนครเจาฮุยอย่างปลอดภัยไร้อันตราย”
หญิงชราหลังค่อมพูดด้วยสีหน้าเข้มขรึมและจริงจัง
หลินเป่ยเฉินยังคงไม่ตอบรับคำใด
องค์หญิงเค่อเอ๋อร์กล่าวเสริมว่า “อีกอย่างนะเจ้าคะ เจ้าของผ้าเช็ดหน้าปักลายผืนนั้นก็อยู่ในจักรวรรดิจี้กวงด้วยเช่นกัน ขอเพียงพี่หลินพยักหน้าตอบตกลง อีกไม่นาน ท่านก็จะต้องได้เจอนางแน่นอน”
หลินเป่ยเฉินถึงกับชะงักไปด้วยความตกตะลึง….
สุดท้าย มันก็เป็นอย่างที่เขาคิดจริงๆ
หลินถินชางหลบหนีอยู่ที่จักรวรรดิจี้กวง
ถ้าอย่างนั้น…
บิดาของเขาก็คงอยู่ที่นั่นด้วยใช่หรือไม่?
ชักน่าปวดหัวแล้วสิ
ถึงจะแน่ใจอยู่แล้วว่าบิดาและพี่สาวของตนเองยังไม่เสียชีวิต แต่ทั้งสองคนนั้นก็เป็นผู้ที่หลินเป่ยเฉินต้องการพบเจอน้อยที่สุดในขณะนี้ เนื่องจากหลินจิ้นหนานและหลินถินชางอาจจะดูออกได้ไม่ยากว่าเขาไม่ใช่หลินเป่ยเฉินตัวจริง
แต่ถ้าปฏิเสธไม่ยอมติดตามสองพ่อลูกไปยังจักรวรรดิจี้กวง มือสังหารธารน้ำแข็งถัวป่าก็อาจจะใช้พัดจีบมฤตยูฤตยูในมือนั่นสังหารเขาก็เป็นได้
และหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ไป๋ชินหยุนก็คงไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเขาเป็นแน่แท้
ว่ากันตามความเข้าใจของหลินเป่ยเฉิน ไป๋ชินหยุนแทบจะภาวนาให้เขาถูกมือสังหารธาตุน้ำแข็งถัวป่าฆ่าตายไปตั้งแต่ตอนนี้เสียด้วยซ้ำ เพราะนางจะได้ไม่ต้องลงมือด้วยตนเองให้ลำบากใจ…
สำหรับกับไป๋ชินหยุน นี่คือวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดสำหรับนาง
มิหนำซ้ำ ยังเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับนักบวชหรงอีกด้วย…
เพราะหากเด็กหนุ่มต้องรีบเดินทางไปที่จักรวรรดิจี้กวง เขาก็ต้องคืนน้ำตาเทพเจ้าให้นางเร็วกว่ากำหนด แล้วถ้าสถานการณ์รุนแรงมากไปกว่านั้น หลินเป่ยเฉินต้องตายภายใต้น้ำมือของถัวป่า เสี้ยนหนามที่คอยทิ่มแทงหัวใจของชาวทะเลก็จะหมดสิ้นไป โดยที่นักบวชหรงไม่ต้องเหนื่อยแรงเลยด้วยซ้ำ
เฮ้อ
มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน?
หลินเป่ยเฉินใช้เวลาขบคิดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายก็รู้สึกว่าตนเองต้องคิดถึงการอพยพไปอยู่จักรวรรดิจี้กวงอย่างจริงจังขึ้นมาบ้างแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์บนโลกมนุษย์ หลินเป่ยเฉินอ่านนิยายออนไลน์มานับไม่ถ้วน จึงรู้ดีว่าชะตากรรมของพระเอกซึ่งหลบหนีไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองนั้น ไม่ได้ดีกว่าความยากลำบากที่เขากำลังพบเจออยู่สักเท่าไหร่เลย
แต่นี่คือชีวิตจริง ไม่ใช่นิยายออนไลน์
จังหวะนั้น หลินเป่ยเฉินกลับต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงสัญญาณเตือนดังขึ้นในหัว
ติ๊ง!
“นายท่านได้รับข้อความใหม่ กรุณาตรวจสอบด้วยเจ้าค่ะ”
เสียงของเสี่ยวจี้ดังขึ้นโดยปราศจากสัญญาณเตือน
หลินเป่ยเฉินหัวใจเต้นตึกตักด้วยความลุ้นระทึก
หรือว่าในที่สุด เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็จะตอบข้อความเขามาแล้ว?
ก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มพยายามส่งข้อความไปหลายครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเทพีกระบี่หิมะไร้นามในแอปวีแชทหรือว่าธิดาอู๋ไห่จือตี้ในแอปเจิ้นอ้ายหว่าง แต่ก็ไม่มีใครตอบข้อความของเขากลับมาเลยสักคนเดียว
หลินเป่ยเฉินรีบนำโทรศัพท์ออกมาดูด้วยความตื่นเต้น
หืม?
ปรากฏว่าข้อความนั้นกลับมาจากแอปพลิเคชันสำหรับการออกกำลังกายที่ชื่อว่า Keep
เมื่อกดดูข้อความแจ้งเตือน หน้าต่างข้อความก็เด้งขึ้นมาทันที
‘ท่านได้รับภารกิจเลื่อนระดับพลังชนิดก้าวกระโดดจากการช่วยเหลือสมาชิกสถานศึกษากระบี่ที่สาม’
‘ภารกิจ : สร้างสถานศึกษากระบี่ที่สามขึ้นมาใหม่ในนครเจาฮุย และช่วยมอบโอกาสให้แก่ผู้คนที่ไม่เคยฝึกฝนวิทยายุทธ์มาก่อน ให้ได้มีโอกาสเรียนรู้วิชาการต่อสู้ที่ถูกต้อง เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้นำความรู้ที่มีไปเปลี่ยนแปลงชีวิตของตนเองให้ดียิ่งขึ้น’
‘เนื้อหาของภารกิจประกอบด้วย : ก่อตั้งสถานศึกษาที่มีความยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าสถานศึกษากระบี่ที่สาม ทางตอนเหนือของนครเจาฮุย และรับชาวเมืองหยุนเมิ่งไม่ต่ำกว่า 1,000 คนมาศึกษาวิชาการต่อสู้ในสถาบันแห่งนี้ โดยผู้ก่อตั้งต้องหาแหล่งเงินทุนและทรัพยากรสนับสนุนสำหรับการฝึกวิชามาด้วยตนเอง’
‘ของรางวัลเมื่อทำภารกิจได้สำเร็จ : ท่านจะเลื่อนระดับพลังแบบก้าวกระโดดขึ้นไปสู่ขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย และมีความเป็นไปได้สูงที่จะเลื่อนระดับขึ้นไปสู่ขั้นเซียนได้สำเร็จ’
‘ท่านสนใจที่จะทำภารกิจนี้หรือไม่?’
ด้านล่างข้อความนั้นมีตัวเลือกปรากฏขึ้นมาสองทางเลือก
[สนใจ] กับ [ไม่สนใจ]
พร้อมกันนั้นก็มีตัวเลขนับถอยหลังแจ้งเวลาที่เหลืออยู่
เป็นเวลา 60 วินาที
นี่คือข้อเสนอการทำภารกิจที่เมื่อปรากฏขึ้นมาครั้งหนึ่งแล้ว ก็จะไม่ปรากฏขึ้นมาอีก
เพียงพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไป 30 วินาที
เหลือเวลาสำหรับหลินเป่ยเฉินไม่มากแล้ว