บทที่ 64 หลินเป่ยเฉินแสดงฝีมือ
ดูจากความหนาของฝักกระบี่และด้ามกระบี่แล้ว ถึงแม้จะมีความรู้เรื่องกระบี่เพียงผิวเผิน แต่หลินเป่ยเฉินก็สามารถบอกได้ทันที ว่านี่คือกระบี่ที่หายากและมีราคาแพงมากเล่มหนึ่ง
“กระบี่เล่มนี้ตีขึ้นจากเหล็กชนิดพิเศษ ยาวสามเซี๊ยะครึ่ง หนักสิบชั่ง มีนามว่ากระบี่หมื่นดารา” เมื่อมีกระบี่อยู่ในมือ เซินเฟยก็เปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน เด็กหนุ่มที่ไม่โดดเด่นสะดุดตา พลัน กลายเป็นคนที่เฉิดฉายเจิดจรัสราวกับสามารถเปล่งแสงสว่างออกจากร่างกายได้ก็ไม่ปาน ไม่ต่างจากก้อนหินธรรมดาที่ถูกเจียระไนจนกลายเป็นเพชรล้ำค่าในเวลาเพียงพริบตาเดียว
นี่มันอะไรกันเนี่ย!
หลินเป่ยเฉินลอบอุทานด้วยความตกใจอีกครั้ง
ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าเซินเฟยเหมาะสมจะเป็นพระเอกตัวจริงเลยแฮะ
หน้าตาหล่อเหลา เป็นพยัคฆ์ซ่อนเล็บ ต่อสู้เพื่อพวกพ้องของตนเอง
ไม่ว่าจะเป็นในนิยายเรื่องไหน เกิดมีตัวละครแบบนี้โผล่ออกมา ยังไงก็ต้องเป็นพระเอกชัดๆ
ในที่สุด หลิงเฉินก็ชักกระบี่ออกจากฝักที่คาดอยู่ข้างเอว เสื้อคลุมของนางปลิวไสว ชุดเกราะหนังเปล่งแสงสว่างเรืองรองขณะพูดว่า “ส่วนของข้าเป็นกระบี่ธรรมดาจากเมืองหยุนเมิ่ง มาจากร้านขายศาสตราวุธอาจารย์ฟ่าน มีราคา 10 เหรียญเงิน…มาดูกันเถอะว่า เจ้าจะมีฝีมือกระบี่เก่งกาจขนาดไหน”
“ย่อมได้”
เซินเฟยพยักหน้า พื้นดินใต้เท้าของเขาเกิดแรงระเบิดเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของเด็กหนุ่มจะลอยถลาพุ่งออกมาตรงเข้าหาหลิงเฉินเหมือนลูกปืนใหญ่ พริบตาเดียว เซินเฟยก็ลอยข้ามมากินระยะทางกว่าเจ็ดผิง แล้วกระบี่ในมือของเขาก็ระเบิดรัศมีเป็นแสงสว่างเจิดจ้า
“ร้ายกาจไม่เบาเลยนะเนี่ย!”
หลินเป่ยเฉินที่ลอยคออยู่ในทะเลสาบอดคิดด้วยความชื่นชมอยู่ในใจไม่ได้
“แต่ถ้าเป็นแบบนี้ หมอนี่มันก็เก่งกว่าฉันน่ะสิ…ใช่ไหมวะ?”
“กระโดดออกมาข้างหน้าพร้อมฟันกระบี่ไปด้วยแบบนี้….ฉันก็น่าจะทำได้เหมือนกันมั้ง”
หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดอยู่เล็กน้อย ถ้าเกิดใช้พลังปราณรวมเข้ากับพลังจากวิชากระบี่เร้นกาย เขาก็น่าจะทำได้ไม่มีปัญหา
“สงสัยคราวหน้าต้องลองทำดูบ้างซะแล้ว”
แต่ถึงกระนั้น เด็กหนุ่มก็รู้ตัวดีว่าปัญหาใหญ่ที่สุดในตอนนี้ก็คือ เขาสามารถใช้พลังลมปราณได้ก็จริง แต่ตนเองยังไม่เคยเรียนรู้ทักษะการต่อสู้ที่ถูกต้องหรือเคยเก็บเกี่ยวประสบการณ์การต่อสู้จริงๆ มาก่อน ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องยากไม่น้อยที่หลินเป่ยเฉินจะแสดงฝีมือได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจเหมือนเซินเฟย
“เห็นทีฉันคงต้องตั้งใจฝึกให้มากกว่านี้…แต่เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ ยังไงฉันก็สามารถเอาชนะทุกคนได้ด้วยรากฐานพลังที่แข็งแกร่งอยู่แล้วนี่นา จะตั้งใจฝึกไปทำไม การฝึกวิชามันน่าเบื่อจะตาย สงสัยฉันคงคิดมากเกินไปแล้ว”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็ล้มเลิกความคิดที่จะตั้งใจฝึกวิชาอย่างเอาจริงเอาจังไปอย่างรวดเร็ว
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
เสียงกระบี่ปะทะกันดังต่อเนื่องในอากาศ
เซินเฟยเปลี่ยนตำแหน่งร่างกายได้คล่องแคล่วเหมือนผีเสื้อโบยบิน กระบี่หมื่นดาราในมือของเขาพลิ้วไหวเหมือนเงาภูตผี บางครั้งมันก็จะระเบิดลำแสงสว่างจ้าในขณะที่เสือกแทงคมกระบี่เข้าใส่หลิงเฉินเหมือนพายุ
ทว่าหลิงเฉินก็ยังคงยืนอยู่บนโขดหิน สามารถใช้กระบี่ธรรมดาในมือของนางปัดป้องการโจมตีได้อย่างไม่มีปัญหา
ประกายไฟสาดกระจายรอบทิศทางจากการปะทะกันของกระบี่ทั้งสองเล่ม
เด็กหนุ่มและเด็กสาวต่อสู้กันด้วยความดุเดือดและสวยงาม
นี่คือการต่อสู้ที่เกินระดับศิษย์ชั้นปีที่ 2 ไปไกลมาก
ยิ่งกว่านั้น ทักษะการใช้กระบี่ของพวกเขายังเทียบเท่าระดับมืออาชีพอีกด้วย
ศิษย์จากสถานศึกษากระบี่หลวงที่ยืนดูอยู่โดยรอบ ล้วนตกตะลึงไปกับการประลองกระบี่ครั้งนี้กันหมดแล้ว ทุกคนเฝ้าดูด้วยความสนอกสนใจ และหวังว่าสักวันหนึ่งตนเองจะสามารถมีฝีมือในระดับนี้บ้าง
ไม่มีโอกาสไหนดีมากไปกว่านี้อีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจเด็ดขาด สะบัดขาก่อนใช้ร่างกายช่วงล่างดันตนเองไปข้างหน้า ค่อยๆ ลอยเข้าไปหาริมฝั่งตรงจุดที่เยว่หงเซียงถูกจับตัวมัดไว้กับต้นไม้ชายป่า
ในขณะนี้ ทุกสายตากำลังจับจ้องการต่อสู้ระหว่างเซินเฟยกับหลิงเฉิน ไม่มีใครให้ความสนใจที่หลินเป่ยเฉินสักคน
เด็กหนุ่มลอยตัวมาจนถึงริมน้ำ ก่อนที่เขาจะระเบิดพลังลมปราณออกจากร่างกาย
เส้นเชือกที่พันธนาการรอบกายของหลินเป่ยเฉินขาดสะบั้นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทันที
วูบ!
หลินเป่ยเฉินลอยตัวขึ้นจากผิวน้ำ
ลักษณะท่าทางของเขาเหมือนกบกระโดดขึ้นจากน้ำไม่มีผิด
อาจจะไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่ แต่ประสิทธิภาพการใช้งานเต็มร้อย
ศิษย์หญิงผู้ทำหน้าที่คุมตัวเยว่หงเซียงทั้งสี่คนยังไม่ทันได้ลงมือตอบสนอง หลินเป่ยเฉินก็สามารถช่วยเหลือเด็กสาวเพื่อนร่วมสถาบันออกมาได้แล้ว
จังหวะเดียวกันนี้ เมื่อสบโอกาสเหมาะ หลินเป่ยเฉินก็จัดการตบหน้าอู๋เสี่ยวฟางจนอีกฝ่ายหลังหมดสติคาที่ เสร็จแล้วเขาก็แย่งชิงกระบี่คุณธรรมกลับคืนมา
เมื่อมีกระบี่อยู่ในมือ โลกทั้งใบก็เป็นของเขาอีกครั้ง
ความมั่นใจในตัวเองกลับคืนสู่หลินเป่ยเฉินในที่สุด
หลินเป่ยเฉินพูดว่า “เยว่หงเซียง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?”
เยว่หงเซียงมีสภาพน่าสงสารมากมาย เส้นผมยุ่งเหยิง เนื้อตัวสกปรกมอมแมม แต่สีหน้ายังคงเยือกเย็นเป็นปกติ นางตอบพร้อมกับปัดเศษทรายออกจากตัว “ขอบใจมาก ข้าไม่เป็นไร”
เถาว่านเฉิงหันมาเห็นเข้าพอดี ก็ร้องตะโกนว่า “จับพวกมันไว้”
ทันใดนั้น กลุ่มคนหลายสิบคนก็กรูเข้ามาห้อมล้อมหลินเป่ยเฉินกับเยว่หงเซียง
“เจ้าถอยไปก่อน” หลินเป่ยเฉินพูดกับเด็กสาวคงแก่เรียน “พยายามรักษาระยะห่างอย่าเข้าใกล้ข้า เจ้าจะได้ไม่ต้องโดนลูกหลงไปด้วย ข้ากำลังจะลงมือ…ไม่ใช่สิ ข้ากำลังจะสั่งสอนพวกมันด้วยกระบี่คุณธรรมต่างหาก”
เช้ง!
กระบี่คุณธรรมถูกชักออกจากฝักแล้ว
คมกระบี่ตวัดวูบวาบเหมือนสายฟ้าฟาด
ฟู่!
คนล้มไป 1 คน
ฟู่! ฟู่!
มีคนล้มไปอีก 2 คน
ฟู่! ฟู่! ฟู่! ฟู่!
ครานี้มีคนล้มลงไปอีก 7 ถึง 8 คน
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินก็เหมือนจะเปลี่ยนร่างกลายเป็นมืออาชีพไปอีกคนแล้วเช่นกัน บรรดาคนที่รุมเข้ามาห้อมล้อมเขาทยอยล้มลงไปทีละคนสองคน ต่างได้รับบาดเจ็บและรู้สึกมึนงงไปตามๆ กัน
บรรยากาศตกอยู่ในความหวาดกลัว
เมื่อคนที่เหลือพบว่ามีบางอย่างผิดปกติ พวกเขาก็พากันล่าถอยไปทันที
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดปานฟ้าผ่าพลันดังขึ้น
การต่อสู้ระหว่างสองอัจฉริยะที่อีกฝั่งหนึ่งทวีความดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ
เซินเฟยกระเด็นถอยหลัง ต้องหมุนตัวตีลังกา 360 องศา แม้ร่อนลงสู่พื้นดินได้อย่างสง่างาม แต่ก็ต้องเซถอยหลังไปอีกหลายก้าวถึงตั้งหลักได้อย่างมั่นคง
หลิงเฉิน เทพธิดาอัจฉริยะประจำเมืองหยุนเมิ่ง ซึ่งยืนอยู่บนโขดหินตลอดเวลา ในขณะนี้ นางยังคงยืนอยู่ที่เดิมด้วยความมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
“จับตัวพวกมันเอาไว้!” เซินเฟยหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินกับเยว่หงเซียงแล้วคำรามลั่น “อย่าปล่อยให้พวกมันหนีไปได้”
เถาว่านเฉิงต้องลงมือด้วยตัวเองแล้ว
หลังมีเวลารักษาอาการบาดเจ็บช่วงสั้นๆ มือของเขาก็กลับมาใช้งานได้เกือบเป็นปกติ
เช้ง!
กระบี่ถูกดึงออกจากฝัก
“หลินเป่ยเฉิน เดี๋ยวข้าจะสอนให้เจ้าได้รู้เอง ว่ามือกระบี่ที่แท้จริงมันเป็นอย่างไร”
แล้วคมกระบี่ก็ตวัดวูบวาบ
คมกระบี่พุ่งตรงหาหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มผู้เป็นแกะดำในสายตาของทุกคน พลันผ่อนคลายลมหายใจตั้งสมาธิ จากนั้น จึงร่ายรำกระบี่สามท่าพื้นฐานออกมา
ถึงแม้ว่ากระบวนท่านี้จะเป็นกระบวนท่าพื้นฐานของมือกระบี่ทั่วไป แต่ถ้าตั้งใจฝึกฝนจนใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว ก็สามารถโค่นล้มมือกระบี่ระดับอาชีพได้เช่นกัน หลินเป่ยเฉินฝึกฝนจนอยู่ในขั้นสูงสุดของกระบี่สามท่าพื้นฐานแล้ว เมื่อเขาจู่โจมออกไป จึงสามารถต้านทานการบุกของเถาว่านเฉิงได้อย่างไร้ปัญหา
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
เปลวไฟสาดกระจายไปรอบบริเวณ
“เอ๊ะ?”
เถาว่านเฉิงประหลาดใจไม่ใช่น้อย แต่ก็ยังข่มใจหัวเราะเย้ยหยันออกไปว่า “มาดูกันว่าเจ้าจะรับมือได้กี่กระบวนท่ากัน”
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มจากสถานศึกษากระบี่หลวงก็ใช้กระบวนท่าระดับ 1 ดาวนามว่า ‘กระบี่ผีพุ่งใต้’
คมกระบี่มีลักษณะเป็นประกายเหมือนแสงผีพุ่งใต้บนท้องฟ้า เสือกแทงกระบี่เข้าหาหลินเป่ยเฉินด้วยความรวดเร็วยิ่ง
“หมอนี่มีฝีมือกระบี่ดีกว่ามู่ซินเยว่อีกนะเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ถึงแรงกดดันหนักหน่วง
เขาใช้สามกระบวนท่าพื้นฐานตั้งรับได้ แต่ไม่สามารถหาจังหวะตีโต้กลับไปได้เลย
ถ้าหลินเป่ยเฉินยังมีระดับเดียวกับตอนที่เป็นผู้ชนะการสอบกลางภาค เขาก็คงต้องพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ไปแล้ว
ทว่า ช่วงเวลา 10 วันที่ผ่านมา แอปวิชากระบี่เร้นกายได้เปิดใช้งานอยู่ในโทรศัพท์ตลอดเวลา ทำให้ร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้น เช่นเดียวกับปฏิกิริยาตอบสนองในด้านต่างๆ จึงทำให้เด็กหนุ่มสามารถยกระดับกระบี่สามท่าพื้นฐานขึ้นไปอีกขั้น
เมื่อผนวกเข้ากับการทำงานของแอป ‘พลังจิตขั้นพื้นฐาน’ ที่เปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน จึงทำให้พลังจิตในร่างกายของหลินเป่ยเฉินเลื่อนขั้นสู่ระดับใหม่ แม้เขาจะยังไม่รู้วิธีควบคุมพลังจิตก็ตาม แต่ขณะที่กำลังต่อสู้อยู่นี้ มันก็ช่วยทำให้หลินเป่ยเฉินมีสายตาดีขึ้น และสามารถคำนวณการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามได้แม่นยำขึ้นเช่นกัน
สิ่งเหล่านี้ช่วยยกระดับทักษะการต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินให้แข็งแกร่งมากกว่าเดิม
เคล้ง! เคล้ง! เคล้ง!
กระบี่ปะทะกัน ก่อให้เกิดประกายไฟสาดกระจาย
เถาว่านเฉิงใช้งานกระบวนท่ากระบี่ผีพุ่งใต้ที่มีทั้งหมด 36 กระบวนท่าออกมาถึงครึ่งหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ ทำให้เขาทั้งรู้สึกแปลกใจและเดือดดาล
ดังนั้นเถาว่านเฉิงจึงตวัดกระบี่ด้วยความรุนแรงรวดเร็วมากขึ้น พลังปราณที่อยู่ในร่างกายระดับ 7 ถูกปลดปล่อยออกมาหมดสิ้นในขณะที่ร้องคำรามด้วยความโกรธาว่า “เจ้ายังไม่คิดยอมแพ้ใช่ไหม? ได้เลย วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้รสชาติของความพ่ายแพ้เอง”