ตอนที่ 628 จ้างงาน?
สุดท้าย พวกของหวังซินอวี่ก็เดินทางกลับไปแล้ว
ศิษย์อัจฉริยะเหล่านี้มีสถานะสูงส่งในนครเจาฮุย ทุกคนมีหน้าที่สังหารศัตรูป้องกันชาติ แต่ละคนล้วนเป็นความภาคภูมิใจของชาวเมืองหยุนเมิ่ง และพวกเขาก็ยินดีทำทุกอย่าง เพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้มีโอกาสดีงามในชีวิตเช่นเดียวกับตนเอง
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับหลินเป่ยเฉินแล้ว ศิษย์อัจฉริยะเหล่านี้ก็ยังถือว่าตามหลังอยู่อีกห่างไกล
แม้แต่ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดอย่างหวังซินอวี่ ก็ยังนั่งนิ่งเงียบตลอดเส้นทางขากลับ
เมื่อเข้าสู่เขตพื้นที่เขตสามในตัวเมือง ทุกคนก็กล่าวคำอำลาและเตรียมตัวแยกย้าย
“ทุกคน…”
มี่หรู่หยานซึ่งเป็นบุคคลที่พูดน้อยที่สุดภายในกลุ่ม อยู่ดีๆ ก็ส่งเสียงร้องเรียกขึ้นมาทางด้านหลัง
บรรดาเด็กหนุ่มเด็กสาวซึ่งกำลังจะแยกย้ายกันไป ต้องหยุดชะงักและหันกลับมามอง
มี่หรู่หยานยกมือชูกำปั้นพร้อมกับพูดว่า “ทุกคนสู้ๆ นะ”
บรรดามิตรสหายที่หันกลับมามองต่างก็ยกมือชูกำปั้นให้กับนางเช่นกัน
“สู้ๆ”
ทุกคนประสานเสียงดังสนั่นดังกังวานลั่นประตูเมือง ภายใต้การอาบไล้ของแสงสุดท้ายจากดวงตะวัน
…
ราตรีกาลมาเยือนพร้อมกับความน่ากลัว
ค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่งได้สัมผัสถึงช่วงเวลาแห่งการทำสงครามของนครเจาฮุยเป็นครั้งแรก
ตลอดคืนนี้ ชาวทะเลยกกองทัพมาโจมตีสี่ครั้งสี่ครา
เสียงย่ำกลองรบและเสียงการฆ่าฟันดังลอยมาตามสายลมจากเขตพื้นที่ที่หนึ่งตลอดเวลา
หลินเป่ยเฉินถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาจากฝันหวาน เขาโมโหมาก ต้องห้ามตัวเองอยู่หลายครั้งไม่ให้กางปีกกระบี่ออกมาและแบกปืนยิงจรวด Type 69 ออกไประเบิดพวกกองทัพชาวทะเล
รุ่งเช้าวันต่อมา
[1]ยามซั่งอู่
หลินเป่ยเฉินเดินหาวหวอดออกมาจากกระโจมที่พัก
ตุบ! ตุบ!
ทันใดนั้น ปรากฏเด็กหนุ่มเสื้อผ้าเก่าขาดประมาณห้าถึงหกคน ถูกพวกของกงกงจับโยนมาที่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน
“คุณชายขอรับ สุนัขเร่ร่อนพวกนี้แอบเข้ามาขโมยของของพวกเราเมื่อคืน โชคดีที่หน่วยลาดตระเวนของข้าน้อยจับตัวไว้ได้คาหนังคาเขา”
กงกงรายงาน
“ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด…”
“กราบเรียนคุณชายผู้สูงส่ง พวกเราหิวโหยเหลือเกิน…”
“ผู้ต่ำต้อยมีอายุเพียง 18 ปีและต้องหาเลี้ยงมารดาอายุ 80 ปีขอรับ…”
เด็กหนุ่มเหล่านั้นมีน้ำเสียงที่บอกชัดว่าไม่ใช่คนพื้นที่ พวกเขามีผิวเหลือง ร่างกายผอมบางเหมือนคนขาดสารอาหาร เมื่อมาคุกเข่าอยู่ตรงหน้าหลินเป่ยเฉิน ก็เกิดอาการตัวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความหวาดกลัว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคงเป็นพวกผู้อพยพมาจากเมืองอื่นเช่นเดียวกับพวกเขานั่นเอง
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นลูบคางอย่างใช้ความคิด
“นำโอสถเป่ยเฉินออกมาให้พวกเขารับประทานคนละหนึ่งเม็ด จากนั้นก็นำตัวไปใช้แรงงาน ถ้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เย็นนี้ค่อยปล่อยตัวไป”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง
“ไม่นะ คุณชายได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย”
“กราบเรียนคุณชาย นอกจากมีมารดาอายุ 80 ปี ข้าน้อยยังมีน้องชายอายุ 8 ขวบให้กลับไปดูแล ข้าน้อยผิดไปแล้ว…”
“ได้โปรดคุณชายอย่าให้พวกเรารับประทานยาพิษเข้าไปเลย!”
กลุ่มเด็กหนุ่มผู้ถูกจับกุมตัวไม่รู้ว่าโอสถเป่ยเฉินที่อีกฝ่ายพูดถึงนั้นคือสิ่งใด แต่ฟังดูจากชื่อแล้ว คงไม่พ้นยาพิษเป็นแน่แท้ ดังนั้น พวกเขาจึงร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าเสียใจ
แต่เด็กหนุ่มกลุ่มนี้จะสามารถขัดขืนกงกงได้อย่างไร?
อดีตกลุ่มอันธพาลจัดการลากบรรดาหัวขโมยไปทำตามคำสั่งของหลินเป่ยเฉินโดยไม่รอช้า
ได้ยินเสียงร้องโหยหวนด้วยความตื่นกลัวดังออกมาจากกลุ่มหัวขโมยตลอดเวลา
นั่นทำให้บรรดาชายฉกรรจ์ซึ่งเป็นคนกลุ่มเดียวกับเหล่าหัวขโมย ซึ่งแอบซ่อนตัวอยู่นอกค่ายพักของชาวเมืองหยุนเมิ่ง ถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปด้วยความหวาดกลัว
…
นอกค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่ง
“พี่ซาน พวกเราจะทำอย่างไรกันดี? พวกคุณชายเอ้อช่างโชคร้ายเหลือเกิน”
“ถูกแล้ว พวกเรารีบเข้าไปช่วยเหลือผู้คนกันดีกว่า”
“ช่วยเหลือ? จะเข้าไปช่วยเหลือได้อย่างไร? ไม่เห็นหรือว่าในค่ายพักของผู้คนจากเมืองหยุนเมิ่ง มียอดฝีมือรวมตัวกันอยู่มากมายเพียงใด ต่อให้พวกเราทุกคนร่วมมือกัน ก็ยังไม่แน่ว่าจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้แม้แต่คนเดียว”
“อืม นั่นสินะขอรับ สังเกตดูเสื้อผ้าของผู้คนเหล่านี้ค่อนข้างสะอาดเรียบร้อย ร่างกายก็อ้วนท้วนสมบูรณ์ดี โชคร้ายที่เราทำได้เพียงจ้องมอง ไม่สามารถกินพวกเขาได้ ถ้าเปลี่ยนผู้คนเหล่านี้เป็นแพะแกะสักฝูงก็คงประเสริฐนัก”
“ถ้าอย่างนั้น เรารออีกสองสามวันค่อยกลับมาช่วยเหลือผู้คนดีหรือไม่? ถึงตอนนั้น ยอดฝีมือเหล่านี้ก็คงถูกจ้างงานและเปลี่ยนที่อยู่อาศัยไปอยู่ในเขตพื้นที่ที่สามกันหมดแล้ว”
“มิผิด ไม่มียอดฝีมือคนไหนสามารถทนอยู่ในพื้นที่เขตที่สองได้นานนักหรอก อีกไม่นานก็คงต้องมีคนมาจ้างงานพวกเขาแล้ว”
กลุ่มชายฉกรรจ์ที่ซ่อนตัวอยู่หลังเนินดินด้านนอกค่ายที่พักพูดคุยกันด้วยเสียงกระซิบกระซาบ
ในพื้นที่เขตนี้ ยังมีกลุ่มผู้อพยพเช่นนี้อีกมากมายนับไม่ถ้วน
…
ยามบ่าย นอกค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่ง
อยู่ดีๆ ก็เกิดเสียงเอะอะโวยวายขึ้นมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือน
หลินเป่ยเฉินกำลังนั่งออกแบบโครงสร้างของสถานศึกษากระบี่ที่สาม ซึ่งเขาตั้งใจจะสร้างขึ้นมาใหม่อยู่ในกระโจมที่พักของตนเอง แต่เสียงโวยวายเหล่านั้นรบกวนสมาธิจนไม่สามารถวาดแผนผังอาคารเรียนได้อีกต่อไป
“ผู้ใดมาส่งเสียงโวยวายอยู่ข้างนอกนั่น?”
เด็กหนุ่มคำรามด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
เพราะความที่เสียสมาธิอย่างไม่ทันตั้งตัว หลินเป่ยเฉินจึงลืมเลือนที่จะรักษาภาพลักษณ์ของตนเองอีกแล้ว
“กราบเรียนนายท่าน มีคนจากเขตพื้นที่เขตสามต้องการมาจ้างงานพวกเราเจ้าค่ะ”
เฉียนเหมยเดินเข้ามารายงานหลังจากออกไปสังเกตการณ์ข้างนอกอยู่พักใหญ่
“จ้างงาน?”
หลินเป่ยเฉินดวงตาเป็นประกายแวววาวขึ้นมาทันที “งั้นพวกเราออกไปดูกันเถิด”
เด็กหนุ่มเดินออกมาถึงทางเข้าค่ายที่พักและเห็นขบวนผู้คนนับร้อยชีวิตจากเขตพื้นที่ที่สามกำลังจัดวางกองกำลังคัดเลือกผู้คนที่จะไปทำงานให้กับพวกของตนเอง
“หน่วยขนส่งต้องการคนงานจำนวน 20 อัตรา คุณสมบัติต้องเป็นชายหนุ่มแข็งแรง หากมีวิทยายุทธ์ติดตัวและสามารถใช้พลังลมปราณได้จะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษ ลักษณะงานที่ต้องทำคือการขนส่งเสบียงและสัมภาระเข้าสู่พื้นที่สนามรบ ราคาค่าจ้างหนึ่งเหรียญเงินต่อวัน มีอาหารให้กินสามมื้อ…”
“หน่วยคุ้มกันขบวนรถม้าต้องการคนงานจำนวน 50 อัตรา คุณสมบัติต้องเป็นมือกระบี่ฝีมือดี ราคาค่าจ้างหนึ่งเหรียญทองคำต่อเดือน ลักษณะงานคือการคุ้มกันขบวนรถม้าขนส่งอาหารและสินค้าเข้าสู่เขตพื้นที่ที่สามและเขตพื้นที่ที่สี่ นับเป็นงานที่มีความเสี่ยงต่ำ…”
[1] เป็นการนับเวลาของจีนครอบคลุมตั้งแต่ 06:00 น. ถึง 11:00 น.