ริมฝีปากของเด็กสาวเป็นเหมือนชนวนที่จุดให้ร่างกายของหลินเป่ยเฉินลุกเป็นไฟ
เด็กหนุ่มถูกความปรารถนาแรงกล้ากลืนกินอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่นะ…”
“มันไม่ถูกต้อง”
“มันไม่ควรเป็นแบบนี้สิ”
ดวงตาที่แดงก่ำของหลินเป่ยเฉินบอกชัดว่าเขาพยายามควบคุมตัวเองเต็มที่
ไม่ว่าเขาจะมีนิสัยต่ำช้าขนาดไหน แต่ครั้งนี้ หลินเป่ยเฉินไม่มีทางปล่อยตัวปล่อยใจเด็ดขาด
แม้แต่บัดนี้ ลึกๆ ในใจของหลินเป่ยเฉินก็ยังไม่อยากให้มีสิ่งใดเกิดขึ้น แต่ความปรารถนาในร่างกายกลับกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่าง เด็กหนุ่มจึงไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกแล้ว
มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?
หรือว่าจะเป็นเพราะ…
นักพรตใหญ่หลงเยว่!
ในขณะที่สติเลือนรางลงไปทุกที หลินเป่ยเฉินก็เข้าใจทุกอย่างแล้ว
ก่อนที่นักพรตใหญ่หลงเยว่จะกลับออกไปจากสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ นางได้แอบปล่อยพลังบางอย่างเอาไว้ เพื่อดึงดูดตัวเขากับเยว่เว่ยหยางเข้าหากัน… ต้องเป็นเพราะพลังศักดิ์สิทธิ์ในอากาศที่ลอยเข้ามาในร่างของพวกเขาแน่ๆ เหตุการณ์ถึงกลับกลายเป็นเช่นนี้
นี่มัน… ไม่ต่างจากถูกวางยาเลยนะ?
ระหว่างที่หลินเป่ยเฉินมีความคิดวุ่นวายอยู่ในหัวสมอง ริมฝีปากของเยว่เว่ยหยางก็จูบลงมาบนเรียวปากของเขาแล้ว
ลมหายใจของนางช่างหอมหวาน
เสียงครางในลำคอไม่ได้แผ่วเบาอีกแล้ว แต่มันกลับดังออกมาอย่างชัดเจน
ทันใดนั้น พลังลมปราณในร่างกายหลินเป่ยเฉินก็ปั่นป่วนแปรปรวน
เด็กหนุ่มถูกถาโถมด้วยความรู้สึกชาดิกและเปียกชุ่ม
ลิ้นสีชมพูสอดลอดผ่านเข้ามาในปากของเขา
สุดท้าย หลินเป่ยเฉินก็ไม่สามารถต้านทานแรงปรารถนาได้อีกแล้ว
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาหลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันพร่ามัวไปหมด ไม่ต่างจากตอนที่เขาอยู่บนโลกมนุษย์ใบเก่า และดื่มสุราอย่างหนักจนมึนเมามากเกินไป
ทุกอย่างอยู่เหนือการควบคุม
พัวพันรัดแน่น
กระแทกกระทั้นหนักหน่วง
หลินเป่ยเฉินไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เขาถึงกลับมาได้สติอีกครั้ง
แต่ร่างกายของเขายังคงเคลื่อนไหวโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป
แม้เด็กหนุ่มจะกลับมามีสติชัดเจนแล้วก็ตาม
เขาเพียงรู้สึกว่าพลังปราณธาตุไม้และพลังปราณธาตุดินถูกดูดซับออกไปหมดสิ้น ไม่ว่าพยายามเหนี่ยวรั้งสักเท่าไหร่ หลินเป่ยเฉินก็ไม่สามารถหยุดยั้งการไหลออกไปของพลังปราณธาตุเหล่านั้นได้เลย
หลินเป่ยเฉินเวียนหัวไม่ต่างจากขึ้นรถไฟเหาะตีลังกา
แล้วพลังลมปราณที่อยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับ 2 ก็ถูกดูดซับออกไปด้วยเช่นกัน
เด็กหนุ่มไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว
สถานการณ์ไม่ปกติ
สายตาของเขาพร่ามัว
แต่หัวใจเต็มไปด้วยความกังวล
ทำไมถึงได้รู้สึกเหมือนกำลังถูกสูบชีวิตออกไปเลยแฮะ?
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาก็คงต้องกลับไปเป็นคนธรรมดาอีกแน่ๆ
แต่จนใจที่หลินเป่ยเฉินควบคุมอะไรไม่ได้
ทันใดนั้น สติของเด็กหนุ่มก็เริ่มพร่าเลือนอีกครั้ง
เขารู้สึกเหมือนตนเองกำลังขี่ม้า
ม้าที่ห้อตะบึงไปข้างหน้าโดยไม่มีจุดสิ้นสุด
ความรู้สึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ หลินเป่ยเฉินจดจำได้เพียงเลือนราง ราวกับว่ามันเป็นเพียงความฝันตื่นหนึ่งเท่านั้นเอง
…
หลินเป่ยเฉินไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด
“อ้า…”
เด็กหนุ่มร้องอุทานเมื่อตื่นขึ้นมาจากดินแดนแห่งความฝันในที่สุด
เขาพบว่าตนเองกำลังลอยตัวอยู่ในสระน้ำ
ซู่!
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนทันที
ร่างกายของเขากลับมาอยู่ในการควบคุมอีกครั้ง
เด็กหนุ่มสะบัดศีรษะ
ก้มหน้ามองลงไป
แน่นอนว่าบัดนี้เขากำลังเปลือยเปล่า
เดี๋ยวก่อนนะ?
เรื่องนั้นยังจะต้องใช้คำว่าแน่นอนอีกหรือ?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ว่าร่างกายของตนเองปวดระบมไปหมด
โดยเฉพาะแผ่นหลัง
หลินเป่ยเฉินรู้สึกไม่ต่างไปจากคนที่เพิ่งรอดพ้นการถูกจับไปทรมานร่างกายอย่างหนักหน่วง
แล้วความทรงจำที่เลือนรางก่อนหน้านี้ก็ผุดขึ้นมาในสมอง
เด็กหนุ่มตกตะลึง
รีบหันกลับไปกวาดตามองรอบกาย
เขายังคงอยู่ในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์
หลินเป่ยเฉินรีบดาวน์โหลดเสื้อคลุมจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ออกมาสวมใส่
แล้วจึงได้มองไปยังแท่นดอกบัวกลางสระน้ำโดยไม่รู้ตัว
ก่อนที่จะต้องหรี่ตาลงเล็กน้อย
เด็กสาวผมดำยาวยังคงนั่งอยู่บนแท่นดอกบัว
ลมหายใจของนางกลับมามั่นคงแล้ว
ไม่มีร่องรอยว่าเยว่เว่ยหยางจะปวดระบมเนื้อตัวแม้แต่น้อย
เส้นผมดำยาวไหลปรกลงมาตามจุดสำคัญของร่างกาย
แต่ผิวกายที่ขาวนวลบริสุทธิ์ตัดกับเส้นผมสีดำขลับ เกิดเป็นภาพที่ทรงเสน่ห์ชวนให้ตกตะลึงอีกครั้ง
ใบหน้าที่สวยหวานของเยว่เว่ยหยางกำลังหลับตา ยอดถันและสองเต้าถูกปกปิดด้วยเส้นผมที่ตกลงมา เอวคอดกิ่ว หน้าท้องแบนราบ ช่วงขาเรียวยาวปราศจากขนหน้าแข้ง…
หลินเป่ยเฉินรีบหันหน้ามองไปทางอื่นทันที
เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มจึงพบแว่นกันแดดตกอยู่ใต้น้ำใกล้ตัว เขาจึงก้มหยิบมันขึ้นมาสวมใส่อีกครั้ง
แล้วหลินเป่ยเฉินก็เดินตรงไปที่ริมสระ พร้อมกับสำรวจความเรียบร้อยของร่างกายตัวเอง
พลังปราณธาตุไม้และพลังปราณธาตุดินสูญหายไปจากร่างกายหมดสิ้น
แต่หลินเป่ยเฉินคุ้นเคยกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี
หลังผ่านประสบการณ์รับพลังศักดิ์สิทธิ์จากเทพีกระบี่มาแล้วสองครั้งสองครา พลังปราณธาตุน้ำและพลังปราณธาตุไฟก็สลายหายไปอย่างนี้เหมือนกัน
โชคดีที่หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินฝึกการโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์มาตลอด
พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเขาจึงอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับ 2
พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ได้จากแรงศรัทธาของเหล่าผู้คนที่เชื่อมั่นในตัวเขา ค่อยๆ ไหลเวียนไปตามแขนขาของหลินเป่ยเฉิน
ความอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าสลายหายไป
จากนั้น เด็กหนุ่มจึงใช้พลังจิตสำรวจดูภายในร่างกายของตนเอง เขาถึงได้พบว่าพลังปราณธาตุสองชนิดล่าสุดที่หายไปนั้นได้ถูกปิดผนึกอยู่ในร่างกาย
มันรวมอยู่กับจุดปิดผนึกของพลังปราณธาตุไฟกับพลังปราณธาตุน้ำก่อนหน้านี้ ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงเชื่อคำพูดของเทพีกระบี่หิมะไร้นามหมดหัวใจแล้ว
เมื่อรวบรวมพลังปราณธาตุไว้ในร่างกายได้ครบห้าชนิด หลินเป่ยเฉินก็จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกวรยุทธ์แห่งนี้ทันที
บัดนี้ เขามีพลังปราณธาตุแล้วสี่ชนิด ขาดอีกเพียงชนิดเดียวเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินจบการสำรวจภายในร่างกายเพียงเท่านี้
เขาเคยได้รับพลังศักดิ์สิทธิ์จากเทพีกระบี่และสูญเสียพลังลมปราณไปทั้งหมดมาแล้วสองครั้ง
แต่ครั้งนี้ การถูกเยว่เว่ยหยาง ‘ขึ้นคร่อม’ กลับทำให้พลังลมปราณของเขาหายไปด้วย
หรือจะเป็นเพราะว่าระหว่างที่เหตุการณ์เมื่อสักครู่นี้เกิดขึ้น เขากับเยว่เว่ยหยางอยู่ในค่ายอาคมศักดิ์สิทธิ์ มันจึงไม่ต่างจากหลินเป่ยเฉินรับพลังศักดิ์สิทธิ์จากเทพเจ้าเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง?
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ เด็กหนุ่มก็ตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
ยังมีอะไรอย่างอื่นอีกหรือเปล่านะ?
วิญญาณของเยว่เว่ยหยางถูกจองจำอยู่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ นักพรตใหญ่หลงเยว่ก็เคยบอกใบ้รางๆ แล้วว่า การช่วยเหลือเยว่เว่ยหยางนั้น จะทำให้เขาต้องเสียอะไรบางอย่างไป และอะไรบางอย่างที่นางเอ่ยถึง ก็คือพลังลมปราณของเขานั่นเอง
บัดนี้วิญญาณของเยว่เว่ยหยางกลับเข้าร่างได้แล้วหรือยัง?
ฉับพลันนั้น หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองที่เยว่เว่ยหยางอีกครั้งด้วยหัวใจเต้นระรัว
เด็กสาวยังคงนั่งหลับตาสูดลมหายใจเข้าออก หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง เป็นสัญญาณว่าหัวใจกำลังเต้นเร็วแรง
หรือนี่คือสัญญาณที่บอกว่าวิญญาณกลับเข้าสู่ร่างกายแล้ว?
พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ เยว่เว่ยหยางคนดีคนเดิมที่เขาเคยรู้จักกลับมาแล้วใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เหตุการณ์ในครั้งนี้ เจ้าเป็นคนเริ่มก่อนนะ!
พลัน เยว่เว่ยหยางลืมตาขึ้นมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือน
ดวงตาของนางเป็นประกายระยิบระยับ ราวกับมีกระแสไฟฟ้าสถิตอยู่ในนั้น
ตอนแรกหลินเป่ยเฉินอยากจะเดินเข้าไปทักทาย แต่ตอนนี้เขาต้องยืนตัวแข็งค้าง
เพราะเยว่เว่ยหยางในขณะนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกประหลาดแตกต่างไปจากเดิม
ดวงตาของนางไม่มีความสดใสอีกแล้ว
มันกลับเต็มไปด้วยความเย็นชาปราศจากความรู้สึก
ทุกครั้งที่เด็กสาวกะพริบตา ผิวน้ำในสระน้ำก็จะกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น
บัดนี้ ในสายตาของหลินเป่ยเฉิน รูปลักษณ์ของเยว่เว่ยหยางดูจะเกิดความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเช่นกัน
คิ้วของนางเข้มขึ้น ดวงตาเป็นสีดำมากขึ้น ให้ความรู้สึกที่เวิ้งว้างว่างเปล่าราวกับจักรวาลอันกว้างใหญ่ ไม่มีความรู้สึกกระตือรือร้นคึกคักแจ่มใสเหมือนเก่าก่อน
โครงหน้าของนางก็คมเข้มมากขึ้น ให้ความรู้สึกที่ดุดัน ความอ่อนหวานที่เคยมีก่อนหน้านี้หายไปหมดสิ้น
ริมฝีปากเรียวบางกลายเป็นสีแดงเด่นชัดคล้ายแต่งแต้มเครื่องสำอาง
พลังที่แผ่ออกมาจากร่างกาย…
ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินเกิดความรู้สึกว่าเด็กสาวผู้นั่งอยู่บนแท่นดอกบัวกลางสระน้ำ ซึ่งนางกำลังจ้องมองเขาด้วยสายตายากอ่านความรู้สึกผู้นี้ ไม่ใช่เยว่เว่ยหยางอีกต่อไป
นางแค่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึงกับเยว่เว่ยหยาง แต่วิญญาณที่อยู่ในร่างกายไม่ใช่คนเดียวกันอย่างแน่นอน
“เอ่อ อันที่จริง…”
หลินเป่ยเฉินทำลายความเงียบด้วยการพยายามอธิบายอะไรบางอย่าง
วูบ!
เยว่เว่ยหยางโบกสะบัดฝ่ามือ
แล้วกระบี่น้ำแข็งเล่มหนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามาหาหลินเป่ยเฉิน…
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย