กระบี่น้ำแข็ง?
หลินเป่ยเฉินหวาดกลัวจนขนลุกซู่
มันเป็นจังหวะที่มือของเด็กหนุ่มกำลังผูกสายรัดเอวกางเกงอยู่พอดี
ถ้าต้องตายโดยที่ยังสวมใส่กางเกงไม่เสร็จ มันจะน่าอับอายขนาดไหนกันนะ?
แต่โชคดีที่หลินเป่ยเฉินยังสามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้ไม่มีปัญหา ปฏิกิริยาของเขาไม่เชื่องช้า เด็กหนุ่มจึงสามารถกระโดดหลบได้ทันเวลา
วูบ!
กระบี่น้ำแข็งพุ่งเฉียดข้างขมับของหลินเป่ยเฉินไปปักอยู่บนก้อนหินริมสระน้ำ
ครืน!
สระน้ำถึงกับสั่นสะเทือน
“ช้าก่อน”
หลินเป่ยเฉินร้องตะโกน “ฟังคำอธิบายของข้าก่อนสิ…”
บ้าจริง
ทำไมประโยคนี้มันฟังดูแปลกๆ จังเลยนะ?
นี่มันประโยคของคนเสเพลที่ถูกจับได้ว่าแอบลวนลามหญิงสาวไม่ใช่หรือ
เยว่เว่ยหยางส่งเสียงตอบกลับมาว่า “ข้าไม่อยากรับฟัง”
แล้วหลินเป่ยเฉินจะทำอย่างไรดี?
แต่กลับกลายเป็นว่าหลินเป่ยเฉินคิดมากเกินไป
เยว่เว่ยหยางไม่ได้พูดกับเขาสักหน่อย
มือของนางโบกสะบัดอีกครั้ง
จังหวะที่นางยกแขนขึ้น เส้นผมสีดำที่เคยปกปิดร่างกายก็ปลิวไสว
เผยให้เห็นเรือนกายขาวผ่องบริสุทธิ์ราวกับหยกขาวแกะสลัก
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโต
ต้องหมุนตัวกระโดดหลบอีกครั้ง
ครืน!
คราวนี้กระบี่น้ำแข็งพุ่งไปปักบนกำแพงหิน
ม่านพลังที่ครอบคลุมสระน้ำแห่งนี้เป็นระยะเวลากว่าร้อยปีพลันเกิดความสั่นไหวขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
ผิวน้ำในสระไหวเป็นระลอกคลื่นราวกับเกิดเหตุแผ่นดินไหว
เยว่เว่ยหยางมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์
แต่หลินเป่ยเฉินเพิ่งสูญเสียพลังลมปราณไปทั้งหมด บัดนี้สามารถใช้ได้เพียงพลังศักดิ์สิทธิ์ จึงห่างไกลจากคำว่าคู่ต่อสู้ของนางมากนัก
“ฟังข้าก่อนสิ เรื่องนี้จะมาโทษข้าไม่ได้นะ…”
หลินเป่ยเฉินตะโกนออกมาอีกครั้ง “นี่ก็เป็นครั้งแรกของข้าเหมือนกัน ความบริสุทธิ์ของข้าสูญเสียไปก็เพราะเจ้า…”
วูบ!
คำตอบที่เด็กหนุ่มได้รับกลับเป็นฝูงกระบี่น้ำแข็งที่พุ่งลงมาจากฟากฟ้าราวพายุฝน
พรึบ!
หลินเป่ยเฉินกางปีกกระบี่บนแผ่นหลังออกมา
ปีกกระบี่ของเขามีความยาวมากกว่า 50 เซี๊ยะ
เด็กหนุ่มใช้พลังของปีกกระบี่เพิ่มความรวดเร็วในการหลบหลีกการโจมตี
“ข้าถูกใส่ร้าย…”
“เยว่เว่ยหยาง เจ้าต้องใจเย็นก่อน…”
“นักพรตใหญ่หลงเยว่อยู่หน้าประตูบานนี้ เจ้าเรียกนางมาอธิบายเรื่องทั้งหมดก็ได้”
“ข้ามาที่นี่เพื่อช่วยเหลือเจ้า จริงๆ นะ…”
หลินเป่ยเฉินอธิบายเสียงดังฟังชัด
ในที่สุดการเคลื่อนไหวของเยว่เว่ยหยางก็หยุดลงแล้ว
หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวกลับมายืนอยู่บนพื้นหินและอดหอบหายใจไม่ได้
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
นอกจากเขาต้องเสียพลังลมปราณและความบริสุทธิ์ของตนเองไปแล้ว ยังจะต้องมาถูกเยว่เว่ยหยางไล่ฆ่าอย่างไม่ยุติธรรมด้วยหรือ?
นักพรตใหญ่หลงเยว่ควรเปิดประตูเข้ามาอธิบายเรื่องราวทุกอย่างได้แล้วสิ
ความจริงนี่ไม่ใช่เรื่องราวของหลินเป่ยเฉินเลยสักนิด
ในเวลาเดียวกันนี้
เยว่เว่ยหยางยืนอยู่บนแท่นดอกบัวกลางสระน้ำ
เส้นผมของนางยาวลงมาถึงข้อเท้า ปกคลุมร่างกายเสมือนกับเป็นเสื้อคลุมสีดำตัวหนึ่ง
แต่ระหว่างช่องว่างของเส้นผมเหล่านั้นก็ยังพอมองเห็นผิวกายที่ขาวเนียนอยู่บ้าง
สีหน้าของเด็กสาวยังคงเย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง
ทันใดนั้น สิ่งที่แปลกประหลาดก็ปรากฏขึ้น
ดวงตาของเยว่เว่ยหยางหดเล็กลง
จนกระทั่งมันมีลักษณะเหมือนกับดวงตาของแมว
ต่อจากนั้น ในดวงตาของเยว่เว่ยหยางก็มีแสงสว่างเป็นประกายวูบวาบ
สุดท้าย ลูกตาทั้งสองดวงก็กลับกลายมีแต่ตาดำ
ภาพที่เห็นนี้ทำให้หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
คนธรรมดาที่ไหนดวงตาจะสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างนี้?
หรือว่า…
เกิดอะไรขึ้นกับวิญญาณของเยว่เว่ยหยางกันแน่?
ผู้ที่กำลังสิงอยู่ในร่างของนางขณะนี้ คือวิญญาณปีศาจร้ายใช่หรือไม่?
ทันทีที่คิดได้เช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกแน่นหน้าอก… เส้นขนบนร่างกายลุกชันด้วยความตื่นตระหนก
ความหวาดกลัวถาโถมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หวังว่านี่คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกนะ? คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอกใช่ไหม?
ท่านนักพรตใหญ่หลงเยว่ขอรับ เหตุไฉนถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก?
เด็กหนุ่มขยับเท้าเล็กน้อย เตรียมพุ่งตัวตรงไปยังบานประตูทรงกลม
ในขณะนี้ เยว่เว่ยหยางซึ่งกำลังจ้องมองปีกกระบี่บนแผ่นหลังของหลินเป่ยเฉินไม่วางตา ก็พูดออกมาอีกครั้งว่า
“เจ้าปีศาจ จงตายซะ”
นั่นไม่ใช่เสียงของเยว่เว่ยหยางแน่นอน
มันฟังดูไม่เหมือนเสียงมนุษย์เลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเสียงที่ฟังดูแหลมสูงเสียดหู ชวนให้รู้สึกขนหัวลุกเมื่อได้ยิน
ลมหายใจต่อมา
มวลน้ำที่อยู่ในสระศักดิ์สิทธิ์พลันกลับกลายเป็นมังกรน้ำแข็งตัวหนึ่งพุ่งขึ้นมาแยกเขี้ยวใส่หลินเป่ยเฉิน พลังคุกคามที่แผ่มากระทบผิวกายเด็กหนุ่ม บอกให้รู้ว่ามังกรน้ำแข็งตัวนี้มีเจตนาสังหารเขาให้ตายคาที่
ซวยแล้วสิ
หลินเป่ยเฉินสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นหวาดวิตก บัดนี้ทำได้เพียงกระพือปีกกระบี่และถอยฉากออกมาให้รวดเร็วที่สุด
ครืน!
มังกรน้ำแข็งพุ่งเข้ามาที่ไหล่ซ้ายของเขา
แรงกระแทกของมันทำให้หลินเป่ยเฉินลอยกระเด็นไปกระแทกกับผนังหิน ตัวคนจมหายเข้าไปในผนังซึ่งยุบเข้าไปเป็นรูปร่างมนุษย์
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ได้ยินเสียงน้ำแข็งเกาะตัวในอากาศ
บริเวณหัวไหล่ของหลินเป่ยเฉินมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะอยู่จำนวนมาก และพวกมันก็กำลังลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกายด้วยความรวดเร็ว สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
ไม่ว่าเกล็ดน้ำแข็งลามไปตรงส่วนไหน อวัยวะตรงส่วนนั้นก็จะสูญเสียการควบคุมทันที
มังกรน้ำแข็งส่งเสียงคำรามกึกก้องในอากาศ
“จบกัน งานนี้ตายแน่เรา ตายหยั่งหมา…”
หลินเป่ยเฉินไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้อีกแล้ว เขาทำได้เพียงเบิกตาโตและจ้องมองมังกรน้ำแข็งเตรียมตัวพุ่งเข้ามาโจมตีเป็นครั้งสุดท้าย
แน่นอนว่าถ้าจะให้อธิบายเป็นคำพูดในแบบฉบับนิยายแฟนตาซีตีตลาดวัยรุ่น ก็คงต้องบรรยายว่าขณะนี้ หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าเวลาเดินไปข้างหน้าเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง
ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็นเป็นไปในรูปแบบสโลว์โมชั่น
แต่ในความเป็นจริงนั้น ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก
เด็กหนุ่มไม่สามารถหลบหนีได้อีกแล้ว
เขาได้แต่กัดฟันด้วยความเคียดแค้นใจ
ทันใดนั้น ก้อนพลังปราณธาตุไฟที่ถูกปิดผนึกอยู่ในร่างกายมาอย่างยาวนาน ก็เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง บริเวณพื้นผิวของก้อนพลังปรากฏรอยแตกร้าวเหมือนกับไข่ไก่ที่ถูกกระเทาะเปลือก
เปลวไฟสีเงินยวงพวยพุ่งออกมาจากรอยแตกของก้อนพลัง
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันนั้น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังปราณธาตุไฟที่สูญหายไปยาวนาน ได้กลับคืนสู่ร่างกายของเขาอีกครั้งหนึ่งแล้ว
พลังปราณธาตุไฟไหลเวียนไปทั่วร่างกาย
เปลวไฟคือขั้วตรงข้ามของน้ำแข็ง เมื่อร่างกายของเด็กหนุ่มมีพลังปราณธาตุไฟลุกโชน แม้จะเป็นเพียงประกายไฟเล็กน้อย แต่เกล็ดน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็ระเหยหายไปในอากาศทันที
หลินเป่ยเฉินพยายามตั้งสติ
รวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมด เพื่อเคลื่อนไหวร่างกายอีกครั้ง
ลมหายใจต่อมา เด็กหนุ่มก็สามารถหลุดออกมาจากร่องลึกในกำแพงหินได้สำเร็จ
ไม่มีการเคลื่อนไหวในแบบสโลว์โมชั่นอีกแล้ว
ครืน! ครืน! ครืน!
เสียงคำรามของมังกรน้ำแข็งทำให้ตัววิหารสั่นสะเทือนไปทั้งหลัง
คราวนี้เป็นการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
หลินเป่ยเฉินก้มลงสำรวจร่างกายของตนเอง
หืม?
ครั้งนี้เปลวไฟไม่ได้เผาไหม้เสื้อผ้าของเขาอีกแล้ว
ดูเหมือนเขาจะสามารถควบคุมเปลวไฟเหล่านี้ได้แล้วสิ
จังหวะที่เด็กหนุ่มกำลังนึกทบทวนวิธีการควบคุมพลังปราณธาตุไฟอยู่นั้นเอง พื้นดินก็เกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง
ฉับพลันนั้น!
ประตูของสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ก็ค่อยๆ แง้มเปิดออกอย่างแช่มช้า
นักพรตใหญ่หลงเยว่เดินเข้ามา
หลินเป่ยเฉินยิ้มกว้าง ร้องตะโกนด้วยความดีใจเมื่อเห็นโฉมหน้าผู้ช่วยชีวิต “ท่านป้าขอรับ รีบมาที่นี่เร็วเข้า เยว่เว่ยหยางถูกปีศาจสิงร่าง นางเสียสติไปแล้ว รีบหาทางรักษานางเร็วขอรับ…”
นักพรตใหญ่หลงเยว่ไม่ได้พูดหรือหันหน้ามามองหลินเป่ยเฉินสักนิดเดียว
แต่นางรีบพุ่งตรงเข้าไปหาเยว่เว่ยหยางด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“พระองค์ท่าน!”
นักพรตใหญ่หลงเยว่ตัวสั่นเทาด้วยความตื่นเต้น รีบคุกเข่าลงแทบเท้าเยว่เว่ยหยางราวกับเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ “พระองค์ท่านกลับมาแล้ว ผู้น้อยมีนามว่าหลงเยว่ ในที่สุดก็ได้มีวาสนาพบเจอท่านอีกครั้ง…”
เยว่เว่ยหยางหยุดชะงัก
นางก้มหน้ามองอย่างเชื่องช้า
ดวงตาที่มีแต่ตาดำยามจ้องมองนักพรตใหญ่หลงเยว่ก็กลับกลายมีสีจางลงเล็กน้อย
“ผู้น้อยคือสาวกที่ซื่อสัตย์ของเทพีกระบี่ ทุกวันทุกคืนได้แต่สวดภาวนาให้พระองค์ท่านกลับมาถือกำเนิดเกิดใหม่อีกครั้ง… หลังผ่านไปนานหลายปี หลังต้องผ่านการสังเวยชีวิตข้ารับใช้เป็นจำนวนมาก สุดท้ายพระองค์ท่านก็กลับมากำเนิดใหม่ได้แล้วจริงๆ มันช่างคุ้มค่าเหลือเกิน…”
“ยังคงมีผู้ศรัทธาจำนวนมาก รอการกลับมาของพระองค์ท่านนะเจ้าคะ!”
“ในที่สุด พระองค์ท่านก็กลับมากอบกู้ดินแดนที่เต็มไปด้วยความผิดบาปและคำโกหกแล้ว…”
นักพรตใหญ่หลงเยว่พูดเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้นและตื้นตันใจ
ไม่หลงเหลือร่องรอยของหญิงชราผู้เยือกเย็นแม้แต่น้อย
ร่างของนางที่คุกเข่าอยู่บนพื้นหินสั่นไหวอย่างรุนแรง
ไม่ต่างไปจากสาวกที่ได้พบศาสดาของตนเองตัวเป็นๆ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
อยู่ดีๆ ในอากาศก็เหมือนกับจะเต็มไปด้วยม่านหมอก
และในม่านหมอกเหล่านี้ มีปริศนาที่ปิดบังความจริงอยู่มากมายเกินรับไหว…
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย