บทที่ 69 เจ้าทำได้ดีมาก
จังหวะการจ้วงแทงกระบี่รวดเร็วมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตา
“หรือว่าเจ้าเศษขยะคนนี้จะเลื่อนระดับพลังระหว่างที่สู้กับเรา!”
“กระบวนท่ากระบี่ดาวตกเก้าชั้นฟ้า แทนที่จะเอาชนะมัน กลับกลายเป็นส่งเสริมมันให้เลื่อนระดับได้สำเร็จหรือนี่?”
เซินเฟยรู้สึกเจ็บใจยิ่งนัก
“บุคคลที่เลื่อนระดับพลังระหว่างการต่อสู้ได้เช่นนี้ จะปล่อยเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด”
“เคล้ง เคล้ง เคล้ง!”
เซินเฟยร่ายรำกระบวนท่ากระบี่ฝนดาวตกอีกครั้ง เกิดเป็นม่านกระบี่เย็นเยียบนับไม่ถ้วนปกคลุมใส่คู่ต่อสู้
เซินเฟยพยายามจู่โจมหลินเป่ยเฉินด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมดที่เขามี
เป้าหมายสำคัญคือการเอาชนะหลินเป่ยเฉินให้จงได้ เขาไม่สนอีกแล้วว่าจะทำให้หลินเป่ยเฉินบาดเจ็บสาหัสจนต้องถูกคัดออกจากการแข่งขันหรือไม่
แต่จนบัดนี้ หลินเป่ยเฉินกลับสามารถรับมือการโจมตีของเซินเฟยได้อย่างแปลกประหลาด
เหมือนกับว่าเจ้าแกะดำสามารถคำนวณการจู่โจมของกระบี่หมื่นดาราได้ล่วงหน้าอย่างไรอย่างนั้น และในความเป็นจริงก็คือ ตอนนี้หลินเป่ยเฉินสามารถมองเห็นกระบี่ที่พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงเป็นเหมือนภาพสโลว์โมชั่นเชื่องช้านัก
นอกจากการเลื่อนระดับพลังจะทำให้ร่างกายเขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว แม้แต่สายตาและประสาทสัมผัสก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
ไม่ต่างจากรถสามล้อขนผัก ที่ถูกอัปเกรดเป็นรถยนต์เฟอร์รารี่
ร่างกายและจิตใจของเด็กหนุ่มหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
“เคล้ง เคล้ง เคล้ง!”
สองกระบี่ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
เซินเฟยลงมือด้วยความหนักหน่วงรุนแรง
พลังลมปราณแผ่กระจายไปรอบบริเวณ
ยิ่งต่อสู้กันไปนานขึ้น พลังลมปราณของพวกเขาก็ยิ่งหนาแน่นมากขึ้น
นี่หมายความว่าอย่างไร?
มันหมายความว่าหลินเป่ยเฉินมีระดับพลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อยๆ
หากการต่อสู้ยังดำเนินต่อไปไม่หยุด…
“กระบี่ฝนดาวตกเก้าชั้นฟ้า!”
เซินเฟยตะโกนสุดเสียง จากนั้นจึงใช้ท่าไม้ตายออกมาอีกครั้ง
มวลความร้อนระเบิดออกมาจากทุกทิศทุกทางรอบกายเด็กหนุ่ม กระบี่หมื่นดารากลายเป็นสีแดงฉาน ไม่ต่างจากเหล็กที่เพิ่งถูกนำออกมาจากเตาหลอมร้อนๆ ปรากฏควันไฟลอยออกมาจากตัวกระบี่ เวลาตวัดฟันแทง ไอความร้อนก็จะพุ่งออกมารุนแรงอย่างยิ่ง
เซินเฟยทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดโจมตีใส่หลินเป่ยเฉิน
เขาไม่ออมมืออีกแล้ว
“จังหวะนี้แหละ”
หลินเป่ยเฉินคำรามออกไปบ้าง ดวงตาของเขาเบิกกว้าง
รวบรวมสมาธิเต็มที่
วินาทีนั้น เด็กหนุ่มก็สามารถมองภาพตรงหน้าได้อย่างละเอียดทุกซอกทุกมุม นอกจากมองเห็นการเคลื่อนตัวของกระบี่หมื่นดาราแล้ว หลินเป่ยเฉินยังมองเห็นรัศมีธาตุไฟของพลังสสารลึกลับที่เคยเผาไหม้ร่างกายเขาก่อนหน้านี้อีกด้วย
วิชากระบี่สามท่าพื้นฐาน!
หลินเป่ยเฉินสะบัดกระบี่โต้ตอบรวดเร็ว
“เคล้ง เคล้ง เคล้ง!”
“ตวัด”
“ฟัน”
สองกระบวนท่าแรกใช่ตั้งรับการโจมตีของกระบี่ฝนดาวตกเก้าชั้นฟ้า
ฉับพลันนั้น หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนจากการใช้กระบวนท่าที่สาม มาเป็นกระบวนท่ากระบี่ดาราคล้อย
“วูบ!”
หนึ่งกระบี่มีเจ็ดเงา!
เสียงคมกระบี่ปะทะกันต่อเนื่อง
จังหวะนั้น ประกายไฟแลบแปลบเหมือนสายฟ้าฟาด สะเก็ดไฟโปรยปรายเหมือนหยาดฝน
“แทง!”
พลัน หลินเป่ยเฉินตะเบ็งเสียงดังเหมือนสิงโตคำราม
เสียงของเขาก้องกังวานเหมือนฟ้าคำรน
“เคล้ง เคล้ง เคล้ง เคล้ง!”
เสียงคมกระบี่ยังคงปะทะกันต่อเนื่อง
“วูบ!”
กระบี่หมื่นดาราพลันกระเด็นขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนตกลงมาบนพื้นดินเสียงดังเช้ง ปักอยู่ตรงกลางระหว่างจุดที่หลี่เทากับเถาว่านเฉิงยืนอยู่พอดิบพอดี
เสียงคำรามในลำคอด้วยความเจ็บใจดังขึ้น
เซินเฟยเซถอยหลังไปหลายก้าว
สีหน้าของเด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความประหลาดใจในขณะที่เขากุมข้อมือด้วยความเจ็บปวด ปรากฏว่าข้อมือขวาของเขากำลังมีเลือดไหลซึมออกมาสีแดงสด
เกิดความเงียบงันตามมา
นอกจากหลิงเฉินเพียงคนเดียวแล้ว กลุ่มศิษย์ผู้รับชมต่างก็มีสีหน้าเหมือนคนที่ได้พบเห็นผีกลางวันแสกๆ
โดยเฉพาะหลี่เทากับเถาว่านเฉิง พวกเขาจ้องมองมือที่มีเลือดไหลของเซินเฟยสลับกับกระบี่หมื่นดาราที่ปักอยู่บนพื้นทรายข้างตนเอง ทั้งสองหนุ่มต่างก็ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็นกับตาขณะนี้
เยว่หงเซียงยกมือปิดปากด้วยความกลัวว่าจะเผลอกรีดร้องออกมา
น่าเหลือเชื่อ
นี่คือชัยชนะที่น่าเหลือเชื่อ
ขณะนี้ แขนขวาของหลินเป่ยเฉินเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน แม้แต่หลังมือของเขาก็มีเส้นเลือดกำลังเต้นตุบๆ ทว่า เด็กหนุ่มก็ยังกุมกระบี่คุณธรรมได้อย่างมั่นคง แม้แต่ตอนนี้ ปลายกระบี่ก็กำลังสั่นไหวอย่างรุนแรง เหมือนงูพิษที่พร้อมจะฉกกัดเหยื่อได้ทุกเมื่อ
“วู้…นี่ข้า…”
หลินเป่ยเฉินเป่าปากระบายลมออกมาจนหมดปอด หลังก้มมองกระบี่ในมือตนเองแล้ว เขาก็มองไปยังกระบี่หมื่นดาราที่ปักอยู่บนพื้นทรายห่างออกไปสามผิง เมื่อประมวลผลจนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลินเป่ยเฉินก็หัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าฮ่า นี่ข้า…ชนะแล้วใช่หรือไม่?”
เซินเฟยใช้ท่าไม้ตายเป็นตะปูตอกฝาโลงเตรียมจัดการเขา แต่ในเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายนั้น หลินเป่ยเฉินก็อาศัยสายตาที่เห็นทุกอย่างได้อย่างน่ามหัศจรรย์ ใช้กระบวนท่ากระบี่ดาราคล้อยสลายการโจมตีของกระบวนท่ากระบี่ฝนดาวตกเก้าชั้นฟ้าได้สำเร็จ !
พลังกดดันคุกคามที่ถาโถมเข้ามาถูกกระบี่คุณธรรมปัดป้องออกไปได้หมดสิ้น ในตอนนั้น ถ้าหากหลินเป่ยเฉินไม่กัดฟันกำด้ามจับเอาไว้ให้แน่นที่สุดในชีวิต กระบี่ก็คงหลุดออกจากมือเขาไปเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนกระดูกแขนตัวเองแตกร้าว
กระดูกสันหลังและสองขาก็ปวดร้าวไม่แพ้กัน
แต่มันไม่สำคัญอีกแล้ว
เพราะเขารู้สึกว่าอะไรบางอย่างในร่างกายที่ฉุดรั้งการปลดปล่อยพลัง ได้สลายหายไปหมดสิ้น
ดังนั้น หลินเป่ยเฉินยังคงยืนนิ่งเฉย
มือของเขายังถือกระบี่
แต่ในทางกลับกัน เซินเฟยกลับต้องเซถอยหลังไปหลายก้าวและในมือไม่มีกระบี่อีกแล้ว
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นผู้ชนะ
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
สำหรับเขา นี่คือความสำเร็จขั้นสูงสุดในชีวิตมือกระบี่จอมปลอมอย่างไม่ต้องสงสัย
ก่อนหน้านี้ที่หลินเป่ยเฉินออกมาต่อสู้กับเซินเฟย ก็เพื่อพยายามซื้อเวลาให้หลิงเฉินได้มีโอกาสรักษาอาการบาดเจ็บของนางและสามารถกลับมาต่อสู้ได้อีกครั้ง เด็กหนุ่มย่อมไม่คิดเลยว่าตนเองจะสามารถเอาชนะยอดอัจฉริยะอย่างเซินเฟยได้สำเร็จ
เขาย่อมคิดไม่ถึงว่ายิ่งต่อสู้มากเท่าไหร่ ตนเองก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินถึงกับสามารถเลื่อนระดับพลังและคว้าชัยชนะได้ในที่สุด
ความรู้สึกของการเป็นผู้ชนะ ทำให้เด็กหนุ่มภูมิใจในตัวเองไม่น้อย
มันเป็นความรู้สึกเดียวกับที่ได้สังหารบอสตัวสุดท้ายหลังอดหลับอดนอนโต้รุ่งเล่นเกมมาหลายวัน
“เจ้าคิดว่าฝีมือข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
หลินเป่ยเฉินพยายามควบคุมระดับลมหายใจ ขณะหันมาส่งยิ้มให้หลิงเฉิน
หลังผ่านการต่อสู้อันดุเดือด ผมเผ้าของเขายุ่งเหยิง แม้ชุดเกราะหนังจะขาดวิ่น หลินเป่ยเฉินก็ยังไม่ดูน่าเกลียดเลยแม้แต่น้อย แถมเขายังดูหล่อเหลาเปล่งประกายมากขึ้นด้วยซ้ำ รอยยิ้มบนใบหน้านั่นอีกเล่า ยิ่งทำให้เด็กหนุ่มดูน่าดึงดูดใจมากกว่าเดิมหลายเท่านัก
หลิงเฉินพยักหน้า ตอบว่า “เจ้าทำได้ดีมาก”
นี่ไม่ใช่คำชมตามมารยาท
แต่มันเป็นคำชื่นชมจากใจจริงของหลิงเฉิน
ความดื้อรั้นและมั่นใจในตัวเองของหลินเป่ยเฉินสำหรับการต่อสู้ครั้งนี้ เป็นสิ่งที่น่าประทับใจเหลือเกิน
ถึงนางจะอธิบายไม่ได้ว่าหลินเป่ยเฉินสามารถรับมือการโจมตีอันดุเดือดนั้นได้อย่างไร แต่เขาก็สามารถหยุดยั้งคู่ต่อสู้และส่งอีกฝ่ายให้เซถอยหลังได้สำเร็จ
คนธรรมดาที่ไหนกันจะ….
ไม่ใช่สิ ต่อให้เป็นยอดอัจฉริยะก็ยังทำแบบเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นคำชื่นชมจากหัวใจเจ้าหญิงจอมเผด็จการแห่งเมืองหยุนเมิ่งอย่างแท้จริง
“อุ๊วะ ฮ่าฮ่าฮ่า ฮิฮิฮิ โฮะโฮะโฮะ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะคิกคักเหมือนคนเสียสติ
แต่ในทันใดนั้นเอง เสียงการแจ้งเตือนก็ดังชัดเจนเต็มสองหู…
“ติ๊ง!”
มันเป็นเสียงแจ้งเตือนข้อความในโทรศัพท์มือถือ
ตอนแรกหลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว แต่ตอนหลังเขาก็ยิ้มด้วยความตื่นเต้น
เขาคงสามารถปลดล็อกฟังก์ชันใหม่ของโทรศัพท์มือถือได้แล้วแน่ๆ
แต่ด้วยมือที่สั่นเทาในตอนนี้ มันคงไม่สะดวกที่จะหยิบโทรศัพท์ออกมาดูต่อหน้าทุกคน
หลินเป่ยเฉินทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาหันไปมองหน้าเซินเฟยและถามว่า “เจ้าแพ้แล้ว รู้ตัวหรือเปล่า?”