ตอนที่ 673 ปฏิบัติการชิงตัวนักโทษประหาร
ใต้เท้าหลงเดินกลับขึ้นไปบนแท่นสังเกตการณ์อีกครั้ง
ชาวเมืองที่มามุงดูการประหารพร้อมใจกันส่งเสียงตะโกนสาปแช่ง
ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนขว้างปาก้อนหินและผักเน่าใส่ฉุยเฮาเฟิงที่นั่งคุกเข่าอยู่ในลานประหาร
สิ่งที่หลินเป่ยเฉินมองเห็นอยู่ขณะนี้ ให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากฝูงปีศาจกำลังรุมทึ้งเหยื่อ
ใบหน้าของชาวเมืองที่มารับชมพิธีประหารเต็มไปด้วยความตื่นเต้นสนุกสนาน
ขัดกับภาพที่น่าเศร้าที่สุดของเด็กหญิงอายุประมาณสี่ขวบผู้หนึ่ง นางกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ทางขวามือของหญิงสาวคนหนึ่งในลานประหาร เด็กหญิงตัวสั่นเทาตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า น้ำตาไหลออกมานองใบหน้าด้วยความหวาดกลัว
“ท่านแม่ ข้ากลัวเหลือเกิน ท่านแม่ พวกเราจะทำอย่างไรกันดี…”
หญิงสาวผู้ถูกพันธนาการอยู่ด้านข้างไม่รู้จะตอบอย่างไร
ฝั่งซ้ายมือของนางยังมีเด็กชายอายุราวเจ็ดขวบนั่งคุกเข่าอยู่เช่นกัน
เด็กชายไม่เสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียว เขาพูดออกมาเสียงดังและหนักแน่นว่า “น้องพี่ไม่ต้องร้องไห้ เจ้าจงฟังพี่ให้ดี… พวกเราไม่ผิด บิดาของพวกเราต้องเสียชีวิตในการรบที่แนวหน้า เขาไม่ยอมมอบตัวกับฝ่ายศัตรู บิดาของเราไม่ใช่คนทรยศ พวกเราถูกใส่ร้าย…”
เด็กชายรวบรวมเรี่ยวแรงที่มีในร่างกายทั้งหมดส่งเสียงตะโกนออกไปให้ดังที่สุด
เขาตะโกนจนคอแทบแตก
เสียงเล็กๆ ของเด็กคนหนึ่งจะสามารถต้านทานเสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นของชาวเมืองหลายพันคนได้อย่างไร
ไม่มีใครได้ยินเสียงตะโกนของเด็กชาย
นอกจากหลินเป่ยเฉิน
เขามองเด็กชายผู้กำลังหวาดกลัวแต่กลับตะโกนออกมาด้วยความกล้าหาญคนนั้น
หัวใจของหลินเป่ยเฉินเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาแล้ว
ให้ตายสิ
ทำไมเขาถึงยังได้หวั่นไหวกับเรื่องอะไรแบบนี้อยู่อีกนะ?
บางทีคงเป็นเพราะความรู้สึกของเด็กน้อยมักจะมาจากความจริงใจเสมอ
“เตรียมการประหารชีวิต”
หลงเสี่ยวเถียนซึ่งกลับไปนั่งบนแท่นสังเกตการณ์เรียบร้อย ส่งเสียงคำรามออกมาอีกครั้ง “ฉุยเฮาเฟิงสมรู้ร่วมคิดกับชาวทะเล ทำให้เมืองหยุนเมิ่งซึ่งเป็นเมืองท่าสำคัญที่สุดของมณฑลเฟิงอวี่ต้องตกไปอยู่ในมือศัตรู หลังไต่สวนคดีมาแล้วหกศาล จึงมีมติให้ลงโทษประหารชีวิต… ด้วยการตัดหัว!”
เพชฌฆาตผู้ยืนประจำตำแหน่งอยู่ด้านหลังฉุยเฮาเฟิงใช้สายตาสำรวจมองต้นคอนักโทษประหารของตนเองอีกครั้ง ก่อนจะดื่มสุราและพ่นสุราออกมาใส่ดาบในมือ หลังจากนั้น จึงยกดาบขึ้นอย่างช้าๆ
ภายใต้แสงแดดฤดูหนาว คมดาบสะท้อนประกายวิบวาว
ตุบ!
ป้ายสัญญาณประหารชีวิตถูกโยนทิ้งลงมาบนพื้นหิน
เพชฌฆาตฟันดาบลงมาอย่างรวดเร็ว
ฟู่!
เลือดสาดกระจาย
ฝูงชนส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ
แต่ลมหายใจต่อมา เสียงโห่ร้องก็กลับกลายเป็นเสียงอุทานด้วยความตื่นตระหนก
เนื่องจากเพชฌฆาตร่างใหญ่กำลังเบิกตาโต ที่หน้าอกมีคมกระบี่แทงทะลุจากด้านหลัง แววตาของเขาบอกชัดว่าไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น…
บัดซบ
แน่นอนว่ามีคนบุกเข้ามาในลานประหาร!
แต่เหตุไฉนทุกครั้งที่เกิดการบุกลานประหาร ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต จะต้องเป็นเพชฌฆาตเท่านั้น?
ทำไมถึงต้องรอให้เพชฌฆาตกำลังจะลงดาบ ถึงค่อยลงมือช่วยเหลือนักโทษ?
ทำไมไม่เข้ามาช่วยเหลือนักโทษไปตั้งแต่แรก?
เพชฌฆาตก็เป็นผู้บริสุทธิ์เช่นกัน
พวกเขาแค่มาทำตามหน้าที่ของตนเอง
นี่คือความคิดห้วงสุดท้ายในชีวิตของเพชฌฆาตผู้น่าสงสาร ก่อนที่โลหิตจะไหลทะลักออกมาจากปากของเขา
วูบ! วูบ!
ปรากฏชายฉกรรจ์ในชุดเกราะอ่อนผู้สวมใส่หน้ากากดำหกคน พุ่งออกมาจากกลุ่มผู้คน ตรงเข้าสู่ลานประหาร
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นยอดฝีมือ
สองในหกชายฉกรรจ์ตวัดกระบี่ด้วยความเร็วไว บุกขึ้นไปโจมตีใส่ใต้เท้าหลงเสี่ยวเถียน
ในขณะที่ชายฉกรรจ์อีกสี่คนตรงเข้าไปช่วยเหลือฉุยเฮาเฟิง
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้แผนการของหลินเป่ยเฉินต้องหยุดชะงักลงชั่วคราว
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
เขาอุตส่าห์รอให้สถานการณ์มาถึงจุดชี้เป็นชี้ตายสุดขีด เพื่อที่จะได้ลงมือโดยไม่มีใครคาดคิด
แล้วเกิดอะไรขึ้น?
เฮอะ กลับมีคนมาขโมยซีนช่วยเหลือนักโทษตัดหน้าเขาไปเสียได้
ดูเหมือนชายฉกรรจ์กลุ่มนี้จะมาเพื่อช่วยเหลือฉุยเฮาเฟิงจริงๆ
หลินเป่ยเฉินจึงจำเป็นต้องยุติแผนการของตนเองทั้งหมด ไม่ได้ส่งสัญญาณให้พวกของเซียวปิงลงมือตามที่ตระเตรียมกันไว้ เพราะเขาอยากรู้ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไรต่อไป
เสียงอุทานดังขึ้นรอบลานประหาร
กลุ่มคนดูถอยหลังกลับออกไปด้วยความตื่นตระหนก
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
ใต้เท้าหลงเสี่ยวเถียนระเบิดเสียงหัวเราะดังกังวาน “หลิวเฟยซู ข้าชื่นชมเจ้าจริงๆ ที่สามารถอดทนรอได้จนถึงอึดใจสุดท้าย…”
เขาลุกขึ้นยืนและชักกระบี่ออกมาจากฝัก ก่อนจะสะบัดข้อมือด้วยความเร็วไว
วูบ!
ฝักกระบี่พุ่งออกไปกระแทกเข้าใส่ชายหน้ากากดำที่อยู่ทางขวามือ
ชายหน้ากากดำสะบัดกระบี่ปัดป้อง
ฟึบ!
ตัวคนถึงกับซวนเซ
หลงเสี่ยวเถียนควงกระบี่ไม่หยุดยั้ง ปราดเข้าไปประชิดตัวผู้โจมตีทางฝั่งซ้าย
เสียงกระบี่กระทบกันดังติงติงตังตัง
ประกายไฟสาดกระจาย
หลงเสี่ยวเถียนมีพละกำลังมหาศาล ระดับฝีมือไม่ต่ำต้อย มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย ถึงแม้ชายหน้ากากดำทั้งสองคนจะมีฝีมือไม่ธรรมดา แต่ต่อสู้กันเพียงไม่กี่สิบกระบวนท่า ผลแพ้ชนะก็ปรากฏออกมาแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้
ชายฉกรรจ์สี่คนเข้าไปประชิดตัวฉุยเฮาเฟิงเพื่อช่วยปลดปล่อยชายหนุ่มออกจากโซ่ตรวนที่พันธนาการ
“ศิษย์พี่ พวกเรามาช่วยเหลือท่านแล้ว ไม่ต้องเป็นกังวล”
หนึ่งในชายฉกรรจ์ส่งเสียงกระซิบ
“พวกเราจัดเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว”
ชายหน้ากากดำอีกคนพูด
ฉุยเฮาเฟิงได้แต่ยิ้มด้วยความสำนึกเสียใจ
ทันใดนั้น…
ปู๊น! ปู๊น! ปู๊น!
ได้ยินเสียงเป่าแตรดังขึ้น
ท้องถนนรอบตลาดพลันปรากฏกองกำลังทหารจำนวนมาก
วูบ! วูบ!
เงาร่างหลายสิบสายทิ้งตัวลงมาในลานประหาร
ทุกคนสวมใส่ชุดเครื่องแบบเจ้าหน้าที่มือปราบ
“หึหึ หลิวเฟยซู เจิ้งกุย หนงซานเจี๋ยน โจวต้าวไห่ เจ้าพวกเศษขยะฝีมือต่ำต้อย กล้าดีอย่างไรถึงมาบุกลานประหารเช่นนี้…”หลงเสี่ยวเถียนจัดการคู่ต่อสู้ของตนเองได้เรียบร้อยก็ส่งเสียงหัวเราะด้วยความสะใจ “ไม่มีใครจะโง่เขลามากไปกว่าพวกเจ้าอีกแล้ว วันนี้ อย่าคิดเลยว่าพวกเจ้าจะได้กลับออกไปอย่างมีชีวิตอีก”
“แย่แล้ว พวกเราถูกตลบหลัง”
กลุ่มชายฉกรรจ์ที่บุกลานประหารชีวิตถึงกับหยุดชะงักไปอย่างกะทันหัน
“ฆ่ามัน”
ใครคนหนึ่งส่งเสียงตะโกนออกมา
แล้วการต่อสู้ก็อุบัติขึ้น
ชายฉกรรจ์ทั้งสี่คนยืนล้อมรอบฉุยเฮาเฟิงผู้สูญเสียวรยุทธ์หมดสิ้น…
“ท่านผู้กล้าทั้งหลาย ได้โปรดช่วยเหลือบุตรชายและบุตรสาวของข้าน้อยด้วยเถิด”
หญิงสาวหน้าตาดีผู้น่าสงสารพลันตะโกนบอกกลุ่มชายฉกรรจ์หน้ากากดำ “ลูกๆ ของข้ายังเด็กนัก พวกเขาไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยเลย ได้โปรดช่วยเหลือพวกเขาด้วย… ผู้เป็นบิดาของเด็กน้อยต้องเสียชีวิตในสนามรบ ข้าขอร้องทุกท่าน… พวกเขาไม่หลงเหลือผู้ใดอีกแล้ว”