แต่หลังจากที่ตั้งสติได้ หลินเป่ยเฉินก็ส่งข้อความตอบกลับไปอีกครั้ง
‘แบบนี้ไม่ถูกต้อง ข้าเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ท่านฟังหมดแล้ว สถานการณ์มีแต่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ทราบว่าเทพีกระบี่ของท่านพอจะช่วยเหลือข้าได้บ้างหรือไม่?’
เด็กหนุ่มถามคำถามที่สำคัญที่สุด
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาอย่างรวดเร็วด้วยข้อความที่ทำให้หัวใจของเขาพองโต ‘ย่อมได้อยู่แล้ว’
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ก็แค่นี้เอง
แต่ทันใดนั้น เทพีกระบี่หิมะไร้นามกลับส่งข้อความมาอธิบายเพิ่มเติมว่า “ถึงอย่างนั้น ข้าคงต้องขอเตือนน้องชายสักหน่อยว่า หากให้เทพีกระบี่องค์ปัจจุบันช่วยเหลือเจ้า เจ้าก็จะกลายเป็นศัตรูกับนางวิญญาณเร่ร่อนนั้นทันที และเจ้าก็ต้องระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม… ต้องไม่ลืมว่านางนั่นไม่ใช่ตัวดีมาแต่ไหนแต่ไร”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
ทำไมเขาถึงได้รู้สึกเหมือนตนเองกำลังโดนขู่เลยนะ
แล้วเด็กหนุ่มก็นึกถึงคำถามพื้นฐานที่สุดขึ้นมาได้หนึ่งข้อว่า หากเทพีกระบี่ที่อยู่บนดินแดนทวยเทพสามารถครองตำแหน่งได้โดยชอบธรรมจริงๆ แล้วทำไมนางถึงไม่จัดการวิญญาณของเทพีกระบี่คนเก่าที่อยู่ในโลกมนุษย์ให้สิ้นซากไปเลยล่ะ?
แล้วหลินเป่ยเฉินก็นึกถึงเยว่เว่ยหยาง
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเขาเองก็ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเยว่เว่ยหยางไปแล้ว
ถ้าให้หลินเป่ยเฉินตั้งตัวเป็นศัตรูกับนาง มันจะไม่ใจร้ายใจดำเกินไปหน่อยหรือ?
‘สรุปว่าตอนนี้เทพีกระบี่ของท่านก็ยังช่วยเหลือข้าไม่ได้อยู่ดีใช่ไหม?’
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความถามกลับไปให้แน่ใจ
เพราะเรื่องนี้มีความสำคัญมาก
มันจะส่งผลต่อแผนการหลังจากนี้ของเขาทั้งหมด
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาผ่านทางแอปวีแชทว่า ‘ข้าขอแนะนำให้เจ้าอยู่เงียบๆ อย่าได้ทำตัวโดดเด่นเกินไป จงใช้ชีวิตให้เรียบง่าย พยายามอย่าเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งใดๆ หรือถ้าเจ้าคิดทำสิ่งใด ก็อย่าให้มีผู้คนล่วงรู้ว่ามันเป็นฝีมือของเจ้าเด็ดขาด’
หลินเป่ยเฉินดวงตาลุกวาว
ที่นางว่ามาก็มีเหตุผลเหมือนกันนะเนี่ย
เด็กหนุ่มพิมพ์ข้อความตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว ‘ไม่มีปัญหา ว่าแต่ท่านช่วยสอบถามเทพีกระบี่ให้ข้าหน่อยสิว่า พอจะมีเคล็ดวิชาอะไรบ้างไหม ที่ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของต้นไม้หรือพืชผักเหมือนความสามารถของพลังปราณธาตุไม้อะไรแบบนั้น ถ้าไม่มีเคล็ดวิชาขอเป็นวัตถุวิเศษอะไรมาแทนก็ได้ แค่มีความสามารถเดียวกันนี้ก็พอแล้ว’
หลังผ่านเหตุการณ์ในสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ หลินเป่ยเฉินก็สูญเสียพลังปราณธาตุดินและพลังปราณธาตุไม้ ทำให้ไม่สามารถเร่งการเจริญเติบโตของพืชผลทางการเกษตรได้อีก ซึ่งนี่ก็จะส่งผลกระทบต่อแผนการระยะยาวของเขาอีกเช่นกัน
โดยเฉพาะความสามารถในการเร่งการเจริญเติบโตของผลผลิตทางการเกษตร ถ้าเขาไม่สามารถเร่งการเจริญเติบโตของพวกมันได้ อีกไม่นาน กลุ่มผู้อพยพก็คงต้องขาดแคลนอาหารเป็นแน่แท้
เทพีกระบี่หิมะไร้นามถึงกับนิ่งเงียบไปพักใหญ่
ก่อนตอบกลับมาว่า “เอ่อ… ข้าจะลองหาทางดูก็แล้วกัน”
เมื่อเห็นคำตอบ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกมีความหวังขึ้นมา
เขารีบพิมพ์กลับไปว่า ‘หากท่านพอจะมีหนทาง ได้โปรดช่วยทำให้มันเป็นจริงโดยเร็วที่สุด บัดนี้ ข้ามีเวลาไม่มากแล้ว’
‘ไม่มีปัญหา อีกหนึ่งวันข้าจะมาให้คำตอบกับเจ้า’
หลังจากนั้น เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ออกจากระบบไป
หลินเป่ยเฉินนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง จึงเปิดเข้าไปในแอปจิงตงมอลล์
เขาเข้าไปดูสินค้าในร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจร
เด็กหนุ่มพบว่าไม่ได้เปิดดูเพียงไม่กี่วัน ร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรก็มีสินค้าใหม่มาวางขายมากมายหลายอย่าง
แต่น่าเสียดายที่เมื่อตรวจสอบดูแล้ว กลับไม่มีสินค้าที่เขาต้องการเลยสักอย่างเดียว
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจส่งข้อความไปสอบถามผู้ดูแลร้าน
‘เถ้าแก่ อยู่ไหมขอรับ?’
‘อยู่’
ดูเหมือนว่าผู้ดูแลร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรจะออนไลน์ตลอดเวลา ไม่ว่าเด็กหนุ่มติดต่อมาตอนไหน ก็จะได้รับการตอบรับทุกครั้งไป
‘มีสินค้าอะไรที่พอจะช่วยเร่งการเจริญเติบโตของผลผลิตทางเกษตรได้บ้างไหมขอรับ?’
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
แน่นอนว่าเขาคงไม่ฝากความหวังเอาไว้ที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามคนเดียวอยู่แล้ว
ติดต่อไว้หลายๆ ทางย่อมดีกว่า
‘ไม่มี’
ผู้ดูแลร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรตอบกลับมาสั้นๆ เช่นเดิม
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
เย็นชาจังเลยเว้ย
เขาพยายามขอแอดเพื่อนในแอปวีแชทของผู้ดูแลร้านเป็นครั้งที่สาม
แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
‘ไม่ได้’
หลินเป่ยเฉินรู้สึกอ่อนเพลียไปทั้งตัวและหัวใจ
ให้ตายสิ ใจร้ายเกินไปแล้ว
เขาเป็นลูกค้าประจำเชียวนะ
จะเรียกว่าเป็นลูกค้ากิตติมศักดิ์ก็ได้
ไม่คิดจะรับแอดกันหน่อยหรือไง
อย่าว่าแต่ของสมนาคุณสักชิ้นยังไม่มี นับประสาอะไรกับจะให้หลินเป่ยเฉินแอดเพื่อนในแอปวีแชท เรื่องนี้แตกต่างจากร้านค้าบนโลกมนุษย์ลิบลับ ถ้าเป็นโลกมนุษย์ และเขาเป็นลูกค้าประจำเช่นนี้ เจ้าของร้านก็คงแทบอยากจะขอแอดเพื่อนไปถึงบรรพบุรุษของลูกค้าแล้วด้วยซ้ำ
แต่เมื่อคิดว่าเจ้าของร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรอาจเป็นเทพเจ้าที่สูงส่งมากกว่าเทพีกระบี่ หลินเป่ยเฉินจึงตัดสินใจไม่ถือสาหาความ
เขาปิดแอปจิงตงมอลล์ และเปิดเข้าไปในแอป Taobao
การก่อสร้างสถานศึกษากระบี่ที่สามขึ้นมาใหม่ หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องซื้อหาสิ่งของเป็นจำนวนมาก
ขณะนี้ การก่อสร้างเป็นไปอย่างเชื่องช้า เพราะว่าปัญหาหลักก็คือในโลกแห่งวรยุทธ์ไม่มีปูนซีเมนต์
การก่อสร้างอาคารส่วนใหญ่ของที่นี่ มักจะใช้งานผู้ใช้ค่ายอาคม
ดังนั้น การก่อสร้างส่วนใหญ่จึงไม่จำเป็นต้องใช้ปูนซีเมนต์ หรือวัสดุที่ทำให้วัตถุยึดติดเข้าด้วยกัน
นี่คือปัญหาใหญ่ของหลินเป่ยเฉิน
คิดได้ดังนั้น เด็กหนุ่มก็กดค้นหา ‘วิธีผสมปูนซีเมนต์สำหรับการก่อสร้าง’ ในแอป Taobao
เพราะโอตาคุสุดเนิร์ดอย่างหลินเป่ยเฉินไม่รู้ขั้นตอนการผสมปูนเลยสักอย่างเดียว
เขาหวังจะหาหนังสือคู่มือการผสมปูนมาอ่าน
แต่ผลการค้นหากลับว่างเปล่า
ไม่มีหนังสือเกี่ยวกับการผสมปูนวางขาย
ตอนนี้เองที่หลินเป่ยเฉินรู้สึกคิดถึงแอปค้นหาข้อมูลอย่าง Baidu หรือ Google ขึ้นมาจับใจ
หากมีแอปค้นหาข้อมูลเหล่านั้นอยู่ในเครื่อง มีอะไรที่เขาไม่รู้หรือสงสัย ก็จะได้ค้นพบคำตอบอย่างรวดเร็ว
และมันต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับการผสมปูนให้เขาได้อ่านแน่นอน
แต่ว่าขณะนี้…
ดูเหมือนจะผสมปูนใช้เองไม่ได้แล้วสินะ
ซื้อสำเร็จรูปเอาเลยก็แล้วกัน
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ค้นหาคำว่า ‘ปูนซีเมนต์’ ลงไปในแอป Taobao อีกครั้ง
พริบตาต่อมา ปูนซีเมนต์หลากหลายยี่ห้อก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็เลือกซื้อปูนซีเมนต์ยี่ห้อ ‘ปูนซีเมนต์กิเลนบิน แห้งไวไร้มลพิษ’ มีขนาดถังละ 100 กิโลกรัม และมีราคาถังละ 10 เหรียญเงิน
ถือว่าถูกมาก
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจซื้อมาทั้งหมด 10,000 เหรียญทองคำ
และด้วยความที่เขาซื้อปูนเป็นจำนวนมาก ทางเจ้าของร้านจึงแถมมาให้อีก 200 ถัง
เห็นไหมล่ะ
คนเป็นพ่อค้าเขาต้องใจดีแบบนี้
ธุรกิจถึงจะไปได้สวย
เจ้าของร้านเพื่อนพ้องพี่น้องโจรต้องหัดมาดูงานเอาไว้บ้าง
หลินเป่ยเฉินไถหน้าจออยู่ในแอป Taobao นานสองนาน และกดสั่งซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยมาอีกหลายอย่าง
สุดท้าย เด็กหนุ่มก็เผลอหลับอยู่ในอ่างอาบน้ำ โดยที่มีสองสาวรับใช้คอยนวดเฟ้นผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
ระหว่างนอนหลับหลินเป่ยเฉินก็มีความฝัน เขาฝันว่าตนเองแต่งงาน เมื่อพาเจ้าสาวเข้าสู่เรือนหอ เจ้าสาวเปิดผ้าคลุมหน้าออกก็กลายเป็นเยว่เว่ยหยาง แต่เป็นเยว่เว่ยหยางในเวอร์ชันถือกรรไกรขนาดใหญ่ยักษ์พยายามไล่ฆ่าเขา
หลินเป่ยเฉินตกใจมากจึงวิ่งหนีออกมาจากห้องหอ และตลอดทางที่วิ่งหนีออกมา ก็มีหญิงสาวอีกจำนวนนับไม่ถ้วนสบถด่าเขาว่าเป็นเศษสวะ เด็กหนุ่มวิ่งหนีสุดชีวิต แต่สุดท้ายก็ถูกมี่หรู่หยานกับหวังซินอวี่ขวางทางหนี กองทัพหญิงสาวที่วิ่งตามมาข้างหลังไล่ตามมาทันในที่สุด พวกนางพยายามฉีกกระชากร่างของเขาแยกออกจากกันเป็นส่วนๆ
เสื้อผ้าของหลินเป่ยเฉินฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี และเมื่อหันหน้ามามองดูอีกที เด็กหนุ่มก็พบว่าผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าเขาในขณะนี้คือนักพรตหญิงชิน…
ปู๊นนน!
ทันใดนั้น เสียงแตรแผดดังในอากาศ
หลินเป่ยเฉินร้องอุทานด้วยความตกใจ สะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้าย
“นายน้อยขอรับ นายน้อย…”
เสียงของพ่อบ้านหวังจงดังขึ้นหน้ากระโจมสำหรับอาบน้ำ “แย่แล้วขอรับนายน้อย ค่ายของเราถูกปิดล้อมแล้ว… เกิดเรื่องใหญ่แล้วขอรับนายน้อย”
หลินเป่ยเฉินเดินออกมาจากกระโจมด้วยความมึนงง ก่อนจะยกเท้าขึ้นเตะก้นหวังจงหนึ่งป้าบ “เจ้าสุนัขเฒ่า มัวแต่แหกปากแตกตื่นตกใจอยู่ได้ ผู้ใดกล้ามาปิดล้อมค่ายที่พักของเรา บอกมาเดี๋ยวนี้”
หวังจงลูบคลำบั้นท้ายของตนเองด้วยความตื่นเต้นและตอบว่า “นายน้อยดูด้วยตัวเองดีกว่าขอรับ…”
หลินเป่ยเฉินหันหน้ากลับมาทอดสายตามองออกไปนอกเขตค่ายที่พัก
และเขาก็เห็นกองทัพของนายทหารติดอาวุธไม่ต่ำกว่าเจ็ดพันคน ยกขบวนมาปิดล้อมค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่งเอาไว้ทุกด้านทุกมุม
ผืนธงโบกสะบัดในอากาศอย่างน่ากลัว
ประตูทางออกทุกจุดของค่ายที่พักมีเจ้าหน้าที่มือปราบวางกำลังคุ้มกันแน่นหนา
เห็นดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็ส่งเสียงหัวเราะออกมา
“มาถึงกันสักทีนะ”
เด็กหนุ่มถูไม้ถูมือด้วยความตื่นเต้น