ตอนที่ 694 พลังปราณธาตุทองคำ
ในฐานะที่น่าจะเป็นคนแรกของประวัติศาสตร์จักรวรรดิเป่ยไห่ ผู้ไต่เต้าจากระดับผู้ฝึกยุทธ์ขึ้นสู่ระดับปรมาจารย์ได้สามครั้งซ้อน เมื่อกระแสพลังทองคำไหลเวียนไปทั่วร่างกายของหลินเป่ยเฉิน เด็กหนุ่มก็สามารถควบคุมมันได้อย่างชำนาญแทบจะในทันที
ผ่านไปสองชั่วยาม พลังปราณธาตุในตัวเขาก็เปลี่ยนสีสันไปอย่างสมบูรณ์
เมื่อมาถึงชั่วยามที่สาม เด็กหนุ่มก็สามารถทะลวงขึ้นสู่ขั้นปรมาจารย์ได้สำเร็จ
พลังลมปราณในร่างกายไหลเวียนเต็มอัตรา
ผลึกทองคำที่อยู่ในมือของเขาหมดแสงลงแล้ว
พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายก็หายไปเช่นกัน
ไม่เหลือสิ่งใดให้ดูดซับพลังอีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินวางผลึกทองคำศักดิ์สิทธิ์ลงข้างตัว เมื่อลองโคจรพลังปราณธาตุของตนเองออกมา ฝ่ามือของเขาก็มีแสงสว่างสีทองเรืองรองสะดุดตา
ใช่แล้ว นี่คือปราณธาตุทองคำ
ทองคำชนิดเดียวกับที่นำมาทำเป็นเหรียญทองคำ
เมื่อหลินเป่ยเฉินเฝ้ามองการเคลื่อนไหวของกระแสพลังปราณธาตุ ร่างกายของเขาก็พลันปกคลุมด้วยม่านพลังสีทองสว่างไสว
เด็กหนุ่มยิ้มอย่างมีความสุข
ฮื่อ ไม่มีสีไหนจะสวยมากไปกว่าสีทองอีกแล้ว
มีแต่สีทองเท่านั้นถึงจะควรค่ากับความหล่อเหลาของเขา
นับจากนี้ เขาจะเป็นนักบุญทองคำ… ไม่ใช่สิ เขาจะเป็นมนุษย์ทองคำต่างหาก!
หลินเป่ยเฉินยิ่งคิดก็ยิ่งพอใจกับพลังปราณธาตุชนิดใหม่ของตนเอง
เขาไม่เคยพอใจกับพลังปราณธาตุขนาดนี้มาก่อน
เมื่อมีพลังปราณธาตุทองคำไหลเวียนอยู่ในร่างกาย หลินเป่ยเฉินก็เริ่มสำรวจดูถึงความเปลี่ยนแปลงจากพลังชนิดใหม่นี้
สำหรับหลินเป่ยเฉิน นี่คือขั้นตอนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ผ่านไปเพียงครึ่งชั่วยาม การสำรวจก็เสร็จสิ้น
พลังปราณธาตุทองคำทำให้ร่างกายของเขาเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นมาสองอย่าง
อย่างแรกคือความแข็งแกร่งของร่างกาย
ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เปลี่ยนให้เลือดเนื้อของเขามีความแข็งแกร่งไม่ต่างจากเหล็กกล้า โดยเฉพาะช่วงที่ร่างกายมีพลังลมปราณเต็มสูบ ร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็ถูกจัดอยู่ในระดับไร้เทียมทาน
แม้ว่าบัดนี้ หลินเป่ยเฉินจะมีพลังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับหนึ่งเท่านั้น แต่ร่างกายของเขาก็มีความแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าเหล็กกล้าทั่วไป ตัวตนของเด็กหนุ่มในขณะนี้ จึงไม่ต่างไปจากระฆังทองคำรูปร่างมนุษย์ ผู้ถูกห่อหุ้มอยู่ด้วยเสื้อผ้าที่สวมใส่
“มีประโยชน์เหมือนกันนะเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความตื่นเต้น
รู้สึกเหมือนตนเองเป็นหนึ่งในมนุษย์กลายพันธุ์ของหนังมาร์เวล
ความแข็งแกร่งของร่างกายชนิดนี้ จะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ระหว่างการโจมตีก็ได้ หรือจะนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ระหว่างการตั้งรับก็ได้เช่นกัน
และแน่นอนว่าในเมื่อร่างกายทุกสัดส่วนของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล็กกล้า นั่นจึงหมายความว่าตรงส่วนนั้นก็ต้อง…
สุดยอด
เป็นพลังที่สุดยอดเหลือเกิน
เพียงแค่คิด เด็กหนุ่มก็มั่นใจว่าต่อจากนี้ไป ตนเองคงสามารถทำให้สาวๆ หลงใหลและต้องอ้อนวอนร้องขอชีวิตได้โดยไม่ต้องใช้ยาปลุกกำหนัดของอานมู่ซีสักนิด
ส่วนความเปลี่ยนแปลงอย่างที่สองนั้น หลินเป่ยเฉินพบว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออยู่สักหน่อย
เด็กหนุ่มจ้องมองกระบี่เงินสองเล่มที่อยู่เบื้องหน้า แล้วกระบี่คู่นั้นก็ลอยขึ้นมาวนเวียนรอบกายของเขาเหมือนเด็กน้อยวิ่งเล่นรอบมารดา นี่คือความสามารถพิเศษชนิดใหม่ที่หลินเป่ยเฉินค้นพบว่า ตนเองสามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของสิ่งของที่มีธาตุเป็นโลหะได้ตามความปรารถนา
ไม่ต่างจากความสามารถพิเศษในการใช้พลังจิตควบคุมสิ่งของในนิยายแนวแฟนตาซีเหนือโลก
แต่ความสามารถของหลินเป่ยเฉินถูกจำกัดอยู่แค่การควบคุมธาตุโลหะเท่านั้น
เขาสามารถกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนกระบี่และบังคับให้มันบินขึ้นไปในอากาศได้ด้วยซ้ำ
แต่ด้วยพลังที่ยังอยู่ในขั้นปรมาจารย์ระดับหนึ่ง เด็กหนุ่มจึงสามารถควบคุมวัตถุธาตุโลหะได้สูงสุดเพียงครั้งละสองชิ้นเท่านั้น และเขาสามารถยกวัตถุธาตุโลหะนั้นลอยขึ้นไปในอากาศได้ถ้ามันมีน้ำหนักไม่เกิน 1,000 ชั่ง แต่หากรู้สึกว่าเกินกำลัง หลินเป่ยเฉินก็สามารถเสริมความแข็งแกร่งด้วยการโคจรพลังลมปราณเติมเข้าไปได้เช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น หลินเป่ยเฉินค้นพบว่าพลังปราณธาตุทองคำนี้ มีความเกี่ยวโยงกับการใช้พลังจิตอย่างน่าเหลือเชื่อ
ยิ่งพลังปราณธาตุทองคำในร่างกายหนาแน่นมากเท่าไหร่ พลังจิตของเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น
หลินเป่ยเฉินรู้สึกพึงพอใจกับพลังปราณธาตุชนิดใหม่และความสามารถใหม่ของตนเองเป็นอย่างยิ่ง
เขาพอใจที่ตนเองยอมรับผลึกทองคำศักดิ์สิทธิ์มาจากนักพรตใหญ่หลงเยว่
ข้อเสียเพียงอย่างเดียวก็คือหลินเป่ยเฉินไม่สามารถเปลี่ยนพลังปราณธาตุในร่างกายออกมาให้เป็นวัตถุทองคำได้จริงๆ
ไม่อย่างนั้น… ในอนาคตต่อจากนี้ เขาก็คงปั๊มเหรียญทองใช้เองได้แล้ว
“เรามาตั้งชื่อพลังปราณธาตุชนิดนี้ใหม่ดีกว่า”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วนิ่วหน้าอย่างใช้ความคิด
ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ เด็กหนุ่มก็ได้ชื่อที่ตนเองต้องการ…
เขาจะเรียกมันว่าพลังปราณธาตุผลึกทองคำศักดิ์สิทธิ์
นี่คือชื่อที่ได้ยินเพียงครั้งเดียวก็สะดุดหู
และเมื่อได้ยินซ้ำสองซ้ำสามเมื่อไหร่… ก็ยิ่งดึงดูดความสนใจได้มากกว่าเดิม
ถึงมันจะดูยิ่งใหญ่อลังการเกินหน้าเกินตาพลังปราณธาตุชนิดอื่นๆ มากเกินไปหน่อยก็ตาม
แต่มันก็เป็นชื่อพลังปราณธาตุที่เหมาะสมกับเขามากที่สุดแล้ว
ก๊อกก๊อกก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
(ถึงหลินเป่ยเฉินจะอยู่ในกระโจม แต่ก็มีบานประตูติดตั้งเอาไว้เช่นกัน แหะแหะ)
“นายท่านเจ้าคะ เที่ยงแล้วเจ้าค่ะ ตื่นได้แล้วนะเจ้าคะ…”
เสียงที่อ่อนหวานของเฉียนเหมยดังขึ้นจากด้านนอก
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ และเริ่มต้นรับประทานอาหารเช้าของตนเอง
นอกหน้าต่างของกระโจมที่พักในขณะนี้เริ่มมีหิมะโปรยปรายลงมาบ้างแล้ว
ฤดูหนาวย่อมมีหิมะตก
ได้ยินเสียงเหล่าเด็กน้อยวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานอยู่ด้านนอก
พวกเขากำลังเล่นปาหิมะ
ความรู้สึกชนิดหนึ่งร้อนวูบในหัวใจของหลินเป่ยเฉิน
หิมะกำลังตกแล้ว
ในโลกมนุษย์จะมีคำพูดติดปากที่ชอบกล่าวกันว่า ‘หิมะไม่หนาว ที่หนาวไม่ใช่หิมะ’
นั่นหมายความว่าเมื่อมีหิมะโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า อุณหภูมิก็จะลดต่ำลง และผู้ที่จะต้องเผชิญหน้ากับภัยหนาวก็คือมนุษย์นั่นเอง
นี่หมายความว่าการก่อสร้างอาคารต่างๆ ในค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่งต้องเร่งความเร็วขึ้นแล้ว
มิฉะนั้น หากปล่อยให้อากาศหนาวเย็นอย่างสุดขั้ว อุณหภูมิก็จะลดต่ำลงเรื่อยๆ บางทีอาจถึงขั้นติดลบศูนย์องศาก็ได้
เมื่อถึงตอนนั้น ทุกคนก็คงจะต้องหนาวตาย
หลินเป่ยเฉินกังวลเรื่องความหนาวเย็นในค่ายที่พักมากที่สุด และเขาก็นึกภาพได้ไม่ยากเลยว่าค่ายผู้อพยพอื่นๆ จะกังวลเรื่องนี้ขนาดไหน
หลินเป่ยเฉินกินอาหารเช้าไปด้วยและนำโทรศัพท์มือถือออกมาดูไปด้วย
ติ๊ง!
มีข้อความเข้าในแอปวีแชท
เป็นข้อความจากเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
‘ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เตรียมตัวรับพัสดุก็แล้วกัน’
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูง ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
หืม?
คราวนี้เทพีกระบี่หิมะไร้นามติดต่อมาหาเขาเองหรือนี่
แต่พัสดุอะไรกัน?
เขาไปสั่งพัสดุอะไรมาตั้งแต่ตอนไหน?
ลมหายใจต่อมา แอปจิงตงมอลล์ก็ส่งข้อความแจ้งเตือนว่า
‘กรุณาลงนามในเอกสารรับพัสดุ’
‘กรุณาลงนามยินยอมรับพัสดุสินค้าจากร้านของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม…’
‘พัสดุของท่านมาถึงปลายทางแล้ว ยินดีรับสินค้าตอนนี้เลยหรือไม่?
หลายข้อความเด้งขึ้นมาแจ้งเตือนรัวๆ
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
พัสดุมาถึงแล้วอย่างนั้นหรือ?
เด็กหนุ่มกำลังจะกดรับพัสดุ
แต่แล้วก็เฉลียวใจคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
‘เดี๋ยวก่อนนะ ท่านคงไม่ได้สั่งให้มาเก็บค่าขนส่งที่ปลายทางใช่ไหม?’
หลินเป่ยเฉินส่งข้อความกลับไปถามในแอปวีแชท
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาอย่างไม่พอใจ ‘ทำไมเจ้าถึงมองข้าเป็นคนเช่นนั้นไปได้’
และข้อความใหม่ถูกส่งมา
‘แน่นอนว่าย่อมไม่ใช่เช่นนั้นอยู่แล้ว บัดนี้ข้าเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของเทพีกระบี่ ได้รับความรักจากพระองค์ท่านมากกว่าคนทั่วไป ด้วยเหตุนี้แหละ ข้าจึงสามารถหาน้ำพุฉางชุนขวดนี้มาให้เจ้าได้สำเร็จ แม้ว่าข้าจะต้องเผชิญหน้ากับกองทัพเทพผู้อารักขาน้ำพุขวดนี้หลายพันองค์ก็ตาม และการต่อสู้ของพวกเราดำเนินไปหลายวันหลายคืน เลือดไหลนองกลายเป็นแม่น้ำบนพื้นดิน ซากศพของเหล่าเทพเจ้ากองทับถมกันสูงเป็นภูเขา…’
‘แต่สุดท้าย พี่สาวคนนี้ก็นำน้ำพุวิเศษกลับมาให้เจ้าได้สำเร็จ น้องชายไม่ต้องขอบคุณก็ได้ เพราะแทนที่เจ้าจะขอบคุณ เปลี่ยนเป็นส่งรากชงโหลวมาให้ข้าอีกสักสิบต้น และถ้าเพื่อนของเจ้ามีรากป่านหงส่งมาด้วยสักสองสามต้นก็จะดีมากเช่นกัน…’