ตอนที่ 728 ภารกิจสำเร็จ
เมื่อหลินเป่ยเฉินไม่มีผู้คนคอยรบกวนอีกต่อไป
เขาก็รีบนั่งโคจรพลังทันที
พิธีเปิดสถานศึกษาในวันนี้ เขาได้รับลำแสงประทานพรถึงสี่สาย สร้างความตกตะลึงให้แก่ผู้คนที่มาร่วมงานเป็นอย่างยิ่ง
ฮ่าฮ่าฮ่า
นี่หมายความว่าเขาจะต้องมีผู้ศรัทธาเพิ่มขึ้นแน่ๆ
ระดับพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายของเขาคงจะต้องเพิ่มสูงขึ้นเป็นแน่แท้
เด็กหนุ่มใช้พลังจิตเปิดเข้าไปสู่อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดของตนเอง
แต่ผลลัพธ์กลับน่าผิดหวัง
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินพบว่านอกจากแสงดาวในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์จะไม่สว่างมากขึ้นแล้ว มิหนำซ้ำ มันกลับยังหม่นแสงลงอีกด้วย
เกิดอะไรขึ้น?
หลินเป่ยเฉินถึงกับชะงักงันไปด้วยความไม่เข้าใจ
เด็กหนุ่มพยายามนึกทบทวนขั้นตอนการโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ตามที่นักพรตหญิงชินได้เคยสอนเอาไว้
พลังศักดิ์สิทธิ์ของหลินเป่ยเฉินจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อผู้คนหันมาศรัทธาในตัวเขา
วันนี้เขาได้รับลำแสงประทานพรถึงสี่สาย ถือเป็นการสร้างความประทับใจให้แก่ผู้คนด้วยการแสดงอภินิหารน่าเหลือเชื่อ นี่คือสิ่งที่บอกว่าเทพีกระบี่คอยสนับสนุนเขา แต่สิ่งที่หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยก็คือ…
นี่เท่ากับเป็นการแสดงอภินิหารของเทพีกระบี่ด้วยเช่นกัน!
นั่นจึงหมายความว่าแรงศรัทธาที่ควรจะมอบให้กับเขา ทุกคนกลับพร้อมใจกันมอบให้แก่เทพีกระบี่เป็นหนึ่งเดียว
แม้แต่ผู้ที่เคยศรัทธาในตัวหลินเป่ยเฉิน ก็หันไปศรัทธาในตัวเทพีกระบี่แทน
ให้ตายสิ!
เสียท่าเอาจนได้
หลินเป่ยเฉินตบเข่าฉาดด้วยความเจ็บใจ
เขาเคยแต่ใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือ ไม่เคยตกเป็นเครื่องมือให้ผู้อื่นใช้งานมาก่อน
ตลอดทั้งวันที่ผ่านมา หลินเป่ยเฉินไม่รู้ตัวเลยสักนิด
ครั้งหน้าหากต้องร่วมงานกับเทพีกระบี่อีกครั้ง หลินเป่ยเฉินก็จำเป็นต้องกำชับตนเองให้ระมัดระวังมากกว่าเดิม
แต่การถูกขโมยพลังศรัทธาไปโดยไม่คาดคิดเช่นนี้ ไม่ได้ทำให้หลินเป่ยเฉินสะเทือนใจอะไรมากนัก
เพราะสำหรับหลินเป่ยเฉินแล้ว พลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มันแทบไม่ใช่สิ่งสำคัญเลย เพราะสิ่งสำคัญสำหรับเขา คือพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดที่อยู่ในร่างกายต่างหาก
อีกอย่าง ตอนนี้สาวกของเทพีกระบี่ก็ใช่ว่าจะมีมากมายเหมือนเก่า
หลินเป่ยเฉินใช้งานแอปในโทรศัพท์มือถือให้โคจรพลังในร่างกายของเขาตลอดเวลา เด็กหนุ่มจึงรู้ดีว่าอีกเพียงนิดเดียวตนเองก็จะสามารถเปิดการใช้งานพลังปราณธาตุทั้งห้าได้ตามที่เทพีกระบี่หิมะไร้นามเคยบอกเอาไว้แล้ว ขอเพียงเขารู้วิธีปลดผนึกพวกมันเท่านั้นก็พอ
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงเปิดเข้าไปดูข้อมูลการขนส่งสินค้าในแอปจิงตงมอลล์
เอาละ
เทพีกระบี่หิมะไร้นามลงนามรับรากชงโหลวกับรากป่านหงจากร้าน ‘เพื่อนพ้องพี่น้องโจร’ ไปเรียบร้อยแล้ว
‘เป็นอย่างไรบ้าง?’
หลินเป่ยเฉินแคปภาพหน้าจอรูปลายมือการลงนามรับสินค้าของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ก่อนส่งไปสอบถามนางในแอปวีแชท
‘ได้รับของเรียบร้อยแล้ว ขอบใจน้องชายมาก’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามส่งข้อความตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มแทบจะรู้สึกได้ถึงความคึกคักแจ่มใสผ่านตัวอักษรที่นางพิมพ์ส่งมา ‘อ้อ มันเป็นของแท้ด้วยนะ มีสรรพคุณวิเศษมาก ข้าใช้งานไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น อาการบาดเจ็บก็ดีขึ้นทันตาแล้ว’
‘ท่านเป็นผู้ใช้งานมันเองหรือ?’
หลินเป่ยเฉินส่งเครื่องหมายคำถามตามไปอีกแถวยาว
เทพีกระบี่หิมะไร้นามรีบตอบกลับมาว่า ‘ในฐานะที่ข้าเป็นผู้รับใช้ที่ซื่อสัตย์ของเทพีกระบี่ ข้าจึงต้องทำหน้าที่รับประทานพวกมันก่อน เพื่อเป็นการยืนยันว่าสมุนไพรที่เจ้าส่งมานี้ไม่มียาพิษเจือปนอยู่… ไม่ทราบว่าคำอธิบายของข้าพอรับฟังได้หรือไม่?’
หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดเล็กน้อยก็พยักหน้าหงึกหงัก
นี่คือสิ่งที่เขาเห็นมากมายจากละครทีวีแนวย้อนยุค
ก่อนที่ฮ่องเต้จะรับประทานอาหาร ก็จะต้องมีขันทีผู้เป็นบ่าวรับใช้คอยทำหน้าที่ชิมอาหารก่อนเพื่อตรวจสอบยาพิษ
ดูเหมือนว่าสถานะของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ก็คงไม่ต่างไปจากขันทีพวกนั้นสักเท่าไหร่สินะ
‘พวกท่านอย่าเพิ่งรีบกักตัวโคจรพลังล่ะ’
หลินเป่ยเฉินรีบส่งข้อความไปดักคอไว้ก่อน ‘สามวันหลังจากนี้ ข้าอาจมีปัญหาใหญ่ต้องรบกวนความช่วยเหลือของพวกท่าน ถ้าข้าไม่สามารถรับมือกับศัตรูคนปัจจุบันได้ ก็คงต้องขอรบกวนเทพีกระบี่ให้แบ่งปันพลังของนางมาให้ข้าสักหน่อยแล้ว…’
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็บอกเล่าเรื่องราวที่ตนเองรับปากเหลียงหยวนเตาเอาไว้
เมื่อเทพีกระบี่หิมะไร้นามรับทราบเรื่องราวทั้งหมด นางก็ส่งข้อความกลับมาด้วยความฉุนเฉียว ‘โลกของเจ้ามีมนุษย์ที่ชั่วร้ายเช่นนี้อยู่ด้วยหรือ? จงบอกที่อยู่ของมันมา เดี๋ยวข้าจะส่งพลังไปเล่นแม่งเอง’
เอ่อ…
ถ้อยคำสามพยางค์หลังนั่นมันอะไรกัน?
ทำไมเทพีกระบี่หิมะไร้นามถึงได้พิมพ์คำหยาบเป็นภาษามนุษย์ยุคปัจจุบันล่ะ?
หรือว่า…
ก่อนหน้านี้เขาลืมตัวเผลอพิมพ์คุยกับนางด้วยภาษาสมัยใหม่?
สงสัยคราวหลังต้องระมัดระวังหน่อยแล้วสิ
หลินเป่ยเฉินพึมพำกับตัวเองระหว่างพิมพ์ข้อความตอบกลับไป ‘ตอนนี้ยังไม่ต้องหรอก ข้าอยากเก็บความช่วยเหลือของพวกท่านไว้เป็นตัวเลือกสุดท้าย ข้าจะติดต่อมาอีกทีเมื่อไม่มีทางออกแล้วจริงๆ’
ปัญหาที่เขาก่อเอาไว้ด้วยตัวเอง…
เอ่อ หลินเป่ยเฉินก็พยายามจะแก้ไขด้วยตัวเองให้ได้ก่อนเป็นลำดับแรก
มิฉะนั้นแล้ว เขาอาจจะสูญเสียสาวกมากไปกว่าเดิมก็ได้
อีกอย่าง ทุกครั้งที่รบกวนให้เทพีกระบี่ส่งมอบความช่วยเหลือ หลินเป่ยเฉินก็ต้องสูญเสียเงินทองไปไม่ใช่น้อย เพราะฉะนั้น เขาเก็บความช่วยเหลือของนางเอาไว้ใช้ยามจำเป็นจริงๆ จะดีกว่า
‘ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็ระวังตัวด้วยล่ะ’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามแสดงความห่วงใย
หลินเป่ยเฉินพิมพ์ข้อความตอบกลับไปด้วยความประหลาดใจ ‘นี่ท่านกำลังเป็นห่วงข้าอย่างนั้นหรือ?’
เทพีกระบี่หิมะไร้นามตอบกลับมาว่า ‘อ้าว เจ้าเพิ่งรู้หรือ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ข้าไม่เป็นห่วงเจ้าเลยนะ’
‘บัดนี้ข้ายิ่งเป็นห่วงเจ้ามากกว่าเดิมอีก’
‘เพราะหากไม่มีเจ้าสักคน แล้วใครจะคอยซื้อสมุนไพรวิเศษเหล่านี้ให้พวกเราล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า’
‘สิ่งที่ข้าอยากจะพูดก็คือ…’
‘เจ้าควรจะดีใจนะน้องชาย มีคนไม่มากที่ได้รับความเอ็นดูจากเทพีกระบี่ถึงเพียงนี้ ทำไมเจ้าถึงไม่เห็นความห่วงใยของผู้อื่นบ้างเลย? หรือเจ้าคิดว่าพวกเราไม่มีความสามารถมากพอที่จะช่วยเหลือเจ้าได้?’
‘เงียบไปเลย สงสัยพูดไม่ออกล่ะสิ’
‘แน่นอนว่า… หากในอดีต เจ้าไม่เคยเห็นร่างเปลือยของข้า ข้าก็คงไม่ทำดีกับเจ้าถึงขนาดนี้หรอก…’
เมื่อเห็นเทพีกระบี่หิมะไร้นามพูดถึงเรื่องที่เขาเคยเห็นร่างเปลือยของนาง เด็กหนุ่มก็แก้มแดงระเรื่อขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินไม่เคยคิดอะไรมากมาย
เขาไม่เคยรู้ว่าความงดงามที่แท้จริงของสตรีเป็นอย่างไร
แต่เมื่อเยว่เว่ยหยางช่วยเปิดประตูให้เขาได้ก้าวเข้าสู่โลกใบใหม่ ทุกครั้งที่หลินเป่ยเฉินหลับตานึกถึงการวิดีโอคอลในครั้งนั้น เขาก็อดรู้สึกวาบหวามขึ้นมาไม่ได้ทุกที
เรือนร่างของเทพีกระบี่หิมะไร้นามที่ปรากฏในการวิดีโอคอลวันนั้นช่างงดงามเหลือเกิน
ผิวพรรณของนางไม่มีตำหนิเลยสักจุด แล้วส่วนเว้าส่วนโค้งนั้นอีกเล่า ไม่ต่างจากงานศิลปะชั้นยอดของสุดยอดศิลปิน นางมีความงามในชนิดเหนือจริง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านางมีตัวตนอยู่จริงๆ
โดยเฉพาะช่วงขาเรียวยาวนั้น
อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือความอวบอัดที่ไม่มากไปและไม่น้อยเกินไป ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังลงตัวเป็นความสวยงามที่สมบูรณ์แบบที่สุด
ถ้าเรียวขาของนางได้มาโอบกระหวัดรัดเอวของเขาดูบ้างนะ หึ่ยยย…
ไม่อยากจะคิด
รู้ตัวอีกที บัดนี้บางส่วนในร่างกายของหลินเป่ยเฉินก็ชูชันขึ้นมาแล้ว
ให้ตายสิ
เด็กหนุ่มสะบัดศีรษะไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกจากสมอง
เขารีบเปลี่ยนเรื่องทันที
‘จริงด้วยสิ ท่านเคยบอกข้าใช่ไหมว่าหากมีพลังปราณธาตุห้าชนิดอยู่ในตัว ก็จะสามารถเลื่อนขึ้นสู่ขั้นเซียนได้ในรวดเดียว บัดนี้ข้ารวบรวมพลังได้ครบห้าธาตุแล้ว ต้องทำอย่างไรถึงจะเลื่อนระดับได้ รบกวนท่านช่วยบอกข้าได้หรือไม่’
‘หืม? ข้าเคยพูดแบบนั้นด้วยหรือ?’
‘อืม… ทำไมข้าถึงนึกไม่ออกเลยนะ ข้าจำทุกอย่างที่เคยบอกเจ้าไม่ได้หรอก’
‘ให้เวลาข้านึกดูหน่อยก็แล้วกัน’
หลินเป่ยเฉินใบหน้ากระตุก ส่งข้อความกลับไปว่า ‘แต่ครั้งนั้นท่านบอกข้าจริงๆ นะ ท่านคงไม่ได้พูดจาเหลวไหลหรอกใช่ไหม?’
‘ไม่อยู่แล้ว… ผู้ที่สามารถรวบรวมพลังได้ครบห้าธาตุ ย่อมมีความพิเศษไม่เหมือนใคร หากข้าเคยพูดให้เจ้าฟัง มันก็ต้องเป็นความจริงแน่นอน ดังนั้น น้องชายไม่ต้องเป็นกังวล เดี๋ยวข้าจะลองไปสอบถามกับเทพีกระบี่ให้เอง เมื่อได้คำตอบแล้วข้าจะมาบอกอีกที’
‘พูดจริงนะ?’
‘พูดจริงสิ เมื่อได้รับทราบคำตอบ ข้าจะรีบมาบอกเจ้าโดยเร็ว’
หลังพิมพ์จบประโยคนี้ เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ไม่ตอบข้อความอะไรอีกเลย
…
ณ วิหารบนดินแดนทวยเทพ
เงาสะท้อนบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือของเทพีกระบี่หิมะไร้นามกำลังแสดงให้เห็นถึงใบหน้าของนางที่กำลังบิดเบี้ยวด้วยความหงุดหงิดใจสุดขีด
“ให้ตายเถอะ…”
“ทำไมตอนนั้นข้าถึงได้พูดจาส่งเดชออกไปเช่นนั้นนะ คนเราจะไปรวบรวมปราณธาตุทั้งห้าชนิดได้อย่างไร?”
“ว่าแต่เขาทำได้จริงหรือนี่?”
“หากหลินเป่ยเฉินรู้ว่าข้าพูดจาส่งเดช หลังจากนี้ เขาคงไม่พูดคุยกับข้าอีกเป็นแน่แท้…”
“หากเป็นเมื่อก่อน ไม่พูดคุยกับข้า ข้าก็ไม่สนใจหรอก แต่ว่าบัดนี้…”
“เด็กหนุ่มผู้นี้มีของดีอยู่ในมือมากมาย มิเช่นนั้น คงไต่เต้าขึ้นมามีอำนาจขนาดนี้ไม่ได้โดยง่าย ซ้ำเขายังหล่อเหลาอย่างหาตัวจับยาก…”
“ข้าจะทำให้เขาไม่พอใจไม่ได้เด็ดขาด”
“ไหนลองตรวจสอบดูหน่อยสิว่ามีคัมภีร์เล่มไหนบอกถึงการรวบรวมพลังปราณธาตุทั้งห้าจริงหรือไม่…”
“เอ๊ะ? มีคัมภีร์หลอมรวมห้าธาตุอยู่จริงๆ ด้วย แต่ผู้ที่ฝึกวิชานี้ถึงจะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกมนุษย์ ทว่าสุดท้ายคนผู้นั้นก็จะเสียสติด้วยความบ้าอำนาจมากเกินไป มันจึงกลายเป็นวิชาต้องห้ามที่แม้แต่ตลาดมืด ก็ไม่มีใครกล้านำไปวางจำหน่าย…”
“ไม่เป็นไร เพื่อน้องชายผู้นี้ ข้าจะต้องไปขโมยมันมาให้ได้”
“ได้ยินมาว่าพวกเทพพงไพรฝึกวิชานี้อยู่ไม่ใช่หรือ? ถ้าข้าไปฆ่ากวาดล้างพวกเขาได้สำเร็จ คัมภีร์เล่มนั้นก็จะตกมาอยู่ในมือของข้าแล้วสินะ?”
“หากน้องชายรู้ว่าข้าต้องเสี่ยงอันตรายถึงขนาดนี้ เขาคงประทับใจมากแน่นอน”
“หุหุหุหุ เก็บเรื่องนี้ไว้ให้เขาประหลาดใจเล่นก่อนดีกว่า”
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว เทพีกระบี่หิมะไร้นามก็ลุกขึ้นมาสวมใส่เสื้อผ้าและออกเดินทางทันที
…
หลินเป่ยเฉินผู้อยู่ในจักรวรรดิเป่ยไห่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยทั้งสิ้น
เขากำลังเปิดแอป Taobao เพื่อหาซื้ออาวุธไว้รับมือกับเหลียงหยวนเตา เด็กหนุ่มก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเช่นกัน แต่เขารู้สึกว่าชายอ้วนผู้นี้คงไม่สามารถรับมือได้ง่ายๆ แน่นอน
แต่หลินเป่ยเฉินก็ไม่พบอาวุธชิ้นใดที่ดีมากกว่าอาวุธที่เขามีอยู่ในตอนนี้เลย
มีปืนยิงจรวดหลายรุ่นที่อานุภาพการทำลายล้างรุนแรงกว่าปืน Type 69 แต่ปัญหาก็คือรัศมีการทำลายล้างของมันกินวงกว้างมากเกินไป หากเขายิงใส่เหลียงหยวนเตา หลินเป่ยเฉินก็คงต้องเสียชีวิตไปพร้อมกันอยู่ตรงนั้นเอง
ทั้งมันยังมีราคาแพงเกินไปอีกด้วย
นอกจากนี้ ก็ยังมีปืนไรเฟิลที่ทรงอานุภาพมากกว่าปืน 98k
แต่มันก็มีขีดจำกัด
ต่อให้เป็นปืนไรเฟิลที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงสุด ถึงจะเดินเข้าไปยิงแสกหน้าผู้มีพลังระดับปรมาจารย์ตอนปลาย แต่ก็ไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ด้วยกระสุนเพียงนัดเดียว
และมันก็มีราคาแพงเกินไปอีกเช่นกัน
ไม่มีอาวุธชิ้นไหนที่ราคาเหมาะสมกับคุณภาพเลยสักนิด
หลินเป่ยเฉินไม่พบเจอสิ่งที่ตนเองต้องการ
ส่วนปืนชนิดอื่นอย่างปืนอาก้าหรือปืน M416 ซึ่งเป็นปืนของหน่วยจู่โจมพิเศษนั้น…
สามารถยิงกระสุนได้ต่อเนื่องและรวดเร็วก็จริง แต่อานุภาพทำลายล้างของมันสามารถทำอันตรายได้เพียงผู้มีพลังขั้นปรมาจารย์ตอนปลายเท่านั้น
ยิ่งค้นหาอาวุธในแอป Taobao เท่าไหร่ หลินเป่ยเฉินก็ยิ่งต้องพบกับความผิดหวังมากเท่านั้น
“เฮ้อ เรานี่มันเก่งเกินไปจริงๆ สุดท้ายก็หาอาวุธคู่กายยากเย็นเหลือเกิน”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้าขณะกดปิดแอป Taobao
และแล้ว
ในทันใดนั้น
‘ติ๊ง!’
เสียงแจ้งเตือนที่คุ้นหูก็ดังขึ้น
มันเป็นเสียงการแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชัน Keep
“ขอแสดงความยินดีด้วย! ท่านสามารถทำภารกิจสร้างสถานศึกษากระบี่ที่สามขึ้นมาใหม่ได้สำเร็จ ของรางวัลที่ท่านได้รับคือการเลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย ต้องการกดรับของรางวัลเลยหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินมองข้อความด้วยดวงตาเบิกโต
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
มือไม้สั่นเทา
ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงแล้ว
ช่างรวดเร็วเหลือเกิน
ฉุยหมิงโหลวเพิ่งจะออกไปประกาศเรื่องเงินทุนกู้ยืมสำหรับการศึกษาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม แล้วจำนวนลูกศิษย์ที่ยังขาดอีก 200 กว่าคนก็ได้รับการเติมเต็มทันทีเลยหรือ?
ฮ่าฮ่าฮ่า
แสงสว่างแห่งความหวังของเขาปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง…
หลินเป่ยเฉินฉีกยิ้มด้วยความลิงโลดใจ
‘รับของรางวัล’
หลินเป่ยเฉินกดปุ่มรับของรางวัลซึ่งเป็นการเลื่อนระดับสู่ขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย
และถ้าเขาโคจรพลังลมปราณร่วมด้วย ก็อาจจะเลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นเซียนเลยก็ได้
ทันใดนั้น แสงสว่างพุ่งวาบออกมาจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
มันพุ่งเข้ามา…
ใส่ใบหน้าของหลินเป่ยเฉิน!!