ตอนที่ 737 คุมตัวเขาเอาไว้
“สาวน้อย เจ้าไม่ใช่คู่มือของข้าหรอก…”
เฉินตงหยางระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะยกมือขึ้นปลดปล่อยพลังลมปราณออกมา
นี่คือความน่ากลัวของผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายใช่หรือไม่?
พลังลมปราณหมุนควงสว่านพุ่งทะลวงเข้ามาไม่ต่างจากคมกระบี่
มิหนำซ้ำ กระแสลมปราณยังปรับเปลี่ยนทิศทางได้อย่างยืดหยุ่น
แต่อู๋หงได้รับความช่วยเหลือจากหลินเป่ยเฉิน ขณะนี้ เขามีพลังทางร่างกายอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายเช่นกัน ต่อให้ถ่ายทอดพลังลมปราณให้อู๋หงถึง 80 เปอร์เซ็นต์ แต่เด็กหนุ่มก็ยังสามารถรับมือชายชราได้อย่างไม่มีปัญหา เพราะนอกจากเขาจะมีประสบการณ์ต่อสู้และทักษะในการเอาตัวรอดมากกว่าเดิมแล้ว ในหัวใจของหลินเป่ยเฉินขณะนี้ยังอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นอีกด้วย
ครืน!
ครืน!
ครืน!
การระเบิดพลังเกิดขึ้นหลายครั้งติดๆ กัน
ร่างกายของทั้งสองฝ่ายพัวพันสลับตำแหน่งกันไปมา
คลื่นพลังลมปราณแผ่กระจายไปรอบบริเวณรุนแรงราวทะเลคลั่ง
“นับเป็นกระบวนท่าที่สูงส่งนัก…”
หนวดเคราของเฉินตงหยางปลิวไสว สีหน้าปรากฏความตกตะลึง “สาวน้อย เจ้ามีพื้นฐานที่ดีและระดับพลังไม่ต่ำต้อย ข้าขอสอบถามได้หรือไม่ว่าเจ้าฝึกฝนมาจากผู้ใด? หากข้ายอมปล่อยเจ้าไป เจ้าจะยินดีสอนวิชาเหล่านี้ให้แก่ข้าหรือไม่?”
อู๋หงตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก
แต่ไฟแค้นในดวงตาของนางยิ่งลุกโชนมากกว่าเดิม
หญิงสาวกำลังจะทะยานเข้าไปหาชายชราอีกครั้ง…
“พี่อู๋หง เดี๋ยวข้าจัดการตาเฒ่าคนนี้เอง”
หลินเป่ยเฉินตะโกนเสียงดัง “ท่านกับเฉียนเหมยนำกองกำลังทหารของเราบุกทะลวงเข้าไปจัดการศัตรู ต้องอย่าลืมว่าที่นี่ยังมีผู้บริสุทธิ์ถูกจับตัวอยู่อีกมากมาย พวกท่านต้องรีบไปช่วยเหลือพวกเขาออกมา… เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการช่วยชีวิตผู้คน”
นั่นเอง อู๋หงถึงได้สติกลับมาอีกครั้ง
จริงด้วยสินะ
การแก้แค้นสำคัญก็จริง แต่เทียบไม่ได้เลยกับการช่วยชีวิตผู้คน
ในป้อมอสรพิษแห่งนี้ ยังมีผู้บริสุทธิ์อีกมากมายรอคอยการช่วยเหลือ
“ตามข้ามา”
อู๋หงหันกลับไปตะโกนบอกกลุ่มนายทหารคนงานขุดเหมือง ก่อนจะนำทางทุกคนเดินเข้าไปในส่วนลึกของหมู่ตึกใหญ่
ฉิวหลิงโอบกอดเซียวปิงและใช้พลังปราณธาตุลมของตนเองพาเด็กหนุ่มร่างอ้วนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า เมื่อขึ้นไปถึงยอดหอคอยที่มีความสูงหลายสิบจั้ง พวกเขาก็สามารถมองเห็นกลุ่มผู้คุ้มกันของฝ่ายตรงข้ามได้จากรอบทิศทาง
เซียวปิงไม่ปล่อยให้เวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขายกปืนไรเฟิล 98k ขึ้นเล็ง และทำหน้าที่เป็นหน่วยซุ่มยิงคอยคุ้มกันและเปิดทางให้พวกของอู๋หงกับเฉียนเหมยรวมถึงนายทหารผู้ติดตามบุกเข้าไปช่วยเหลือผู้คนได้โดยสะดวก
เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น คนของป้อมอสรพิษก็ตกตายดั่งใบไม้ร่วง
กลุ่มคนที่เป็นขุมกำลังของหลินเป่ยเฉินรับการฝึกฝนร่วมกันมาเนิ่นนานในเกม Lost Castle นอกจากนี้ พวกเขายังมีประสบการณ์ต่อสู้จริงๆ จากการปกป้องกำแพงเมืองเขตหนึ่ง ทักษะในการสังหารชีวิตผู้คนของพวกเขาจึงยกระดับขึ้นมากกว่าเดิมอีกหลายขั้น
“เจ้าอย่าเพิ่งไป สาวน้อย”
เฉินตงหยางร้องคำรามออกมา “เจ้าต้องบอกข้าก่อนว่าเจ้าไปฝึกวิชาเหล่านี้มาจากที่ไหน?”
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปยืนขวางหน้า
“ถอยไปซะ”
เฉินตงหยางคำรามใส่หน้าเด็กหนุ่ม
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นฟาดใบหน้าชายชราเต็มแรง
เพี๊ยะ!
เฉินตงหยางหมุนคว้าง 360 องศากลางอากาศ ก่อนจะล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นดิน
มือเท้าชักกระตุก
หมดสติอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายจริงหรือเปล่าเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยหน่าย ในขณะที่ลดฝ่ามือลงอย่างช้าๆ “แข็งแกร่งเกินไปมันก็ไม่ดีอย่างนี้นี่เอง… แบบนี้ใครจะมาเป็นคู่ต่อสู้ของเราได้วะ”
หรือว่านี่จะเป็นความน่ากลัวจากการที่ร่างกายของเขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายกันนะ?
หลังจากที่ตบหน้าเฉินตงหยางแล้ว หลินเป่ยเฉินถึงได้รู้สึกว่ามวลอากาศรอบกายเขาปั่นป่วนเล็กน้อย
เฉินตงหยาง ยอดฝีมือผู้ฆ่าคนตายมาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ แต่เมื่อมาเผชิญหน้าหลินเป่ยเฉินคนนี้ เฉินตงหยางก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว
ยังไม่ทันได้สู้กันจริงๆ สักกระบวนท่า
ก็ถูกตบลงไปนอนสลบหน้าตาเฉย
“คุมตัวเขาเอาไว้”
หลินเป่ยเฉินจะไม่สังหารเฉินตงหยางด้วยมือของตนเอง
เพราะว่าชายชราผู้นี้มีความแค้นที่รอสะสางอยู่กับพวกของฉุยเฮาเฟิง หลิวเฟยซู และคนอื่นๆ อีกนับไม่ถ้วน
หลินเป่ยเฉินไม่ทราบหรอกว่าในอดีตระหว่างคนทั้งสองฝ่ายนี้มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น แต่อย่างน้อย เขาก็จะเปิดโอกาสให้พวกของฉุยเฮาเฟิงได้ตัดสินใจเองว่าจะทำอะไรกับเฉินตงหยางต่อไป
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็กระโดดขึ้นขี่หลังเจ้าลูกเสือมีปีก ก่อนจะเหาะขึ้นไปในอากาศ ส่วนกงกงขับรถม้าตามมาที่ด้านล่าง มีหวังจงและเฉียนซื่อนั่งประกบสองข้างซ้ายขวา รอบๆ รถม้ามีนายทหารคนงานขุดเหมืองคอยคุ้มกันอยู่จำนวน 20 คน พวกเขาจึงเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
แต่ขุมกำลังของป้อมอสรพิษไม่สามารถประมาทได้เลยจริงๆ
ผู้คุ้มกันป้อมจำนวนนับไม่ถ้วนคอยซุ่มโจมตีอยู่ตามหัวมุมถนนและซอกตึก
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับนายทหารคนงานขุดเหมืองที่หลินเป่ยเฉินสั่งให้เข้ารับการฝึกพิเศษมาเป็นอย่างดี คนของป้อมอสรพิษเหล่านี้จึงถูกบดขยี้อย่างง่ายดาย
แม้ถนนบางสายจะมีคนของป้อมอสรพิษจัดตั้งค่ายกลคอยขัดขวางอย่างแน่นหนา
แต่เมื่อพบเข้ากับความดุดันอำมหิตของแม่ทัพเฉียนเหมย ค่ายกลของชายฉกรรจ์เหล่านั้นก็ถูกตีแตกกระจายในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ มิหนำซ้ำ แม้จะเปิดใช้งานค่ายอาคมรักษาความปลอดภัย แต่มันก็ไม่สามารถหยุดยั้งเฉียนเหมยได้อีกต่อไป
ใช้เวลาไม่นาน ค่ายอาคมก็ถูกสลายลง…
สำหรับป้อมอสรพิษแห่งนี้ พวกเขาได้รับการหนุนหลังจากผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ แม้แต่ท่านแม่ทัพเกาเฉิงฮั่นก็ยังไม่อยากยื่นมือเข้ามาแทรกแซง เพราะหากทำให้ประมุขป้อมอสรพิษไม่พอใจ กองทัพก็อาจมีปัญหาได้โดยไม่จำเป็น
ดังนั้น เมื่อเห็นผู้คนจากป้อมอสรพิษพ่ายแพ้อย่างยับเยินถึงขนาดนี้ เสี่ยวเย่จึงได้แต่เฝ้ามองด้วยความเหลือเชื่อ
แต่ลึกๆ ในใจแล้ว นายทหารหนุ่มก็รู้ดีอยู่แก่ใจ
ที่เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ไม่ใช่เพราะว่าป้อมอสรพิษถูกยกยอเกินจริงมาตลอด
แต่เป็นเพราะว่าพวกของหลินเป่ยเฉินมีความแข็งแกร่งมากเกินไปต่างหาก
นับว่าดาวดวงใหม่ได้ระเบิดแสงเจิดจรัสแล้วจริงๆ
เหล่าผู้คุ้มกันหมู่ตึกที่สวมใส่เสื้อคลุมสีน้ำเงินเข้มประดับลวดลายงูพิษสีเขียวปรากฏตัวออกมา แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังไม่สามารถหยุดยั้งการบุกทะลวงของนายทหารคนงานขุดเหมืองได้อยู่ดี แม้ว่าพวกของตนเองจะมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์แล้วก็ตาม…