ตอนที่ 752 ควรเชื่อใจต่อไปดีหรือไม่
เว่ยหมิงเซวียนพลิกฝ่ามือวูบ พลันกล่องทองคำขนาดเล็กก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา
แววตาของเหลียงหยวนเตาเป็นประกายวูบวาบ
ด้วยความตื่นเต้น
เขาหยิบกล่องทองคำไปเปิดดู
ด้านในกล่องเป็นแร่หินแกะสลักอย่างประณีตงดงาม ยาลูกกลอนสีแดงสดเม็ดหนึ่งวางอยู่บนนั้น มันกำลังสะท้อนแสงเป็นประกายวิบวับ กลิ่นคาวเลือดลอยขึ้นมาในอากาศ ชวนให้ผู้คนรู้สึกหัวใจสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว
ยาลูกกลอนเม็ดนี้เปรียบเสมือนโลกทั้งใบของเหลียงหยวนเตาก็ว่าได้
“ประเสริฐ นับว่าหลอมออกมาได้ประเสริฐ”
เหลียงหยวนเตาพยักหน้าด้วยความพอใจ พูดจบก็โบกไม้โบกมือ “เจ้าไปสั่งให้หน่วยมือปราบอินทรีธูมรณะเตรียมตัวให้พร้อม พรุ่งนี้เช้าข้าอยากให้ทุกคนเข้าประจำตำแหน่ง รอคอยหลินเป่ยเฉินนำหัวของเกาเฉิงฮั่นมาส่งมอบให้กับข้า ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
…
ค่ายทหารใหญ่ประจำนครเจาฮุย
ที่นี่เป็นค่ายทหารที่มีการคุ้มกันแน่นหนายิ่งกว่าถ้ำเสือวังมังกร
เกาเฉิงฮั่นสวมใส่ชุดขาวเช่นเคย ขณะนี้กำลังยืนหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ข้างโต๊ะทรายตัวหนึ่ง
“จากข้อมูลที่สายข่าวของเรารายงานมาตลอดหลายวันนี้ พวกชาวทะเลมันบุกโจมตีถี่ขึ้นเรื่อยๆ มิหนำซ้ำ นักรบของพวกมันก็พัฒนาฝีมือขึ้นอย่างน่ากลัว นอกจากนั้น ได้ข่าวว่าพวกมันยังอัญเชิญเครื่องรางศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาจากมหาวิหารใต้ทะเลอีกด้วยขอรับ…”
“และกว่าจะสืบข่าวเหล่านี้มาได้สำเร็จ พวกเราก็ต้องสูญเสียยอดนายทหารไปมากกว่าครึ่งภายในเวลาเพียงคืนเดียว…”
“เมื่อนำข้อมูลทั้งหมดนี้มาประเมินร่วมกันแล้ว ก็มีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น…”
“ในอนาคตอันใกล้ พวกมันคงต้องยกกองทัพบุกโจมตีเราอย่างเต็มรูปแบบแน่นอน การโจมตีครั้งนี้จะเป็นการชี้ขาดว่าพวกมันจะสามารถทำลายกำแพงเมืองเข้ามาได้หรือไม่ และเห็นได้ชัดว่าพวกชาวทะเลยังมีขุมกำลังที่พวกเราคิดไม่ถึงซ่อนอยู่อีกมาก”
หลู่เหวินหยวนรายงานข้อมูลทั้งหมดขณะใช้กิ่งไม้ชี้ไปยังส่วนต่างๆ บนโต๊ะทรายด้วยสีหน้าวิตกกังวล
สถานการณ์ของพวกเขาย่ำแย่ลงเรื่อยๆ
โดยเฉพาะหิมะที่ตกลงมาหนักมากขึ้น ยิ่งกลายเป็นข้อได้เปรียบของกองทัพชาวทะเล
สภาพแวดล้อมโดยรอบเริ่มเป็นใจให้พวกชาวทะเลบุกโจมตี
เมื่อรับฟังรายงานจากชายชราจบลง หัวคิ้วของเกาเฉิงฮั่นก็ขมวดมุ่นอยู่อย่างนั้น
“กำลังเสริมของพวกเราจะมาถึงเมื่อใด?”
เขาถาม
หลู่เหวินหยวนถอนหายใจ ตอบว่า “กองพลที่ 64 ยังคงอยู่ ‘ระหว่างการเดินทาง’ ขอรับ และด้วยอุปสรรคที่พบเจอตามรายทาง คาดว่าพวกเขาคงมาไม่ทันเวลาแน่นอน… ข้าขอแนะนำให้ท่านแม่ทัพเลิกตั้งความหวังรอความช่วยเหลือจากกำลังเสริมได้แล้วขอรับ”
เกาเฉิงฮั่นได้ยินดังนั้นก็นิ่งเงียบไปอีกพักใหญ่
ทันใดนั้น แม่ทัพหนุ่มก็ยิ้มออกมา “แต่ใช่ว่าจะไม่มีข่าวดีเสียหน่อย อย่างน้อยหลินเป่ยเฉินก็กวาดล้างป้อมอสรพิษได้สำเร็จ สถานการณ์ภายในเมืองคงมั่นคงขึ้นไม่ใช่น้อย”
พูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของหลู่เหวินหยวนก็ปรากฏความตื่นตระหนกขึ้นมาทันที เขาพยักหน้าอย่างเห็นด้วยขณะกล่าวว่า “ใช่แล้วขอรับ… เหตุการณ์ครั้งนี้พิสูจน์ว่าหลินเป่ยเฉินไม่ใช่เด็กหนุ่มธรรมดา เขาอาจมีพลังอยู่ในขั้นเซียนด้วยซ้ำ และเขายังเป็นผู้ที่ถูกเลือกจากเทพีกระบี่ แต่สุดท้าย ข้าก็ยังไม่แน่ใจว่าเขาจะอยู่ฝ่ายเดียวกับพวกเรา และยินดีที่จะปกป้องคุ้มครองเมืองนี้หรือไม่…”
เกาเฉิงฮั่นตอบว่า “เขาทุ่มเททรัพยากรให้กับพื้นที่เมืองเขตสองมากมายขนาดนั้น หากกองทัพชาวทะเลสามารถพังกำแพงเมืองเข้ามาได้สำเร็จ หมู่บ้านผู้อพยพของเขาก็จะถูกโจมตีเป็นลำดับแรกๆ ข้าเชื่อว่าเขาจะต้องช่วยเรารักษากำแพงเมืองอย่างสุดความสามารถแน่นอน…”
พูดยังไม่ทันขาดคำ
“รายงานท่านแม่ทัพ…”
นายทหารผู้หนึ่งวิ่งเข้ามารายงานอย่างเร็วไว “คนของจวนท่านผู้ว่าเดินทางมาที่นี่ บอกว่ามีของขวัญมาส่งมอบให้แก่ท่านแม่ทัพขอรับ”
“ของขวัญอะไร?”
เกาเฉิงฮั่นขมวดคิ้ว “ไหนเอามาดูซิ”
นายทหารผู้นั้นยื่นศิลาบันทึกภาพก้อนหนึ่งออกมาส่งมอบด้วยความนอบน้อม
เมื่อเกาเฉิงฮั่นรับศิลาบันทึกภาพมาถือเอาไว้แล้ว เขาก็ยกมือส่งสัญญาณให้องครักษ์ที่ยืนประจำการอยู่ภายในห้องล่าถอยออกไป หลงเหลือไว้แต่หลู่เหวินหยวนเพียงผู้เดียวเท่านั้น
วูบ
ภาพที่ถูกบันทึกอยู่ในศิลาได้รับการฉายออกมาในอากาศ
“ไม่มีปัญหา ข้าขอสัญญากับท่าน สามวันหลังจากนี้ ข้าจะนำหัวของเกาเฉิงฮั่นมาส่งมอบให้แก่ท่านเอง…”
มันคือภาพของหลินเป่ยเฉินกำลังพูดเสียงดังฟังชัด
ภาพที่ถูกฉายออกมาทำให้สีหน้าของหลู่เหวินหยวนแปรเปลี่ยนไป
หลินเป่ยเฉินวางแผนจะสังหารแม่ทัพเกาอย่างนั้นหรือ?
ภาพที่ถูกบันทึกอยู่ในศิลาก้อนนี้ดูท่าทางแล้วไม่น่าใช่ของปลอมเสียด้วย
แสดงว่ามันคงเป็นเหตุการณ์ที่ถูกบันทึกเอาไว้ก่อนหน้านี้
หลินเป่ยเฉินวางแผนจะทำอะไรกันแน่?
เด็กคนนี้มีเจตนาคิดร้ายต่อพวกเขาอย่างนั้นหรือ?
เกาเฉิงฮั่นเองก็ถึงกับตกตะลึงแล้วเช่นกัน
เมื่อสักครู่ เขาเพิ่งออกปากบอกว่าหลินเป่ยเฉินจะต้องมาช่วยเหลือพวกเขาปกป้องกำแพงเมืองแน่นอน แต่บัดนี้ คำพูดของเด็กหนุ่มจากศิลาบันทึกภาพ กลับทำให้เกาเฉิงฮั่นรู้สึกเหมือนถูกตบหน้าอย่างแรง
“วันพรุ่งนี้ ท่านแม่ทัพควรยกเลิกการประชุมที่หมู่บ้านผู้อพยพดีกว่านะขอรับ” หลู่เหวินหยวนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล
เกาเฉิงฮั่นนิ่งเงียบ
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาคงยิ้มออกมาโดยไม่เกิดความหวาดกลัวสักนิด
เพราะเขาคือผู้มีพลังระดับเซียนเพียงคนเดียวของเมืองนี้
แต่เมื่ออีกฝ่ายเป็นหลินเป่ยเฉิน
กลับมีอีกหลายปัจจัยที่ยังคงไม่แน่นอน
แม้เกาเฉิงฮั่นจะมั่นใจในตัวเองว่าหลินเป่ยเฉินคงฆ่าเขาไม่สำเร็จ แต่จะมีอะไรเกิดขึ้นตามมาบ้าง? ต่อให้เขาแค่ถูกจับตัวไปคุมขังเป็นระยะเวลาหนึ่ง นครเจาฮุยก็คงได้รับความเสียหายใหญ่หลวงแล้ว
เขาจะไปหรือไม่ไปดีนะ?
เกาเฉิงฮั่นเริ่มลังเล
พลัน หลู่เหวินหยวนนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงกัดฟันพูดออกมาว่า “กราบเรียนท่านแม่ทัพ แผนการของหลินเป่ยเฉินผู้นี้ลึกลับและคาดเดาไม่ได้ เราไม่อาจประมาทเขาเด็ดขาด หากเขาคิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับท่านจริง เกรงว่าเด็กคนนี้คงมีความน่ากลัวมากกว่าป้อมอสรพิษแล้ว…”
ดวงตาของชายชราเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยจิตสังหาร
เกาเฉิงฮั่นยังคงนิ่งเงียบ
สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตร ปรากฏว่าผู้ที่อยู่ในเมืองกลับน่ากลัวมากกว่าผู้ที่อยู่นอกเมืองเสียแล้วหรือ
น…นะ..นี่มันจริงหรือไม่?
เกาเฉิงฮั่นควรเชื่อใจหลินเป่ยเฉินต่อไปดีหรือไม่?
เหตุไฉนศิลาบันทึกภาพก้อนนี้ถึงไปอยู่ในมือเหลียงหยวนเตาได้เล่า?
บัดนี้ ผู้มีพลังระดับเซียนประจำนครเจาฮุย กลับคิดไม่ตกแล้วว่าตนเองสมควรทำอย่างไรดี!!