ตอนที่ 753 เมื่อคืนนี้เยว่เว่ยหยางมาหาข้าหรือไม่?
หลินเป่ยเฉินกลับมาถึงค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่ง พร้อมกับไป๋ชินหยุนที่ผ่านการ ‘ปลอมตัว’ มาแล้ว
“นางเป็นเด็กกำพร้าที่ข้าพบเจอระหว่างทาง ช่วยหางานให้นางทำในโรงหลอมโอสถหน่อยก็แล้วกัน ท่านจะให้นางทำงานอะไรก็ได้ แม้แต่ให้เป็นยามเฝ้าโรงเก็บวัตถุดิบ นางก็ไม่มีปัญหา”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมกับอานมู่ซี
“ไม่มีปัญหาขอรับ”
อานมู่ซีรับคำโดยไม่ลังเล ไม่แม้แต่จะชำเลืองมองเด็กสาวชุดดำหน้าตามอมแมมผู้นี้สักนิด เนื่องจากชายหนุ่มรอที่จะรายงานการค้นพบยาตัวใหม่ของเขาให้หลินเป่ยเฉินรับทราบใจจะขาดแล้ว
สูตรยาตัวใหม่ที่อานมู่ซีคิดค้นขึ้นมาได้ มีนามว่า ‘โอสถมรณะจำแลง’ เมื่อได้ทดลองสรรพคุณของมันแล้ว อานมู่ซีก็มั่นใจว่าตนเองย่อมได้รับคำชมเชยจากหลินเป่ยเฉินแน่นอน
บัดนี้ อานมู่ซีกลายเป็นที่รักของทุกคน และมีตำแหน่งภายในค่ายที่พักสูงส่งด้วยฐานะคนสนิทของหลินเป่ยเฉิน
นี่คือฝันที่อานมู่ซีไม่เคยกล้าฝัน
แต่เขาย่อมรู้ดีว่าที่ตนเองมีวันนี้ได้ ก็เพราะความช่วยเหลือจากหลินเป่ยเฉินซึ่งสร้างปาฏิหาริย์ให้เป็นจริงครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้น นักหลอมโอสถหนุ่มจึงพยายามคิดค้นสูตรยาใหม่ๆ ตลอดเวลา เพื่อไม่ทำให้หลินเป่ยเฉินต้องผิดหวัง
“เฮ้อ เถ้าแก่อาน ข้าชักง่วงแล้วสิ…”
เห็นได้ชัดว่าคุณชายหลินไม่มีท่าทีตอบสนองต่อการนำเสนอสูตรยาตัวใหม่ของอานมู่ซีแม้แต่นิดเดียว เด็กหนุ่มหาวหวอดพลางเหยียดแขนบิดขี้เกียจ “ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนล่ะ… หึ่ย วันนี้เหนื่อยจังเลยน้า”
พูดจบก็หมุนตัวเดินจากไปหน้าตาเฉย
เอ๋?
อานมู่ซียืนใบหน้ากระตุกอยู่ตรงนั้น
ดูเหมือนคุณชายหลินจะไม่สนใจสูตรยาตัวใหม่ของเขาเสียแล้ว
โอสถมรณะจำแลงมีสรรพคุณช่วยทำให้ผู้รับประทานมีร่างกายอยู่ในภาวะจำศีลชั่วคราว ไม่มีลมหายใจ ไม่มีการเต้นของหัวใจ แต่ยังคงสามารถมีชีวิตอยู่รอดต่อไปได้อีกหลายวัน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากแสนสาหัส
นอกจากนี้ อานมู่ซียังคิดสูตรยาลูกกลอนเพิ่มกำลัง ซึ่งจะช่วยทำให้ผู้รับประทานมีเรี่ยวแรงมากกว่าเดิมถึงสองเท่าอีกด้วย
แต่คุณชายหลินไม่คิดรับฟังอะไรเลย
เขาจะทำอย่างไรดีนะ?
อ้อ เข้าใจแล้ว
นี่คงเป็นเพราะว่าสูตรยาพวกนี้คงธรรมดามากเกินไปในสายตาของคุณชายหลิน เพราะฉะนั้น คงต้องเลิกล้มโครงการที่จะหลอมพวกมันออกมาใช้งานอย่างเป็นทางการเสียแล้วสิ
ถ้าเช่นนั้น เขาควรคิดสูตรยารูปแบบไหนดี?
อานมู่ซียืนครุ่นคิดอยู่ที่เดิมด้วยความหนักใจ
“คุณชายอานเจ้าคะ คุณชายมีงานให้ข้าทำหรือไม่?” เมื่อเห็นอานมู่ซีเอาแต่ยืนใช้ความคิดหน้าเครียดอยู่นานสองนาน ไป๋ชินหยุนผู้ปลอมตัวเป็นเด็กสาวชุดดำหน้าตามอมแมมก็อดถามออกมาไม่ได้
นับตั้งแต่ที่มาถึงค่ายที่พักแห่งนี้ นางก็เลิกเดินข้างกายหลินเป่ยเฉินและรักษาระยะห่างจากเขาอยู่เสมอ
เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้ผู้ใดเกิดความสงสัยขึ้นมา
“หา? เมื่อสักครู่เจ้าว่าอะไรนะ?”
อานมู่ซีใจลอยจนไม่ได้รับฟังคำถามของเด็กสาว เมื่อนางทวนคำถามของตนเองอีกครั้ง อานมู่ซีก็ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเถอะ โรงหลอมโอสถของพวกเรามีเขตหวงห้ามเพียงไม่กี่ตำแหน่งเท่านั้น เจ้าสามารถไปได้ทุกที่เว้นแต่เขตหวงห้ามเหล่านั้น หากเจ้าต้องการสิ่งใด ให้มาบอกข้าได้ทันที”
ชายหนุ่มกำลังทุ่มเทสมาธิทั้งหมดเพื่อคิดค้นสูตรยาใหม่ๆ สำหรับสร้างความประทับใจให้แก่หลินเป่ยเฉิน
เมื่อไป๋ชินหยุนได้ยินดังนั้น นางก็ยิ้มกว้างออกมา
เพราะมันเป็นสิ่งที่เด็กสาวกำลังต้องการอยู่พอดี
ไป๋ชินหยุนเดินตรงไปยังโรงหลอมโอสถ และเฝ้ามองทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง
แต่แววตาของนางก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ที่นี่มีสมุนไพรวิเศษและยาลูกกลอนจำนวนมาก
ในฐานะที่เป็นองค์หญิงจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ ไป๋ชินหยุนเคยมีพลังสูงส่งมากกว่านี้ นางพยายามฟื้นฟูและปลดผนึกพลังของตนเองกลับคืนมาให้ได้มากที่สุดนับตั้งแต่อยู่ในเมืองหยุนเมิ่ง ทว่า เด็กสาวก็ไม่เคยทำได้สำเร็จ เพราะขาดสมุนไพรวิเศษเหล่านี้ และนางก็ไม่รู้ว่าจะไปตามหาพวกมันได้ที่ไหน…
ดังนั้น เมื่อเห็นว่าในโรงหลอมโอสถเต็มไปด้วยวัตถุดิบที่ตนเองต้องการ ดวงตาของไป๋ชินหยุนจึงเบิกโตด้วยความตกตะลึง และเด็กสาวก็ต้องยกมือขยี้ตาอย่างไม่อยากเชื่ออยู่หลายครั้งทีเดียว
โดยเฉพาะสมุนไพรหลายตัวที่นับเป็นของหายากบนโลกมนุษย์ และพวกมันก็ถือเป็นของหายากบนดินแดนทวยเทพด้วยเช่นกัน สมุนไพรเหล่านี้มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนางได้ดีที่สุด
ว่าแต่เหตุไฉนค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่ง ถึงได้มีสมุนไพรมากมายขนาดนี้?
ไป๋ชินหยุนนับไม่ไหวแล้วว่าพวกเขามีสมุนไพรทั้งหมดกี่ตัว
ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรหายากในจักรวรรดิเป่ยไห่
อย่างเช่น สมุนไพรรัศมีหญ้าม่วง ซึ่งกว่าจะเติบโตเต็มที่ ก็ต้องใช้เวลาถึง 500 ปี
ถ้าไม่เรียกว่าหายากก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรอีกแล้ว
แต่ที่นี่กลับมีพวกมันอยู่เป็นจำนวนมาก
ไป๋ชินหยุนฉีกยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ข้ามาที่นี่ได้ถูกเวลาจริงๆ”
เด็กสาวเริ่มออกเดินสำรวจอย่างระวังระไว ก่อนจะหยิบฉวยสมุนไพรบางตัว เพื่อนำมาหลอมโอสถรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง
…
“นายท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
เมื่อสองสาวรับใช้เห็นหลินเป่ยเฉินกลับมาอย่างปลอดภัย พวกนางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พร้อมกับช่วยเขาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า และส่งมอบผ้าชุบน้ำอุ่นให้เด็กหนุ่มได้เช็ดหน้าเช็ดตา ไม่ต่างไปจากภรรยาได้เห็นสามีของตนเองกลับบ้านหลังเข้าป่าไปล่าสัตว์นานหลายวัน
แม้แต่เฉียนเหมยก็เลือกอยู่รอเขาในกระโจมที่พัก ไม่ออกไปประจำการที่กำแพงเมืองอย่างเคย ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากอย่างยิ่ง
“นายท่านไม่เป็นไรใช่ไหมเจ้าคะ?”
ดวงตากลมโตของนางกวาดมองหลินเป่ยเฉินตั้งแต่หัวจรดเท้า สีหน้าของเฉียนเหมยแสดงออกถึงความโล่งอกมากขึ้นเมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มยังครบ 32 ไม่ได้ตาบอดแขนขาดขาขาดพิกลพิการอย่างที่หวาดกลัว
“ข้าต้องไม่เป็นไรอยู่แล้ว จะมีใครสามารถทำอันตรายข้าได้ล่ะ”
หลินเป่ยเฉินหยิกแก้มเฉียนเหมยด้วยความหมั่นเขี้ยวทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปถามเฉียนเจิน “เมื่อคืนนี้เยว่เว่ยหยางมาหาข้าหรือไม่?”
เฉียนเจินส่ายหน้าตอบว่า “นักบวชเยว่ไม่ได้มาเจ้าค่ะ”
เรื่องราวการต่อสู้อันดุเดือดบนสมรภูมิสวาทระหว่างหลินเป่ยเฉินกับ ‘เยว่เว่ยหยาง’ ตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ มีเพียงสองสาวรับใช้เท่านั้นที่รับรู้เรื่องราว
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ไม่มาก็ดีแล้ว
เพราะถ้าเกิดเยว่เว่ยหยางมา แล้วพบร่องรอยของไป๋ชินหยุนเข้า… ชีวิตของเขาคงอยู่อย่างไม่สงบสุขแหงๆ
คงไม่มีผู้ใดล่วงรู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากนางปีศาจและเทพีกระบี่ได้กลับมาพบเจอหน้ากันอีกครั้ง
ส่วนเรื่องเคล็ดวิชากระบวนท่าใหม่ที่พูดออกไปนั้น…
แน่นอนว่าหลินเป่ยเฉินก็แค่โม้ไปตามเรื่องตามราว
จวบจนถึงตอนนี้ เด็กหนุ่มก็ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าตนเองจะสามารถเอาชนะสงครามบนเตียงกับเยว่เว่ยหยางได้จริงๆ หรือไม่