ตอนที่ 758 แผนซ้อนแผน
ค่ำคืนของพายุหิมะทำให้นครเจาฮุยถูกปกคลุมไปด้วยสีขาว ยาวไกลสุดลูกหูลูกตา เกิดเป็นภาพที่สวยงามตระการตาอย่างยิ่ง
ณ ค่ายทหารใหญ่ประจำเมือง
เกาเฉิงฮั่นยืนอยู่ริมหน้าต่างกำลังเฝ้ามองหิมะที่โปรยปรายลงมา
เขายืนดูหิมะตกตลอดทั้งคืน
หลู่เหวินหยวนซึ่งเนื้อตัวปกคลุมไปด้วยเกล็ดหิมะก้าวปราด ๆ เข้ามาจากด้านนอก
ชายชรายกมือปัดเกล็ดหิมะออกจากตัว ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “สายข่าวของพวกเรารายงานว่า เมื่อคืนนี้มีการรวบรวมกำลังพลขนาดใหญ่ในค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่ง ไม่ว่าจะเป็นหน่วยทหารคนงานขุดเหมืองหรือผู้คุ้มกันค่ายที่พักต่างก็จัดเตรียมอาวุธครบมือ ทางด้านผู้ใช้ค่ายอาคมนำด้วยหลิวฉีไห่ เยว่หงเซียง และคนอื่น ๆ ก็ใช้เวลาทั้งคืนสร้างค่ายอาคมเพื่อรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุดให้แก่ผู้คนของพวกเขา”
“และที่หน้าประตูทางเข้าค่ายที่พัก ก็ยังมีแม่ทัพเฉียนเหมยยืนประจำการตลอดเวลา… ท่านแม่ทัพเกา ข้าว่าวันนี้หลินเป่ยเฉินคงคิดทำการใหญ่เป็นแน่แท้ ประกอบกับหลักฐานที่อยู่ในศิลาบันทึกภาพนั้น เกรงว่าเด็กคนนี้คงมีเจตนาคิดร้ายกับท่านแล้วจริง ๆ พวกเราสมควรระวังตัวเอาไว้ก่อนจะเป็นการดีที่สุด”
เกาเฉิงฮั่นยังคงจ้องมองหิมะที่โปรยปรายอยู่นอกหน้าต่างไม่พูดคำใด
หลู่เหวินหยวนกล่าวต่อ “ยังมีอีกข่าวที่แปลกประหลาดมากปรากฏว่าเมื่อคืนนี้ มีการต่อสู้ในเขตเมืองพื้นที่สองหลายครั้ง และมันก็เป็นการต่อสู้ระหว่างหน่วยทหารคนงานขุดเหมืองกับหน่วยมือปราบอินทรีธูมรณะ ซึ่งฝ่ายหลังถูกสังหารหมดสิ้นไปจากเขตเมืองพื้นที่สองไม่มีผู้ใดเหลือรอดแม้แต่คนเดียว”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ สีหน้าของชายชราก็แสดงออกถึงความตกตะลึงชัดเจน “เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ธรรมดาแล้วนะขอรับ ผู้ว่าเหลียงฝึกปรือมือปราบเหล่านี้มาด้วยตนเองหลายสิบปี สูญเสียเงินทองไปมากมาย กว่าจะสร้างหน่วยมือปราบที่แข็งแกร่งขึ้นมาเช่นนี้ได้ ไม่ทราบเลยว่ายังต้องเสียทรัพยากรสำหรับการฝึกวิทยายุทธ์ไปมากแค่ไหน”
“มือปราบอินทรีธูมรณะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วมณฑลเฟิงอวี่ มีใครบ้างที่ไม่รู้จักความโหดร้ายอำมหิตของพวกเขา แต่อาศัยกำลังทหารเพียงหยิบมือเดียวจากเมืองหยุนเมิ่ง หน่วยมือปราบอินทรีธูมรณะเหล่านั้นกลับถูกฆ่าตายอย่างง่ายดาย มันเป็นไปได้อย่างไรกันที่หลินเป่ยเฉินจะฝึกฝนให้กองกำลังของตนเองแข็งแกร่งมากกว่าหน่วยมือปราบอินทรีธูมรณะในเวลาเพียงไม่กี่เดือน? หรือเหตุผลที่แท้จริงนั้นจะเป็นเพราะว่า…”
ทันใดนั้น ความคิดที่มาเหลือเชื่อก็ปรากฏขึ้นในจิตใจของหลู่เหวินหยวน
เกาเฉิงฮั่นหันหน้ากลับมาถามว่า “หรือท่านสงสัยว่าหน่วยทหารคนงานขุดเหมืองและยอดฝีมือผู้ติดตามหลินเป่ยเฉินเหล่านั้น จะได้รับการฝึกฝนโดยหลินจิ้นหนาน ผู้เป็นบิดาของเขา?”
“ยิ่งไปกว่านั้น พวกเรายังไม่รู้เลยว่าหน่วยทหารคนงานขุดเหมืองมีที่มาที่ไปเป็นอย่างไรกันแน่”
หลู่เหวินหยวนตั้งข้อสังเกตต่อไป “โดยเฉพาะยอดฝีมือที่อยู่รอบกายเขา นำโดยแม่ทัพเฉียนเหมยซึ่งอยู่ดี ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้นมา อย่างไม่ทราบที่มาที่ไปชัดเจน แม้พวกเราจะพยายามสืบข้อมูลของทุกคนอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ยังไม่ได้เบาะแสอันใดเป็นชิ้นเป็นอันเลยขอรับ”
เกาเฉิงฮั่นถอนหายใจออกมาเล็กน้อย แล้วพูด “เด็กคนนี้จะมีขุมกำลังแข็งแกร่งขนาดไหน นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญของพวกเราอีกแล้ว… สิ่งสำคัญก็คือพวกเราจะสามารถเชื่อใจเขาได้หรือไม่ต่างหาก”
แม่ทัพหนุ่มหันหน้ากลับไปมองนอกหน้าต่างอีกครั้ง หิมะยังคงโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า เกาเฉิงฮั่นรู้สึกได้ถึงไอเย็นที่แผ่มากระทบใบหน้าขณะกล่าวว่า “ผู้อาวุโสหลู่ ท่านคิดว่าพวกเราจะปกป้องเมืองนี้ได้อีกนานเท่าไหร่? ท่านคิดว่าพวกเรายังจะสามารถปกป้องเมืองนี้ได้อยู่อีกหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำถามของเกาเฉิงฮั่น ชายชราก็มีสีหน้าวิตกกังวลอย่างชัดเจน
เขาเดินมาหยุดยืนอยู่ที่ริมหน้าต่าง นิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่อึดใจใหญ่ ก็ตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “พวกเราสนใจแต่ปัจจุบันดีกว่าขอรับ อย่าเพิ่งไปคิดถึงเรื่องราวในอนาคตเลย”
คำตอบเช่นนี้ มีค่าเหมือนไม่ได้ตอบ
เกาเฉิงฮั่นย่อมรู้ดี
หลู่เหวินหยวนลำบากใจที่จะตอบตามความจริง
เขาจึงไม่ได้รบเร้า
ตลอดระยะเวลาหลายวันที่ผ่านมา ชาวทะเลรวบรวมกองทัพมาอยู่นอกกำแพงเมืองนครเจาฮุยในจำนวนที่มากขึ้นเรื่อย ๆ แม่ทัพหนุ่มมั่นใจว่าหากกำลังเสริมของตนเองยังมาไม่ถึงในเร็ววันนี้ กำแพงเมืองนครเจาฮุยก็คงจะต้องถูกตีแตกอย่างแน่นอน
โอกาสที่พวกเขาจะพลิกกลับมาเป็นฝ่ายชนะได้ มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้น…
“เตรียมรถม้า”
สุดท้าย เกาเฉิงฮั่นก็ตัดสินใจแล้ว “ข้าจะไปหาหลินเป่ยเฉิน”
หลู่เหวินหยวนถึงกับสะดุ้งเฮือก อุทานออกมาว่า “ท่านแม่ทัพได้โปรดคิดดูให้ดี เด็กคนนี้มีความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง แล้วท่านยังจะไปหาเขาอยู่อีกหรือ?”
เกาเฉิงฮั่นพยักหน้า “ข้าต้องไป”
“ท่านแม่ทัพได้โปรดนึกถึงความปลอดภัยของกำแพงเมืองด้วย” หลู่เหวินหยวนรีบกล่าวด้วยความร้อนรน “หากไม่มีท่านสักคน นครเจาฮุยคงต้องตกอยู่ในอันตรายแล้ว”
สายตาของเกาเฉิงฮั่นทอประกายระยิบระยับเมื่อจ้องมองม่านหิมะที่ด้านนอก น้ำเสียงของเขาหนักแน่นขณะกล่าวย้ำคำเดิม
“เตรียมรถม้า”
ไม่กี่อึดใจให้หลัง
อสูรลมกลดก็ฉุดลากรถม้าวิ่งทะยานออกไปจากค่ายทหารใหญ่ประจำเมือง
เกาเฉิงฮั่นตัดสินใจไปประชุมตามการนัดพบของหลินเป่ยเฉิน
เขาไม่ได้พากลุ่มองครักษ์มาด้วย
ไม่ได้พาคนสนิทแม้แต่หลู่เหวินหยวนมาด้วยเช่นกัน
เกาเฉิงฮั่นไปหาหลินเป่ยเฉินเพียงลำพัง
นี่คือการเดิมพันชีวิตของเกาเฉิงฮั่น
หากเขาพ่ายแพ้ในการเดิมพันครั้งนี้ เกาเฉิงฮั่นรู้ดีว่าตนเองก็คงเสียชีวิต และนครเจาฮุยก็จะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นทุ่งสังหาร
แต่ถ้าเขาชนะการเดิมพัน มันก็จะเป็นการช่วยเหลือชาวเมืองหลายล้านคนให้อยู่รอดปลอดภัย
…
“นายท่านขอรับ เมื่อหนึ่งก้านธูปที่แล้ว เกาเฉิงฮั่นได้ออกเดินทางไปยังค่ายที่พักผู้อพยพเรียบร้อยแล้วขอรับ”
ภายในห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งด้วยลวดลายมังกรอลังการ ขันทีเฒ่าเซียวเซียวคุกเข่ารายงานต่อเหลียงหยวนเตาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
ชายอ้วนผู้เป็นเจ้าเมืองกำลังรับประทานขาหมูต้มอย่างมูมมาม แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสำหรับการกล่าวว่า “น่าสนใจดีนี่ แสดงว่าคนแซ่เกาเห็นสิ่งที่อยู่ในศิลาบันทึกภาพแล้ว แต่ก็ยังกล้าไปหาหลินเป่ยเฉินอยู่ดีสินะ… หึหึ เจ้าว่าวันนี้ระหว่างหลินเป่ยเฉินตัดหัวเกาเฉิงฮั่นสำเร็จกับเกาเฉิงฮั่นบุกถล่มค่ายผู้อพยพสำเร็จ สิ่งใดมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกว่ากัน?”
ขันทีเฒ่ายิ้มแย้มอย่างประจบประแจง “เรื่องนั้นข้าน้อยมิกล้าคาดเดา แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าน้อยสามารถบอกได้เลยก็คือ ไม่ว่าฝ่ายใดเป็นผู้ชนะ ไม่ว่าฝ่ายใดเป็นผู้แพ้ ทั้งสองฝ่ายล้วนแล้วแต่กลายเป็นเบี้ยน้อย ๆ ในมือนายท่านทั้งสิ้นขอรับ”
เหลียงหยวนเตาระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ “เจ้านี่มันช่างประจบประแจงเสียจริง”
พูดจบก็ฉีกเนื้อจากขาหมูต้มโยนให้ขันทีเฒ่าด้วยความเมตตา และทันทีที่เนื้อหมูตกลงเบื้องหน้าชายชราผู้เป็นขันที เขาก็รีบหยิบมันขึ้นมาประคองด้วยสองมืออย่างทะนุถนอม “ขอบคุณรางวัลจาก นายท่าน”
น้ำเสียงของขันทีเฒ่าบอกชัดถึงความดีใจ ก่อนจะรับประทานเนื้อขาหมูชิ้นนั้นด้วยความมูมมามไม่ต่างไปจากผู้เป็นเจ้านาย
พลัน ดวงตาของเหลียงหยวนเตาเป็นประกายวูบวาบด้วยความขบขัน “แต่เมื่อคืนเราต้องสูญเสียกำลังพลไปไม่ใช่น้อย การสร้างมือปราบอินทรีธูมรณะขึ้นมาแต่ละคนไม่ใช่เรื่องง่าย… ไม่ทราบว่าหลินเป่ยเฉิน ได้มอบคำอธิบายอันใดให้แก่พวกเราบ้างหรือไม่?”
ขันทีเฒ่าเซียวเซียวรีบยกมือเช็ดคราบมันบนริมฝีปาก ยิ้มประจบ ตอบอย่างรวดเร็ว “กราบเรียนนายท่าน รุ่งเช้าวันนี้ หลินเป่ยเฉินได้ส่ง คนสนิทของเขามาพร้อมกับจดหมายฉบับหนึ่ง เพื่อแจ้งว่าการสังหารมือปราบอินทรีธูมรณะเหล่านั้นก็เพื่อหลอกล่อให้เกาเฉิงฮั่นเดินทางไปหา ขอวอนนายท่านได้โปรดให้อภัยแก่เขาด้วย”
“จริงหรือ?”
เหลียงหยวนเตาพูดไปด้วยพลางรับประทานไปด้วย “สรุปว่าเขาส่งคนมาอธิบายแล้ว?”
“ใช่แล้วขอรับนายท่าน” ขันทีเฒ่าพยักหน้าตอบ “และข้าน้อยมั่นใจว่ามันไม่ใช่คำโกหก”