ตอนที่ 761 เสียงของหัวใจที่แตกสลาย
“หลินเป่ยเฉิน ท่านเจ้าเมืองมาถึงแล้ว เหตุไฉนเจ้าถึงยังไม่ลงมาต้อนรับอีก?”
ขันทีเฒ่าสวมใส่ชุดเครื่องแบบสีดำคาดด้วยผ้าคลุมสีแดง ยืนอยู่หน้าเสลี่ยงของเหลียงหยวนเตา เมื่อใช้พลังลมปราณประกอบการพูด เสียงของชายชราจึงดังกังวานไปทั่วค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่ง แรงสั่นสะเทือนของคลื่นเสียงทำให้หิมะซึ่งเกาะอยู่ตามยอดไม้และกำแพงบ้านเรือนร่วงกราวลงมา
ทุกคนรู้สึกหูอื้อ แม้แต่พวกเดียวกันเองก็ยังอดสบถด่าเซียวเซียวอยู่ในใจไม่ได้ สมแล้วที่ขันทีเฒ่าผู้นี้เป็นคนสนิทของท่านเจ้าเมือง ระดับพลังจึงไม่ต่ำต้อยจริง ๆ
“เจ้าเป็นสุนัขมาจากที่ใด เหตุไฉนถึงได้มาเห่าหอนอยู่ตรงนี้?” เฉียนเหมยยืนเท้าเอวอยู่หน้าประตูทางเข้าค่ายที่พัก ชักสีหน้าด้วยความไม่พอใจ “นายท่านของข้ากำลังนอนหลับพักผ่อน เจ้ารบกวนความสงบสุขของนายท่าน รู้หรือไม่ว่าจะต้องพบเจอสิ่งใด?”
ระดับพลังของเฉียนเหมยไม่ได้สูงส่งเท่ากับเซียวเซียว แต่เสียงพูดของนางก็ดังก้องกังวานไม่แพ้กัน
“ข้าไม่รู้นะว่าเจ้านายของเจ้าสูงส่งถึงขนาดนั้น” ขันทีเฒ่ายิ้มมุมปาก ดวงตาทอประกายวูบวาบด้วยจิตสังหาร ก่อนยกมือขึ้นและคำราม “จงตายซะ”
ลำแสงพุ่งออกมาจากปลายนิ้วมือของเขา
วูบ!
ลำแสงนั้นเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเงากระบี่สีดำพุ่งทะยานเข้าไปหาเฉียนเหมย การทำลายล้างของมันทำให้มวลอากาศปั่นป่วน หิมะบนพื้นดินฟุ้งกระจาย
เฉียนเหมยยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้น
นางขยับออกมาด้านหน้า กําหมัดแน่น ก่อนจะงอข้อศอกลงและยกแขนขึ้น แล้วต่อยหมัดออกมารัว ๆ
ครืน!
ทุกคนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเลยว่าการออกหมัดรัว ๆ ของเด็กสาวก่อเกิดเป็นกำแพงม่านพลังขึ้นมาตรงหน้าของนาง เพื่อรอรับการปะทะจากเงากระบี่ทมิฬนั้น
ระดับพลังของนางไม่ต่ำต้อยเช่นกัน
เปรี้ยง!
เมื่อเงากระบี่สีดำปะทะเข้ากับกำแพงม่านพลัง การระเบิดก็เกิดขึ้น
เงากระบี่แตกสลายหายไปในพริบตา
กำแพงม่านพลังของเฉียนเหมยยังคงอยู่ มิหนำซ้ำ กำแพงนั้นยังพุ่งตรงเข้ามาหาทางเสลี่ยงของเหลียงหยวนเตาอีกด้วย
“บังอาจนัก”
ขันทีเฒ่าเซียวเซียวใบหน้ากระตุกด้วยความโกรธแค้น
เขาย่อมไม่กล้าปล่อยให้กำแพงม่านพลังเคลื่อนเข้ามาถึงเสลี่ยงของท่านเจ้าเมือง จึงส่งเสียงคำรามในลำคอ ดีดตัวขึ้นไปในอากาศ ชักกระบี่ออกมาจากข้างเอว
ยามที่เซียวเซียวลอยตัวอยู่ในอากาศนั้น ร่างกายของเขาปกคลุมด้วยหมอกควันสีดำ คล้ายกับว่ามีการเปิดผนึกค่ายอาคมบางอย่าง มวลอากาศเกิดกระแสลมปั่นป่วนรุนแรงอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าขันทีเฒ่ากำลังจะใช้วิชากระบี่ลึกลับ เพื่อโจมตีเฉียนเหมยอย่างหมายมั่นเอาชีวิต
เมื่อกระบวนท่าปริศนาของเซียวเซียวถูกใช้ออกมา เหล่าองครักษ์ที่คอยคุ้มกันขุนนางใหญ่ รวมไปถึงแม่ทัพนายกองและยอดฝีมือจากสำนักต่าง ๆ ล้วนแต่พร้อมใจกันแสดงสีหน้าตกตะลึงและหวาดกลัวออกมาอย่างพร้อมเพรียง
นี่คือการโจมตีของผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย
เพียงเซียวเซียวผู้เดียว ก็สมควรถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในยอดฝีมือประจำเมืองแล้ว
นับเป็นการโจมตีที่น่าหวาดกลัว
เปรี้ยง!
กระบี่ของชายชราปะทะเข้ากับกำแพงม่านพลังของเฉียนเหมย
ครืน!
คลื่นพลังลมปราณระเบิดกระจายไปรอบบริเวณ
หิมะลอยกระจัดกระจาย
พื้นดินสั่นสะเทือน
กลุ่มคนที่ยืนอยู่ใกล้บริเวณนั้นรู้สึกเหมือนแผ่นดินกำลังจะถล่ม แต่พวกเขายังไม่ทันได้ตอบสนองสิ่งใด ร่างกายก็ถูกคลื่นพลังอัดกระแทกลอยกระเด็นออกมา…
ขันทีเฒ่าเซียวเซียวซึ่งลอยตัวอยู่กลางอากาศอุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ เนื่องจากเขาพบว่ากระบี่ของตนเองแตกหักไม่เหลือชิ้นดี ตัวคนลอยกระเด็นกลับลงมาบนพื้นดินด้วยความเร็วไวมากพอ ๆ กับตอนที่โผพุ่งขึ้นไป กว่าที่จะยืนตั้งหลักได้ ชายชราก็ต้องเซถอยหลังไปหลายสิบก้าว ซ้ำยังทิ้งรอยเท้าเอาไว้มากมายบนพื้นน้ำแข็งอีกด้วย…
ผ้าคลุมสีแดงของขันทีเฒ่าปลิวไสวไปตามแรงลม ไม่ต่างจากผีเสื้อกำลังกระพือปีก
แต่กำแพงม่านพลังของเฉียนเหมยก็ถูกสลายลงไปแล้วเช่นกัน
ขันทีเฒ่ายืนคุ้มกันความปลอดภัยอยู่หน้าเสลี่ยงของเหลียงหยวนเตา ตัวคนยืนนิ่งไม่ไหวติง ราวกับเป็นตะปูดอกหนึ่งที่ถูกตอกติดลงบนพื้นดินอย่างไรอย่างนั้น
ชายชราไม่เคยพบคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน
เขาโจมตีออกไปแล้วสองกระบวนท่า
ทว่า กลับทำอะไรเด็กสาวคนนี้ไม่ได้เลย
มิหนำซ้ำ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ยังทำให้บรรดายอดฝีมือและขุนนางใหญ่ ที่มารวมตัวกันอยู่หน้าทางเข้าค่ายที่พักของชาวเมืองหยุนเมิ่งรู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจอีกด้วย
ทุกคนตกตะลึงที่พบว่าขันทีคนสนิทของเหลียงหยวนเตาซ่อนความแข็งแกร่งเอาไว้ถึงเพียงนี้
หลายคนถูกยกย่องให้เป็นยอดฝีมือและมั่นใจในระดับพลังของตนเองเสมอมา แต่บัดนี้ พวกเขาล้วนคิดเหมือนกันว่าหากให้ตนเองมาต่อสู้กับขันทีเซียวเซียว ก็ไม่ทราบเลยว่าพวกเขาจะสามารถเอาชนะชายชราผู้นี้ได้อย่างไร
แต่ผู้ที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงมากที่สุด กลับเป็นเด็กสาวผู้ยืนคุ้มกันประตูทางเข้าค่ายผู้อพยพต่างหาก
หรือว่า…
เด็กสาวผู้นี้จะมีพลังอยู่ในขั้นเซียน?
สายตาจำนวนมากจับจ้องไปที่เฉียนเหมย
นางเป็นเด็กสาวใบหน้ารูปไข่ ร่างกายผอมบาง สวมใส่ชุดเกราะสีแดง…
แล้วเด็กสาวที่อ่อนวัยและงดงามคนนี้จะมีพลังระดับเซียนได้อย่างไร?
ไม่ทราบนี่เป็นเรื่องตลกอันใดกัน?
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
ทุกสิ่งทุกอย่างหยุดนิ่งราวกับถูกแช่แข็งด้วยความหนาวเหน็บ
เหลียงหยวนเตาผู้นั่งอยู่บนเสลี่ยงหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ไร้ประโยชน์”
เมื่อได้ยินเสียงคำรามแหบต่ำจากในลำคอของชายอ้วน
ขันทีเซียวเซียวก็ถึงกับสั่นเทาไปทั้งตัว
ระหว่างที่เซียวเซียวรับมือการโจมตีจากเฉียนเหมย ชายชรายังคงยืนหยัดแน่วแน่ไม่แสดงความหวั่นไหวแม้แต่น้อย แต่เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเหลียงหยวนเตา ขันทีเฒ่าก็ตัวสั่นเทาและหันหน้ากลับไปคุกเข่าโขกหน้าผากลงบนพื้นดิน พร้อมกับพูดว่า “นายท่านได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย นายท่านได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย…”
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ยิ่งทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัดมากกว่าเดิม
ในโลกแห่งวรยุทธ์ มือกระบี่ทุกคนรู้ดีว่าชีวิตของพวกเขาศักดิ์ศรีสำคัญที่สุด เพราะฉะนั้น การที่ตนเองมีฝีมือถึงขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย แต่กลับยังต้องโขกศีรษะคำนับพื้นดินให้แก่ผู้อื่นต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก จึงถือเป็นเรื่องอัปยศอย่างยิ่ง
ณ เวลาเดียวกันนี้เอง…
“เฮ้อ…”
เด็กหนุ่มผู้หนึ่งเดินบิดขี้เกียจอ้าปากหาวหวอดออกมาจากกระโจมบนยอดต้นสน เขาสวมใส่เสื้อคลุมเพียงหลวม ๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง มีเพียงใบหน้าเท่านั้นที่ยังคงหล่อเหลาอยู่ดังเดิม และความหล่อเหลาของเด็กหนุ่มผู้นี้ก็ทำให้หลายคนแทบลืมหายใจเมื่อได้จ้องมองเป็นครั้งแรก
“ตัวบัดซบผู้ใดมาส่งเสียงโวยวายอยู่ด้านนอก… เอ๊ะ? มีหลายตัวเลยนี่นา?” เด็กหนุ่มส่งเสียงตวาด ก่อนจะต้องยกมือขยี้ตา และอีกไม่กี่ลมหายใจต่อมา เขาก็ยืนนิ่งอยู่บนยอดไม้ด้วยความตกตะลึง “อ้าว? ที่แท้เป็นพวกของท่านเจ้าเมืองเองหรือขอรับ? โฮะโฮะโฮะ ท่านเจ้าเมืองมาที่นี่แล้วจริง ๆ หรือ?”
การแสดงของหลินเป่ยเฉินสมจริงมาก
บัดนี้ แม้แต่เหลียงหยวนเตาก็ยังต้องถอนหายใจออกมาด้วยความหงุดหงิด
ทุกคนพูดอะไรไม่ออก
นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาได้พบเห็นอะไรเช่นนี้
แต่หลินเป่ยเฉินก็ไม่เปิดโอกาสให้เหลียงหยวนเตาได้พูดอะไรออกมา เพราะเขาชิงกล่าวต่อเสียก่อนว่า “ฮื่อ พวกท่านไม่เกรงใจข้าบ้างหรืออย่างไร? ข้ายังไม่ได้ล้างหน้าล้างตาเลยด้วยซ้ำ ขอเวลาสักครู่นะขอรับท่านเจ้าเมือง เดี๋ยวข้าขอไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย แล้วจะออกมาพบเจอท่านอีกครั้ง… เฉียนเจิน เจ้ายังมัวรออะไรอยู่อีก เตรียมเสื้อผ้าชุดใหม่ไว้ให้ข้าแล้วหรือยัง”
ในขณะที่ทุกคนกำลังงงงันอยู่นั้นเอง ได้ปรากฏเด็กสาวรูปร่างหน้าตางดงามอีกผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านในกระโจมที่พักบนยอดไม้
นางสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ สายลมโชยพัด ชายกระโปรงของสาวรับใช้พริ้วไหวดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง
ชุดกระโปรงของนางมีสีขาวราวหิมะ
แต่ก็เทียบไม่ได้เลยกับความขาวใสของผิวพรรณนาง
เด็กสาวรับใช้ผู้นี้มีลำคอระหง หัวไหล่ขาวเนียน เอวคอดกิ่ว ยามเคลื่อนกายดูสง่างามไม่ต่างจากเทพธิดาบนสวรรค์ ไม่ว่าผู้ใดจ้องมองก็จะทำให้คนผู้นั้นรู้สึกว่าตนเองช่างต่ำต้อยเป็นอย่างยิ่ง
นางดูสูงส่งโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม
สวยงามอย่างปราศจากตำหนิ
ขณะนี้ ขุนนางใหญ่บางคนสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป และอดคิดอยู่ในใจไม่ได้ว่า นางสวมใส่เสื้อผ้าบางเบาถึงเพียงนี้ ไม่รู้สึกหนาวเย็นบ้างหรืออย่างไร?
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง
“นายท่านเจ้าคะ น้ำอุ่นจัดเตรียมเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เชิญนายท่านไปนอนแช่ได้เลยเจ้าค่ะ…” สาวรับใช้ผู้เลอโฉมสวมใส่เสื้อคลุมอาบน้ำให้แก่หลินเป่ยเฉินพลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน จากนั้นจึงได้จัดแจงรวบผมของหลินเป่ยเฉินอย่างทะนุถนอม
เปรี๊ยะ !
นั่นคือเสียงของหัวใจใครหลายคนที่แตกสลาย
เด็กสาวที่ดูงดงามและสูงส่งถึงเพียงนี้ เป็นคนรับใช้ของหลินเป่ยเฉินจริง ๆ หรือ?
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าหงึกหงัก “ว่าแต่พวกเราจะมายืนตากลมอยู่ทำไมเนี่ย เข้าไปข้างในกันดีกว่า…”
พูดจบ ทั้งสองคนก็หมุนตัวเดินกลับเข้าไปในกระโจม
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบเป็นครั้งที่สาม
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ได้ยินเสียงหัวใจแตกสลายดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เทพธิดาผู้นั้นติดตามเจ้าเด็กหนุ่มเสเพลกลับเข้าไปในกระโจมอย่างเชื่อฟัง
ทันใดนั้น เสียงตะโกนแหลมสูงก็ดังกึกก้องในอากาศ…
“นายท่านเจ้าคะ เฉียนเหมยก็อยากจะอาบน้ำให้นายท่านเหมือนกัน… เฉียนเหมยอยากจะรับใช้นายท่าน…” แม่ทัพหญิงในชุดเกราะสีแดงซึ่งยืนคุ้มกันหน้าประตูทางเข้าค่ายที่พักพลันดีดตัวขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะกระโดดหายเข้าไปในกระโจมที่พักเหนือยอดไม้ด้วยอีกคน
นี่มัน…
หลายคนแสดงสีหน้ามึนงงสงสัย
ไม่ว่าจะเป็นขุนนางใหญ่ มหาเศรษฐี ยอดฝีมือระดับเจ้าสำนัก หรือแม่ทัพนายกองของกองทัพประจำเมือง ต่างก็เบิกตาโตเลิกคิ้วสูงด้วยความเหลือเชื่อ
พวกเขาเพิ่งจะพบเห็นอะไรไปนะ?
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้… ล้วนแล้วแต่เป็นเหตุการณ์ที่น่าเหลือเชื่อมากเกินไปทั้งสิ้น
ชายหนุ่มจำนวนมากหัวใจแตกสลาย
ตอนแรก แค่เด็กสาวเทพธิดาในชุดขาวเป็นหญิงรับใช้ประจำตัวหลินเป่ยเฉินก็น่าเจ็บปวดหัวใจมากพอแล้ว แต่ทุกคนกลับคิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวผู้มีฝีมือกระบี่ระดับสูง อีกทั้งยังมีรูปโฉมงดงามอย่างแม่ทัพเฉียนเหมยก็มีสถานะเป็นคนรับใช้ของหลินเป่ยเฉินเช่นเดียวกัน…
นี่คือความจริงใช่หรือไม่?
กลุ่มคนตกตะลึงแทบลืมหายใจ
หลินเป่ยเฉินอาศัยที่ตนเองมีหน้าตาหล่อเหลาก็ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ต้องการแล้วหรือ?
หลายคนหันกลับมามองหน้าขันทีเฒ่าเซียวเซียวซึ่งยังคงคุกเข่าคำนับพื้นดิน หน้าผากแปดเปื้อนด้วยคราบดินโคลน หลังจากนั้น พวกเขาก็หันกลับไปมองกระโจมที่พักบนยอดต้นสน ในหัวใจเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูด
ท่านเจ้าเมืองเหลียงหยวนเตาอาศัยความหวาดกลัวเป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตนเองต้องการ
แล้วการที่หลินเป่ยเฉินสามารถเอาชนะใจเด็กสาวทั้งสองคนนี้ จนพวกนางกลายเป็นหญิงรับใช้ผู้ซื่อสัตย์ของเขานั้น หลินเป่ยเฉินอาศัยสิ่งใดกันนะ?
เป็นใบหน้าที่หล่อเหลาใช่หรือไม่?
ถ้าอย่างนั้นคงไม่มีผู้ใดสามารถทำตามอย่างเขาได้อีกแล้ว
บรรยากาศปกคลุมด้วยความเงียบ
กองทัพที่มีนายทหารกว่า 30,000 ชีวิตซึ่งก่อนหน้านี้เดินขบวนมาด้วยความดุดันเกรี้ยวกราด บัดนี้ ทุกคนกลับหยุดชะงักอยู่กับที่อย่างทำอะไรไม่ถูก
ขันทีเฒ่าเซียวเซียวยังคงแนบหน้าผากกับพื้นดินตัวสั่นเทาต่อไป
เหลียงหยวนเตาผู้นั่งอยู่บนเสลี่ยงก็ยังไม่พูดคำใดออกมา
ไม่มีใครรู้เลยว่าชายอ้วนกำลังคิดอะไรอยู่
จนกระทั่งประตูของกระโจมที่พักบนยอดไม้เปิดออกอีกครั้ง หลินเป่ยเฉินเดินกลับออกมาในสภาพสดชื่นแจ่มใส เขาล้างหน้าล้างตา อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เด็กหนุ่มหยุดยืนอยู่ที่ราวระเบียงบนยอดไม้ โบกมือทักทายทุกคนด้วยความร่าเริง ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นว่า “ทุกท่านไม่ต้องเป็นกังวล ข้านั้นเป็นคนตื่นสายเช่นนี้อยู่แล้ว ขณะนี้จึงยังไม่ได้รับประทานอาหารเช้า ขอข้ารับประทานอะไรสักหน่อย เดี๋ยวพวกเราค่อยมาคุยธุระกันนะจ๊ะ”