ตอนที่ 765 ยอมรับผิดทุกประการ
เกาเฉิงฮั่นมีชื่อเสียงโด่งดังได้รับความเคารพไม่ต่างจากเทพเจ้าในนครเจาฮุย
เขาได้ชื่อว่าเป็นผู้มีพลังระดับเซียนที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
ไม่ว่าจะเป็นขุนนางใหญ่ จอมยุทธ์ระดับเจ้าสำนัก หรือผู้ติดตามระดับสูงของเหลียงหยวนเตา ทุกคนล้วนไม่กล้าข้องเกี่ยวหรือมีปัญหากับเกาเฉิงฮั่นตลอดมา
เพราะความมั่นคงของจักรวรรดิเป่ยไห่ ต้องฝากเอาไว้กับผู้มีพลังระดับเซียนเหล่านี้เอง
ดังนั้น การที่เกาเฉิงฮั่นถูกตัดศีรษะเช่นนี้ จึงถือเป็นเรื่องน่าตกตะลึงที่สุดในรอบร้อยปี
และนี่ก็คงเป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ด้วยซ้ำไป
ไม่เคยมีผู้มีพลังระดับเซียนคนไหนจะถูกตัดหัวนำมาบรรจุหีบเพื่อส่งมอบให้แก่ผู้อื่นมาก่อน
ขณะนี้ เหล่าขุนนางใหญ่และบรรดายอดฝีมือต่างมามุงดูล้อมรอบหีบขัดเงาด้วยความตื่นเต้นตกใจ
พวกเขาอยากจะยืนยันว่านี่คือหัวของเกาเฉิงฮั่นตัวจริง ไม่ใช่ของปลอม
“ตัวจริงเลยล่ะ…”
“เกาเฉิงฮั่นมีไฝอยู่บริเวณหลังใบหูข้างหนึ่ง…”
“ข้าเคยประชุมร่วมกับแม่ทัพเกา จึงจำได้ว่ามุมปากของเขามีแผลเป็นอยู่รอยหนึ่ง…”
“หัวนี้ไม่ใช่ของปลอม”
ยิ่งพวกเขาสำรวจตรวจดูมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตกตะลึงมากเท่านั้น
ทุกคนมั่นใจแล้วว่านี่คือศีรษะของเกาเฉิงฮั่นจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินสามารถสังหารแม่ทัพเกาได้จริง ๆ หรือนี่?
ดวงตานับจำนวนไม่ถ้วนมองขึ้นไปบนยอดต้นไม้สูงอีกครั้ง
เด็กหนุ่มผู้หล่อเหลาอย่างร้ายกาจยังคงยืนอยู่ที่ราวระเบียง ร่างกายของเขาอุดมด้วยสง่าราศีอันสูงส่ง เพียงจ้องมองก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหายใจไม่ออก
เกาเฉิงฮั่นตายแล้ว
ทุกอย่างคงจบสิ้นลงแต่เพียงเท่านี้
เมื่อปราศจากผู้มีพลังระดับเซียนคอยพิทักษ์รักษานครเจาฮุยอีกต่อไป แล้วพวกเขาจะต้านทานการโจมตีของกองทัพชาวทะเลได้อย่างไร?
ทันใดนั้น ใครหลายคนก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงจุดจบของโลกใบนี้
โดยเฉพาะโค้วจงซึ่งถือเป็นแม่ทัพคนสำคัญของกองทัพใหญ่ ไม่ว่าพยายามจ้องมองหัวมนุษย์ที่อยู่ในหีบสักกี่ครั้ง แต่เขาก็ยังรู้สึกไม่อยากเชื่อทุกครั้งไป
ตลอดเวลาที่ผ่านมา พวกเขายกย่องเกาเฉิงฮั่นมากเกินไปหรือนี่
เหตุไฉนแม่ทัพเกาถึงตายง่ายตายดายเช่นนี้?
เมื่อเกาเฉิงฮั่นตายไปเสียแล้ว กองทัพประจำนครเจาฮุยก็คงแตกสลายตามกันไป
“คิดไม่ถึงเลยนะว่าปีศาจน้อยเช่นเจ้าจะสามารถสังหารแม่ทัพเกาได้สำเร็จ”
น้ำเสียงของเหลียงหยวนเตาฟังดูไม่ชัดเจนเหมือนเคย คล้ายกับว่าชายอ้วนยังคงไม่สามารถสลัดความตกตะลึงหลุดพ้น “หลินเป่ยเฉิน เจ้าเข่นฆ่าเสาหลักประจำเมือง นี่คือบาปที่ให้อภัยไม่ได้ แม่ทัพเกาอุตส่าห์ไว้ใจเจ้าถึงเพียงนั้น แต่เจ้ากลับ…จิตใจของเจ้าโหดร้ายเกินไปแล้ว!”
คำพูดประโยคนี้ทำให้สายตาของทุกคนที่จ้องมองหลินเป่ยเฉินบนยอดไม้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นและอาฆาต
นอกจากนั้นยังมีอีกหลายความรู้สึกปะปน
ไม่ว่าจะเป็นความมึนงงสงสัย ความพินิจพิเคราะห์ ความเกลียดชัง ความหวาดกลัว ฯลฯ
แต่สีหน้าของหลินเป่ยเฉินยังคงเยือกเย็นไม่เปลี่ยนแปลง เขากวาดตามองหน้าทุก ๆ คนด้วยความเฉยชา
สุดยอดปรมาจารย์นักเขียน[1]โจวจางโช่วเคยหล่นวาจาเอาไว้ว่า “ยามเกิดเหตุไม่คาดฝันจงอย่าได้ตื่นตระหนก หากเหตุนั้นไม่ได้ทำให้ตัวเราเองอับอาย ก็ปล่อยให้ความอับอายนั้นเป็นหน้าที่ของผู้อื่นไปเถิด”
“ท่านเจ้าเมืองขอรับ ข้าทำตามข้อตกลงเดิมของพวกเราสำเร็จแล้ว ต่อจากนี้ไป เป็นท่านบ้างที่ต้องรักษาสัญญา”
หลินเป่ยเฉินเลื่อนสายตากลับมาจ้องมองเหลียงหยวนเตา
ใบหน้าที่อวบอ้วนของเหลียงหยวนเตาแสยะยิ้ม “สัญญาหรือ สัญญาอันใด?”
นั่นไงล่ะ
แกล้งความจำเสื่อมขึ้นมาเลยเชียว?
แต่คิดว่าหลินเป่ยเฉินจะไม่นึกเอาไว้แล้วหรืออย่างไร?
หลินเป่ยเฉินยิ้มมุมปาก กล่าวว่า “ท่านคิดดีแล้วหรือที่จะเล่นลูกไม้นี้กับข้า? หากท่านไม่ได้ความจำเสื่อม ก็คงจำได้ดีว่าเป็นท่านเองนั่นแหละที่ออกคำสั่งให้ข้าสังหารเกาเฉิงฮั่น”
คำพูดของเด็กหนุ่มเป็นเสมือนค้อนที่ทุบทำลายลงมาบนหัวใจของผู้รับฟังทุก ๆ คนให้แหลกสลายอยู่ตรงนั้น
ที่แท้นี่เป็นคำสั่งของท่านเจ้าเมืองเองหรือ?
ทุกคนหันกลับมาจ้องมองที่ชายอ้วน
“เหลวไหล”
เหลียงหยวนเตาปฏิเสธเสียงแข็ง “ในฐานะที่เป็นผู้ว่าการมณฑลเฟิงอวี่ ข้าคือผู้ที่ดูแลความสงบสุขของหลายแคว้นใหญ่ เกาเฉิงฮั่นประจำการอยู่ในนครเจาฮุย ช่วยข้าปกปักรักษากำแพงเมืองเป็นอย่างดี แล้วข้าจะมีเหตุผลอันใดต้องออกคำสั่งให้เจ้าไปฆ่าเขาด้วย?”
หลินเป่ยเฉินยกนิ้วกลางทำท่าดันแว่นแบบยอดนักสืบจิ๋วโคนัน
สวยพี่สวย!
“ตกลงจะใช้ลูกไม้นี้จริง ๆ สินะ?”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ “คิดว่าข้าจะกลัวหรือ?”
เหลียงหยวนเตากล่าวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “ข้าก็ไม่สามารถบอกได้หรอกนะว่า สมองที่ผิดปกติของเจ้ายังจะมีความสามารถรับรู้ความหวาดกลัวได้อีกหรือไม่ แต่เห็นได้ชัดว่าความผิดที่เจ้าสังหารแม่ทัพเกาในครั้งนี้ คงทำให้เจ้าไม่มีที่ยืนในจักรวรรดิเป่ยไห่อีกต่อไป”
“ต่อให้เจ้าเป็นผู้ที่ถูกเลือกจากเทพีกระบี่แล้วจะทำไม? เราก็ต้องลากเจ้ามาลงโทษตามกฎหมายอยู่ดี บัดนี้ ข้าขอออกคำสั่งในฐานะผู้ว่าการมณฑลและผู้ว่าการประจำนครเจาฮุย ให้ทหารทุกนายไล่ล่าสังหารผู้อพยพทุกคนในค่ายที่พักแห่งนี้ให้หมดสิ้น เพื่อเป็นการแก้แค้นให้แก่แม่ทัพเกา…”
“งั้นข้าก็จะรอพวกท่านอยู่ตรงนี้แหละ… เหอเหอเหอ เก่งจริงก็บุกเข้ามาสิ”
หลินเป่ยเฉินนำบุหรี่ออกมาจุดสูบอีกหนึ่งมวนอย่างไม่หวาดกลัว เขาพ่นควันออกมาเป็นรูปวงแหวนลอยอยู่ในอากาศ ก่อนพูดว่า “ใครจะไปรู้ว่าอาจเป็นพวกท่านเองก็ได้ที่ต้องจบชีวิตเร็วกว่าเดิม”
“นี่เจ้าอยากตายมากถึงขนาดนี้เชียวหรือ?” เหลียงหยวนเตาหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน “หรือเจ้ากำลังโกรธแค้นที่ถูกเปิดโปงความชั่วร้าย?”
หลินเป่ยเฉินผายมือออกกว้างอย่างไม่แยแส “ท่านจะพูดอะไรก็ได้”
เหลียงหยวนเตาพูดเยาะเย้ยว่า “ในที่สุด ข้าก็เข้าใจแล้วว่าเจ้าสามารถพาชาวเมืองหยุนเมิ่งอพยพออกมาจากถิ่นของพวกชาวทะเลได้อย่างไร นั่นเป็นเพราะว่าเจ้าคือพวกเดียวกับพวกมันไงล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า มิฉะนั้นแล้ว เจ้าจะมีเครื่องรางเทพเจ้าของพวกชาวทะเลอยู่ในการครอบครองได้อย่างไร?”
เด็กหนุ่มยักไหล่ “แล้วมีอะไรอีกไหม?”
ชายอ้วนพูดต่อ “อาจารย์ของเจ้ายังหันหลังให้แก่หมู่มวลมนุษย์และไปแต่งงานกับองค์หญิงแห่งท้องทะเล มิหนำซ้ำ ยังรู้เห็นเป็นใจช่วยพวกชาวทะเลยึดครองเมืองบนบกอีกด้วย นับว่าเป็นการจับคู่ที่เหมาะสมกันจริง ๆ เฮ้อ”
“โธ่ เรื่องนี้ใคร ๆ ก็รู้ เอาเรื่องที่คนอื่นไม่รู้บ้างสิ” หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าเบื่อหน่าย
“ดูเหมือนเจ้าจะเริ่มหงุดหงิดไม่ใช่น้อยแล้วนะ” ดวงตาเล็กหยีของเหลียงหยวนเตาเป็นประกายแวววาว ไม่ต่างจากแมวที่กำลังไล่จับหนูด้วยความสนุกสนาน
เขาชอบเล่นกับจิตใจของผู้อื่นเช่นนี้เสมอ
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมายาวแรง
“เหลียงหยวนเตา เป็นท่านที่รู้มากเกินไป”
เด็กหนุ่มไม่ปฏิเสธ และเลือกที่จะยอมรับข้อกล่าวหาของอีกฝ่ายหน้าตาเฉย
หลังจากนั้น เขาก็กวาดมือไปบนราวระเบียง กอบหิมะที่เกาะติดอยู่บนนั้นขึ้นมาถือในมือ ก่อนที่จะแผ่ความร้อนจากฝ่ามือเปลี่ยนหิมะเหล่านั้นให้ละลายกลายเป็นน้ำ เสร็จเรียบร้อยจึงยกมือขึ้นเสยผมจัดแต่งให้เข้ารูปเข้าทรงอย่างแช่มช้า
หลังจากนี้คงต้องซื้อเยลแต่งผมจากแอป Taobao มาติดตัวเอาไว้บ้างแล้วสิ
หลินเป่ยเฉินคิดอยู่ในใจ ก่อนจะเช็ดมือกับกางเกงของตนเอง และระเบิดเสียงหัวเราะออกมาราวคนเสียสติ
“ขนาดเกาเฉิงฮั่นข้ายังฆ่าตายมาแล้ว อย่าว่าแต่ท่านเป็นเพียงเหลียงหยวนเตาที่มีระดับพลังต่ำต้อยมากกว่าเขา ฮ่าฮ่าฮ่า ถูกต้อง ข้าคือสุดยอดตัววายร้ายที่ทุกคนไม่เคยพบเห็นมาก่อน ข้าคือตัวแทนแห่งความหวาดกลัวและความหมดหวัง อุ๊วะฮ่าฮ่าฮ่า อิอิอิอิ ข้าวางแผนสังหารเกาเฉิงฮั่นก่อน แล้วค่อยมาสังหารเหลียงหยวนเตาทีหลัง เมื่อไม่มีพวกท่านอีกต่อไป ข้าก็จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในเมืองนี้เพียงลำพัง…”
เฮ้อ
ตั้งใจจะร่ายเป็นคำกลอนสักหน่อย
แต่ดันออกมาเป็นบทพูดธรรมดาไปซะได้
หลินเป่ยเฉินไม่ค่อยพอใจในคำสำนวนของตนเองสักเท่าไหร่
แต่คำพูดของเขาก็ทำให้เหล่าขุนนางใหญ่และยอดฝีมือที่รวมตัวกันอยู่ด้านล่างเกิดอาการตกตะลึง วิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง
เด็กหนุ่มจะยอมรับผิดง่าย ๆ เช่นนี้เลยหรือ?
ที่เขาพูดออกมาเป็นความจริงหรือไม่?
เหลียงหยวนเตาเองก็ตื่นตกใจอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
ปฏิกิริยาตอบรับของหลินเป่ยเฉินแตกต่างจากที่เขาคิดเอาไว้อย่างสิ้นเชิง
ไม่มีการร้องขอความเมตตา ไม่มีการร้องขอความยุติธรรม แต่กลับยอมรับผิดโดยดี ซ้ำยังเปิดเผยถึงแผนการอันชั่วร้ายของตนเองอีกด้วย?
ข่าวลือที่ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้สมองเสื่อมคงไม่ใช่เรื่องโกหก
บัดนี้ อาการของเขาคงกำเริบขึ้นมาแล้วสินะ?
“สรุปว่าเจ้าจะยอมรับผิดทุกข้อกล่าวหาใช่หรือไม่?”
เหลียงหยวนเตาถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
หลินเป่ยเฉินดับบุหรี่และดีดก้นของมันทิ้งไปอีกครั้ง ก้นบุหรี่ร่วงหล่นลงไปอยู่ใต้ต้นไม้อีกต้นหนึ่ง ซึ่งมีป้ายแขวนบอกว่า ‘ห้ามทิ้งขยะติดไฟและก้นบุหรี่’ จากนั้น เด็กหนุ่มจึงได้แสยะยิ้มและหัวเราะออกมาอย่างชั่วช้า
“ถูกแล้ว ข้ายอมรับผิดทุกอย่าง”
“แล้วท่านจะทำอย่างไรต่อไปเล่า?”
“ท่านจะยืนพูดอยู่อย่างนี้? หรือจะให้บรรดาลิ่วล้อเศษสวะของท่านเข้ามาจัดการข้าดีล่ะ?”
“บอกตามตรงเลยนะ ความขี้ขลาดของท่านเนี่ย ไม่สมกับคนที่มีตำแหน่งสูงส่งถึงระดับผู้ปกครองมณฑลเลยสักนิด”
“กลยุทธ์ที่ท่านวางเอาไว้อ่อนหัดยิ่งกว่าเด็กอมมือเสียอีก…”
“ไม่ทราบว่าท่านช่วยทำตัวให้ฉลาดมากกว่านี้อีกนิดได้หรือไม่?”
“แต่ท่านคงทำไม่ได้อยู่ดีสินะ…”
“ถ้าอย่างนั้นเรามาพูดกันด้วยกระบี่ดีกว่า”
“เหอเหอเหอ ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าสำหรับคนที่ไม่สามารถตรวจสอบระดับพลังได้ จะมีความน่ากลัวของฝีมือที่แท้จริงขนาดไหนกัน…”
ระหว่างที่เด็กหนุ่มพูดถ้อยคำเหล่านี้ออกมา กระบี่สายฟ้าก็มาปรากฏอยู่ในมือของเขาแล้ว
“หึหึ เมื่อกระบี่อยู่ในมือข้า โลกทั้งใบก็เป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว”
หลินเป่ยเฉินดีดตัวข้ามราวระเบียง ยกมือตวัดกระบี่ พุ่งตรงออกมาข้างหน้า
วูบ!
เด็กหนุ่มตัดสินใจยอมรับความเสี่ยงและอันตราย เผชิญหน้ากับเหลียงหยวนเตา ผู้ที่โทรศัพท์มือถือของเขาไม่สามารถสแกนหาค่าพลังได้
[1] นักเขียนชาวจีนคนสำคัญแห่งศตวรรษที่ 20 งานเขียนส่วนใหญ่คือแนววรรณคดีจีนสมัยใหม่ โดยใช้นามปากกาในการสร้างสรรค์ผลงานว่าหลู่ซวิ่น