บทที่ 79 จบการแข่งขัน
อาจารย์หญิงวัยกลางคนหน้าตาสะสวย มีนามว่าชินหลันอี้ เมื่อได้ยินคำพูดของติงซานฉือ นางก็แค่นเสียงหึในลำคอ ไม่กล่าวอะไรออกมาอีกเลย
“เจ้าลูกเต่าบัดซบ ปลอดภัยดีหรือไม่?”
แต่เมื่อติงซานฉือหันหน้ากลับมาหาหลินเป่ยเฉิน อาจารย์ชราก็กล่าวกับเขาด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น
เด็กหนุ่มใบหน้ากระตุกด้วยความตกตะลึง
“จะ…เจ้าเลื่อนระดับพลังได้อีกแล้วใช่หรือไม่?”
ติงซานฉือเบิกตาโตจนดวงตาแทบจะถลนออกมานอกเบ้า
เมื่อตอนเช้า ค่าพลังของหลินเป่ยเฉินยังอยู่เพียงค่าเริ่มต้นของผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 7 เท่านั้น แต่ผ่านไปไม่ถึงครึ่งวัน ไอลมปราณที่ลอยออกมาจาก ตัว ก็บอกชัดว่าเด็กหนุ่มมีพลังอยู่ในขั้นสูงสุดของผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 7 แล้ว
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
หลินเป่ยเฉินตอบกลับด้วยน้ำเสียงกระอักกระอ่วนใจว่า “เรื่องมันยาวขอรับอาจารย์ ข้ายังไม่สะดวกบอกเล่าตอนนี้…”
เด็กหนุ่มรู้สึกได้ว่าติงซานฉือกังวลใจเกี่ยวกับตัวเขาอย่างเห็นได้ชัด และเขาก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่อีกฝ่ายมีให้เช่นเดียวกัน
ขณะนั้น หลินเป่ยเฉินพลันสังหรณ์ใจว่าที่ผ่านมาเขาอาจประเมินฝีมือของติงซานฉือต่ำเกินไป เพราะระดับความเร็วตอนที่ชายชราลอยตัวมายังริมทะเลสาบเมื่อสักครู่นี้ ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าเฉินเจี้ยนหนานแห่งกองทัพนักรบเมฆา หลี่ชิงสวนหรือหลีลั่วหรันเลยแม้แต่น้อย
ระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นี้ หลีลั่วหรันและบรรดาคณะอาจารย์คนอื่นๆ ก็เดินเข้ามา
“ขายเข็มกลัดดาราอย่างนั้นหรือ?”
“มันจะเป็นความจริงได้อย่างไร?”
ทุกสายตาพากันจับจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินเป็นจุดเดียวกัน
หลินเป่ยเฉินเอามือซุกในกระเป๋า ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
เพราะเขาไม่รู้จะพูดอะไรดี
“อย่าถามอะไรเลยนะอาจารย์ เพราะถ้าถามออกมา ไอ้เราก็คงได้แต่ตอบว่า หาเข็มกลัดทั้ง 80 ชิ้นเจอได้เพราะความโชคดีเท่านั้นเอง”
วูบ! วูบ!
พลัน เงาร่างสองสายปรากฏตัวออกมาจากชายป่า
และเจ้าของเงาทั้งสองสายนั้นก็คือหลี่ชิงสวนกับเฉินเจี้ยนหนาน สองจอมยุทธ์มากฝีมือนั่นเอง
พวกเขาเพิ่งกลับมาจากการไล่ล่าเซินเฟยในป่าต้องห้าม และดูเหมือนว่าการตามล่าจะจบลงด้วยความล้มเหลว
“เจ้าสาวกปีศาจมันหลบหนีไปได้” หลี่ชิงสวนหันมามองหน้าหลีลั่วหรัน ชินหลันอี้ ติงซานฉือ และอาจารย์คนอื่นๆ ก่อนจะกล่าวต่อพร้อมกับส่ายศีรษะ “เด็กหนุ่มที่เป็นสาวกจอมปีศาจเช่นนี้ ไม่มีทางผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมการแข่งขันได้ด้วยตัวเองแน่นอน นี่หมายความว่ามีใครสักคนคอยช่วยเหลือเขาอยู่”
เฉินเจี้ยนหนานพูดขึ้นว่า “เดี๋ยวทางสภาศักดิ์สิทธิ์กับกองทัพนักรบเมฆาของพวกข้า จะรับผิดชอบการสืบสวนเรื่องนี้เอง…แต่ตอนนี้การแข่งขันจบลงแล้ว เชิญลูกศิษย์ทุกคนกลับไปที่ค่ายพักกันก่อนดีกว่า”
ชายชราทั้งสองคนยังไม่รู้เรื่องราวการประมูลเข็มกลัดดารา
ผ่านไปชั่ว 2 ก้านธูป
ทุกคนกลับมาถึงค่ายที่พักอีกครั้ง
ณ ห้องประชุมในปราสาทหลังใหญ่ หลี่ชิงสวนพูดด้วยปากที่กระตุกอยู่ตลอดเวลา “ทุกท่านคงทราบดีอยู่แล้วว่าวันนี้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น จงบอกข้าเถิด เราจะสรุปผลการสอบครั้งนี้อย่างไรดี?”
เมื่อดูคะแนนวันสุดท้ายที่อยู่ในมือ เฉินเจี้ยนหนาน หลีลั่วหรัน พร้อมด้วยคณะอาจารย์จากสถานศึกษาต่างๆ ล้วนเงียบงันไม่รู้ว่าจะตอบคำถามอย่างไร
หลิงเฉินได้อันดับ 1 สามารถตามหาเข็มกลัดดาราได้ 13 ชิ้น
ไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะประหลาดใจ
แต่ปัญหาก็คือชื่อที่อยู่ในลำดับต่อมา หลินเป่ยเฉิน เด็กหนุ่มคนนี้เปลี่ยนสถานะจากเจ้าแกะดำ เป็นม้ามืดได้ในเวลาเพียงไม่นาน
เขาตามหาเข็มกลัดดาราได้ถึง 10 ชิ้น
แค่นี้ก็ถือเป็นจำนวนที่น่าตกใจมากพอแล้ว
แต่สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นก็คือ ในเวลาเก้าวันที่ผ่านมา หลินเป่ยเฉินเพียงตัวคนเดียว ก็สามารถตามหาเข็มกลัดดาราได้ถึง 80 ชิ้น
ถ้าไม่เกิดเหตุการ์ประมูลเข็มกลัดริมทะเลสาบ และแบ่งเข็มกลัดบางส่วนให้กับเฉินหลิงและเยว่หงเซียงด้วยความใจดี หลินเป่ยเฉินก็จะกลายเป็นผู้ทำลายสถิติของคนที่สามารถหาเข็มกลัดดาราได้เยอะที่สุดในประวัติศาสตร์
เจ้าแกะดำเปลี่ยนแปลงการแข่งขันครั้งนี้ไปโดยสิ้นเชิง
และเขาก็เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเด็กหนุ่มเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกันอีกจำนวนมาก
การคัดเลือกผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองหยุนเมิ่ง ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันที่ถูกจัดเตรียมโดยกระทรวงศึกษาอย่างเข้มงวด ขณะนี้กลับกลายเป็นเพียงเรื่องตลกไปเสียแล้ว
เหล่าลูกศิษย์ที่ผ่านเข้ารอบ 20 คนสุดท้าย กลับกลายเป็นว่าสามารถเข้ารอบได้ เพราะประมูลเข็มกลัดดาราจากหลินเป่ยเฉินกันทั้งนั้น
เยว่หงเซียงผู้อยู่ลำดับที่สิบเก้า มีเข็มกลัดในครอบครองถึง 4 ชิ้น
ไม่เคยมีลำดับที่สิบเก้าคนไหน มีเข็มกลัดเยอะขนาดนี้มาก่อน
ดังนั้น การสรุปผลสอบในครั้งนี้ จึงน่าปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง
ปัญหาสำคัญก็คือ พวกเขาควรตัดสินคะแนนของหลินเป่ยเฉินอย่างไรดี
“พวกเราทราบดีว่าหลินเป่ยเฉินสามารถค้นหาเข็มกลัดดาราได้ถึง 80 ชิ้น ศิษย์ทุกคนสามารถเป็นพยานยืนยันได้ว่าเข็มกลัดเหล่านี้เป็นของเขาจริงๆ แต่ใจความสำคัญของการแข่งขันครั้งนี้ ก็เพื่อตรวจสอบว่าลูกศิษย์ของแต่ละสถาบันมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับไหน และนั่นหมายความว่า หลินเป่ยเฉินมีความแข็งแกร่งระดับที่สามารถตามหาเข็มกลัดดาราได้ถึง 80 ชิ้น…”
ติงซานฉือยังไม่พูดอะไรเลยสักคำ ตลอดเวลาชายชราเอาแต่ยิ้มมุมปาก วางท่ากระหยิ่มยิ้มย่อง รู้สึกภูมิใจกับลูกศิษย์ของตัวเองเป็นนักหนา
แต่ในความเป็นจริงนั้น ติงซานฉือกำลังโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ในใจ
เข็มกลัดดารา 80 ชิ้นอยู่ในมือหลินเป่ยเฉินแล้วแท้ๆ
“เจ้าลูกเต่าโง่เง่า ไม่คิดเลยว่าจะมีฝีมือเก่งกล้าขนาดนี้ แม้แต่ข้าเองก็ยังอดตกใจไม่ได้ แต่เจ้านั่นไม่รู้หรือไงนะว่าเข็มกลัดดารา 80 ชิ้นหมายถึงอะไร? นอกจากจะเป็นการทำลายสถิติการแข่งขันประจำเมืองหยุนเมิ่งแล้ว มันยังเป็นการทำลายสถิติทั้งมณฑลเฟิงอวี่อีกด้วย และนั่นหมายความว่าชื่อเสียงเกียรติยศกำลังจะตามมาอีกมากมาย หลังประกาศผลการแข่งขันออกไป เด็กคนนี้จะโด่งดังไปทั่วทุกดินแดนเพียงข้ามคืน และเมื่อมีชื่อเสียง เงินทองก็จะไหลมาเทมา แล้วทำไมเจ้าหลินเป่ยเฉินถึงต้องใจร้อนขายเข็มกลัดดาราเหล่านั้นเสียตอนนี้ด้วย?”
ติงซานฉืออดไม่ได้ที่จะสบถก่นด่าเด็กหนุ่มอยู่ในใจ หลินเป่ยเฉินช่างคิดอะไรตื้นเขินเสียจริง หากเก็บเข็มกลัดทั้งหมดเอาไว้กับตัว ก็จะสามารถทำเงินได้มากกว่าที่ได้จากการประมูลหลายเท่านัก
หลังจากนี้ ติงซานฉือสัญญากับตัวเองว่าจะต้องหาโอกาสอบรมหลินเป่ยเฉินสักหน่อยว่า เวลาจะตัดสินใจกระทำเรื่องราวใด ควรครุ่นคิดไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน
ติงซานฉือพูดขึ้นในที่สุดว่า “เราไม่ควรนับว่าเขาตามหาเข็มกลัดได้ทั้ง 80 ชิ้นหรอกหรือ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชินหลันอี้หัวหน้าอาจารย์จากสถานศึกษากระบี่หลวง ก็ระเบิดเสียงหัวเราะเหยียดหยามทันที “การแข่งขันมีกฎบอกไว้ชัดเจนอยู่แล้ว เราจะตัดสินผู้ชนะด้วยจำนวนเข็มกลัดที่นำมาส่งมอบต่อกรรมการ ไม่ว่าจะขโมย แย่งชิงมาได้ หรือจะซื้อมาจากผู้อื่น ก็นับเป็นคะแนนของคนคนนั้นทั้งสิ้น อย่าบอกนะว่าสถานศึกษากระบี่ที่สาม สนใจแต่ชื่อเสียงสถาบันของตัวเอง จนเลือกที่จะละเลยกฎระเบียบของการแข่งขันไปเสียแล้ว?”
“นี่ อาจารย์ชิน ท่านกลัวว่าลูกศิษย์ของข้าจะเก่งกล้าเกินหน้าเกินตาหลิงเฉินของท่านกระมัง?” ติงซานฉือตบโต๊ะปังและลุกขึ้นยืน “และท่านก็กลัวว่าผู้ที่ได้คะแนนอันดับหนึ่ง จะไม่ใช่ลูกศิษย์ของสถานศึกษากระบี่หลวงอีกต่อไป ใช่หรือไม่?”
“อาจารย์ติง ท่านอยากมีเรื่องกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
“สถานศึกษากระบี่หลวงของพวกเจ้าทำตัวอวดดีมานานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องก้มหัวให้คนอื่นเสียบ้าง” ติงซานฉือคิดด้วยความสะใจ รอยยิ้มเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
ชินหลันอี้คลี่ยิ้มเย็นชา พูดว่า “ท่านกำลังจะบอกว่า ให้พวกเราตัดสินมอบอันดับที่หนึ่ง ให้แก่หลินเป่ยเฉิน ส่วนคะแนนของลูกศิษย์คนอื่นๆ ให้ถือเป็นโมฆะ?”
ติงซานฉือหน้ากระตุกขึ้นทันที
“แม่นางคนนี้…ช่างร้ายกาจเหลือเกิน เพียงพูดไม่กี่คำ ก็สามารถโน้มน้าวใจคณะอาจารย์คนอื่นๆ ได้สำเร็จแล้ว เล่นพูดเสียอย่างนี้ แล้วข้าจะกล่าวอะไรได้อีก?”
พริบตาต่อมา คณะอาจารย์ทั้งหมดก็ลงความเห็นเป็นหนึ่งเดียวกันว่า พวกเขาจะนับคะแนนด้วยจำนวนเข็มกลัด ที่ลูกศิษย์นำมาส่งมอบต่อคณะกรรมการด้วยมือตนเองเท่านั้น
ติงซานฉือแทบจะกระอักเลือดออกมาด้วยความช้ำใจตายแล้ว
“ไม่เป็นไร ยังมีโอกาสอื่นอีกเสมอ ตอนนี้ข้าจะรีบพูดอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”
“เอาเป็นว่า เดี๋ยวข้าจะรายงานความสามารถที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉินให้กระทรวงศึกษารับทราบก็แล้วกัน เดี๋ยวพวกเขาคงตัดสินใจขั้นสุดท้ายกันเองนั่นแหละ” หลี่ชิงสวนพูดขึ้นเพื่อยุติความขัดแย้ง “แต่อย่าลืมว่าการแข่งขันครั้งนี้มีสาวกปีศาจแฝงตัวเข้ามา และมันก็เกือบจะเข้ารอบ 20 คนสุดท้ายได้สำเร็จ โชคดีนักที่หลินเป่ยเฉินกับหลิงเฉินกระชากหน้ากากของมันออกมาได้เสียก่อน นี่คือความดีความชอบที่ไม่มีใครสามารถแย่งชิงไปได้ และในส่วนของหลี่เทากับเถาว่านเฉิง…”
เฉินเจี้ยนหนานลุกขึ้นยืน พูดว่า “ท่านหลี่ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าได้ส่งคนของกองทัพนักรบเมฆาไปควบคุมคฤหาสน์ตระกูลหลี่กับตระกูลเถาเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ พวกข้าจะดำเนินการสืบสวนเรื่องราวเกี่ยวกับสาวกปีศาจอย่างเร่งด่วนที่สุด”
หลี่ชิงสวนพยักหน้าด้วยความพอใจ
การแข่งขันจบลงแล้ว
ทุกคนรู้ดีว่าอนาคตของตระกูลหลี่กับตระกูลเถาก็จบลงแล้วเช่นกัน
ไม่สำคัญว่าจะร่ำรวยมาจากไหน ไม่สำคัญว่าจะมีตำแหน่งใหญ่โตสักเพียงใด ต่อให้มีตำแหน่งเป็นถึงจักรพรรดิ แต่ถ้าได้ชื่อว่าเป็นผู้ข้องเกี่ยวกับสาวกปีศาจ ก็จะต้องรับโทษประหารชีวิตโดยทันที
หลี่เทากับเถาว่านเฉิงไม่มีทางรู้เลยว่าการกระทำของพวกเขา นอกจากจะทำให้ตนเองต้องถึงแก่ความตายแล้ว แม้แต่ครอบครัวญาติพี่น้อง ก็ต้องพลอยรับเคราะห์กรรมไปด้วย