ตอนที่ 786 ห้าธาตุหลอมรวมเป็นหนึ่ง
เหลียงหยวนเตามีดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น
เขารู้แล้วว่าตนเองถูกหลอก
ไม่สิ ถ้าจะพูดให้ถูกต้องก็คือ เขาถูกหักหลัง
เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินกับเกาเฉิงฮั่นร่วมมือกันตั้งแต่แรก
หลินเป่ยเฉินไม่เคยคิดที่จะสังหารเกาเฉิงฮั่นอยู่แล้ว
คำสัญญาที่เด็กหนุ่มมอบให้แก่เหลียงหยวนเตาล้วนเป็นเพียงคำโกหก
เมื่อรวมเข้ากับการช่วยเหลือไต้จือฉุนหลบหนีออกจากคุกใต้ดิน…
เหลียงหยวนเตาก็โกรธแค้นจนแทบขาดใจตาย
ขณะนี้ เหลียงหยวนเตากำลังนึกถึงข้อมูลทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉิน เท่าที่เขาจำได้ เด็กหนุ่มผู้นี้มีฝีมือกระบี่ไม่ธรรมดา อีกทั้งยังชำนาญเรื่องการปลอมแปลงตัวผู้คน…
เมื่อลองคิดดูแล้ว
เรื่องที่องค์ชายเจ็ดหายตัวไปจากคุกใต้ดินอย่างเป็นปริศนา ก็น่าจะเป็นฝีมือของหลินเป่ยเฉินเช่นกัน…
ความโกรธแค้นในหัวใจของเหลียงหยวนเตายิ่งเพิ่มพูนมากกว่าเดิม
เขาโกรธแค้นแทบบ้าคลั่ง
เพราะในที่สุด เหลียงหยวนเตาก็เข้าใจแล้วว่านับตั้งแต่พบกันวันแรกที่ตำหนักต้าหลง หลินเป่ยเฉินก็วางแผนขุดหลุมพลางหลอกล่อเขามาโดยตลอด และเห็นได้ชัดว่าแผนการทุกอย่างที่เด็กหนุ่มวางเอาไว้ ต่างก็ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี
ตลอดเวลาที่ผ่านมา เหลียงหยวนเตาหลงเข้าใจว่าหลินเป่ยเฉินเป็นเพียงหนูน้อยที่อยู่ในกำมือของตนเอง
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้
จึงไม่ต่างจากการตบหน้าเหลียงหยวนเตาต่อหน้าสาธารณชน
ช่างน่าอับอายขายหน้ายิ่งนัก
ด้วยเหตุนี้ เพราะเหลียงหยวนเตารู้ตัวแล้วว่าตนเองเดินตามหมากที่อีกฝ่ายวางเอาไว้ตลอดเวลา ความภาคภูมิใจในมันสมองอันชาญฉลาดของตนเองจึงพังทลาย และท่านเจ้าเมืองผู้วิปริตก็รู้สึกเคียดแค้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
“พวกเจ้าต้องตายไปให้หมด…”
เหลียงหยวนเตาระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล
ปลดปล่อยพลังในร่างที่หกออกมาหมดสิ้น
เหลียงหยวนเตาต้องการจะฉีกกระชากร่างของเกาเฉิงฮั่นกับหลินเป่ยเฉินให้ขาดออกจากกันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แต่ก่อนหน้านี้ เหลียงหยวนเตาถูกเกาเฉิงฮั่นฟันเข้าไปหลายกระบวนท่า
และที่สำคัญก็คือเกาเฉิงฮั่นไม่ได้มีท่าทีเหนื่อยล้าแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ พลังลมปราณที่แผ่ออกมาก็มีแต่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
คมกระบี่ตวัดวูบวาบในอากาศอีกหลายกระบวนท่า
เหลียงหยวนเตาถูกฟันไปอีกหลายกระบี่
สุดท้าย เขาก็ไม่เหลือโครงร่างของความเป็นมนุษย์อีกแล้ว
นี่คือการต่อสู้ของผู้มีพลังระดับเซียน
การต่อสู้ของหลิงเฉินกับเหลียงหยวนเตาในร่างที่ห้าก่อนหน้านี้ว่าน่าตื่นตกใจมากพอแล้ว แต่มันเทียบไม่ได้เลยกับการต่อสู้ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าหลินเป่ยเฉิน ณ ขณะนี้
การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป
ฝีมือที่แท้จริงของเกาเฉิงฮั่นผู้กลับมาจากความตายเพิ่งเปิดเผยออกมาเท่านั้น
บรรดาขุนนางใหญ่ มหาเศรษฐี และจอมยุทธ์ระดับเจ้าสำนัก ซึ่งขณะนี้หนีไปหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เมื่อพบเห็นการปรากฏตัวของเกาเฉิงฮั่น พวกเขาก็ต้องเบิกตาโตจนดวงตาแทบถลนหลุดออกจากเบ้า ลืมเลือนแม้แต่การหายใจแล้วด้วยซ้ำ
แม่ทัพใหญ่ผู้คอยดูแลความปลอดภัยให้แก่นครเจาฮุยยังคงมีชีวิตอยู่
ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้สถานการณ์พลิกกลับตาลปัตร
เพราะนั่นหมายความว่าหัวของเกาเฉิงฮั่นที่พวกเขาได้เห็นก่อนหน้านี้คือของปลอม
และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก็เป็นการร่วมมือกันระหว่างเกาเฉิงฮั่นกับหลินเป่ยเฉินเพื่อโค่นล้มเหลียงหยวนเตา
จากสถานการณ์ที่เคยมืดมิดหมดหวัง บัดนี้ ทุกอย่างกลับสว่างไสวเต็มไปด้วยความหวัง
ตราบใดที่สามารถกำจัดเหลียงหยวนเตาได้สำเร็จ นครเจาฮุยก็จะกลับมาเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง
คิดได้ดังนี้ ทุกคนก็เลือกยืนอยู่ข้างเกาเฉิงฮั่นกับหลินเป่ยเฉินโดยไม่ต้องลังเล
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เขาวางแผนเอาไว้สักเท่าไหร่
แผนการเดิมที่หลินเป่ยเฉินวางเอาไว้ก็คือ เขาจะเปิดฉากโจมตีเหลียงหยวนเตาก่อน อย่างน้อยก็ต้องเล่นงานให้เหลียงหยวนเตามีสภาพสะบักสะบอมเต็มที่ แล้วค่อยเปิดโอกาสให้เกาเฉิงฮั่นออกมาแสดงตัว ด้วยความที่เหลียงหยวนเตาไม่ทันระวังตัว ก็จะต้องพลาดท่าเสียทีให้แก่เกาเฉิงฮั่นอย่างแน่นอน
ใครจะไปคิดล่ะว่าสถานการณ์ทุกอย่างจะดำเนินมาถึงขั้นนี้
เหตุการณ์ไม่ได้ดำเนินไปอย่างที่หลินเป่ยเฉินวางแผนเอาไว้
แต่โชคดีที่เกาเฉิงฮั่นปรากฏตัวออกมาได้ทันเวลา
และเมื่อมีกระบี่สายฟ้าอยู่ในมือ เกาเฉิงฮั่นก็ได้เปรียบเหลียงหยวนเตาร่างที่หกทุกประตู
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มคลี่คลาย หลินเป่ยเฉินจึงได้มีเวลากลับมาสำรวจดูร่างกายของตัวเองอีกครั้ง
ไม่รู้ว่าความเจ็บปวดของเขามันเบาบางลงไปเอง หรือว่าร่างกายของเขาเริ่มคุ้นชินกับความเจ็บปวดแล้วกันแน่
หลินเป่ยเฉินพบว่าก้อนพลังปราณธาตุที่เคยกักเก็บอยู่ในร่างกายบัดนี้สลายหายสิ้น
ไม่มีเสียงเปลือกไข่แตกอีกต่อไป
ส่วนอวัยวะภายในของเขา ไม่ว่าจะเป็นหัวใจ ตับ ไต ม้าม ปอด ต่างก็มีพลังปราณธาตุบรรจุอยู่ตำแหน่งละหนึ่งชนิด
ในร่างกายของเด็กหนุ่มขณะนี้มีเส้นลมปราณสำหรับการไหลเวียนพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดแยกออกจากกัน แม้ว่าเส้นลมปราณทั้งห้าสายนั้นจะมีขนาดเท่ากับเส้นผมบางๆ ทว่า พวกมันกลับมีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ และเมื่อลองโคจรพลังดูแล้ว พลังลมปราณก็สามารถไหลเวียนไปตามช่องทางเหล่านี้ได้อย่างสะดวกปลอดโปร่ง
แต่ที่น่าแปลกประหลาดก็คือเส้นลมปราณที่เขาเคยใช้โคจรพลังในร่างกายก่อนหน้านี้ พวกมันได้อันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เมื่อผู้ฝึกยุทธ์สามารถเลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นเซียนได้สำเร็จ โครงสร้างภายในร่างกายก็จะเปลี่ยนแปลงไป และความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ก็จะสามารถปรากฏขึ้นได้ นับตั้งแต่เลื่อนขึ้นมาอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย…”
หลินเป่ยเฉินนึกถึงคำพูดของเกาเฉิงฮั่นระหว่างปรึกษาหารือเรื่องแผนการในวันนี้ขึ้นมาทันที
“ถ้างั้นก็หมายความว่าเส้นลมปราณที่เปลี่ยนไปในตัวเรา ก็คงมีเหตุผลมาจากการที่เราสามารถปลดผนึกพลังปราณธาตุอีกสี่ชนิดได้นั่นเองสินะ”
เพราะสำหรับผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นเซียน อายุขัยของพวกเขาจะเพิ่มสูงมากขึ้น โครงสร้างในร่างกายอย่างเช่นโครงสร้างของเส้นลมปราณก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้พวกเขาสามารถโคจรพลังได้ยาวนานและรุนแรงมากกว่าเดิม
เพราะฉะนั้น การสร้างช่องทางใหม่ขึ้นมาในพื้นที่เก่า ก็ต้องทำลายช่องทางเก่าทิ้งไปอย่างไม่มีทางเลือก
เท่ากับว่าขณะนี้หลินเป่ยเฉินสามารถเลื่อนระดับขึ้นมาอยู่ในขั้นเซียนได้แล้วใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินพยายามโคจรพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดพร้อมๆ กัน
แต่กลับทำไม่สำเร็จ
“ทำไมยังทำไม่ได้อีกวะ?”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้า
จริงด้วยสิ
เทพีกระบี่หิมะไร้นามเคยบอกเอาไว้ว่าเมื่อเขาสามารถหลอมรวมพลังปราณธาตุทั้งห้าเป็นหนึ่งเดียวกันได้เมื่อไหร่ หลินเป่ยเฉินก็จะสามารถเลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นเซียนได้ทันที แต่ตอนนี้ เขาสามารถปลดผนึกพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดได้แล้ว แต่ยังไม่สามารถหลอมรวมพวกมันเป็น ‘หนึ่งเดียว’ กันได้สำเร็จ…
ว่าแต่เขาจะหลอมรวมพวกมันได้อย่างไรนะ?