บทที่ 7 ตัวอักษร จง ในชื่อข้านั้นย่อมาจาก จงรักภักดี ยังไงล่ะ
เปรี๊ยะ!
สุดท้าย กิ่งไม้ในมือของหลินเป่ยเฉินก็ไม่อาจทานทนแรงกดดันของพลังลมปราณไหวและแตกหักไปต่อหน้าต่อตาในที่สุด
หากแต่เด็กหนุ่มนั้นดูจะไม่รู้สึกตัวเลย ยังคงใช้กิ่งไม้ส่วนที่เหลือฝึกกระบวนท่าต่อไปไม่หยุด
หลินเป่ยเฉินฝึกหนักไม่มีพัก จนกระทั่งร่างกายรู้สึกล้าไปหมดทุกสัดส่วน
เขาเหนื่อยหอบไปทั้งร่าง หากแต่ดวงตากลับฉายแววสดใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เจ้าแอปพลิเคชันนี่กลับกลายเป็นตัวแทนการฝึกฝนทักษะกระบี่หรือนี่”
ในที่สุดเขาก็คิดออกว่าแอปพลิเคชันนี้มีไว้ทำอะไร
อวตารร่างเงาที่ปรากฏอยู่บนพื้นหลังของแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนตัวเขาอย่างไม่มีผิดนั้น เป็นตัวแทนฝึกฝนทักษะการต่อสู้ และในทุกครั้งที่ร่างอวตารในแอปพลิเคชันปรากฏขึ้นพร้อมสัญลักษณ์ทักษะกระบี่ เขาก็จะเข้าใจในทักษะการฝึกฝนกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตได้อย่างง่ายดาย
ผลลัพธ์ของมันออกมาดีกว่าการที่หลินเป่ยเฉินฝึกฝนในชีวิตจริงเสียด้วยซ้ำ
เด็กหนุ่มใช้เวลาเรียนรู้กระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตจากโทรศัพท์มือถือเพียงสองเค่อ กระบวนท่าซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นกระบวนท่าพื้นฐานที่ยากที่สุดของมือกระบี่ ก็แทบไม่มีจุดใดยากเย็นในการฝึกฝนเลยสำหรับเขา
แม้แต่ซือซินหลิน หรือ อู๋เซี่ยวฟาง ผู้เป็นดั่งอัจฉริยะในรอบ 20 ปีของศิษย์ชั้นปี 2 นั้น พวกเขาทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถเรียนรู้ได้ไวเท่านี้
“อย่างนั้น…ก็แปลว่าฉันเป็นอัจฉริยะในการฝึกฝนแล้วสิ”
“อุ๊วะ ฮะฮ่า ๆ ๆ ๆ ”
หลินเป่ยเฉินเสยผมดกดำบนศีรษะ ก่อนหัวเราะออกมาเหมือนคนเสียสติ
กลับกลายเป็นว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ เป็นอุปกรณ์วิเศษสำหรับการฝึกฝนวิชางั้นหรือนี่
น่าสนใจจริง ๆ
ถ้าใช้วิธีนี้ ไม่ว่าเป็นวิทยายุทธ์ใดที่เขาได้เรียนรู้ สิ่งที่เขาต้องทำก็เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของวิชานั้น ๆ ลงบนโทรศัพท์มือถือ เพียงเท่านี้เขาก็สามารถฝึกวิชาได้ด้วยปลายนิ้วแล้ว
ด้วยโทรศัพท์เครื่องนี้ เขาจะเอาชนะทั้งจักรวรรดินี้ก็ยังได้
“ฮิ ๆ ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะดังไปทั่วสถานศึกษาด้วยเสียงก้องกังวานราวกับนกเค้าแมวยามราตรี
หมู่มวลปักษาที่กำลังหลับใหลนับสิบ ตื่นขึ้นด้วยเสียงก้องกังวานนั้น พวกมันต่างสะบัดปีกโผบินหนีไปทันที
นี่มันช่างเลวร้ายเหลือเกิน
นายน้อยกลายเป็นบ้าไปอีกแล้ว
พ่อบ้านหวังกุมขมับด้วยแววตาพรั่นพรึงขณะยืนมองอยู่ในความเงียบ
“แต่เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมนอกจากกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตแล้ว มันไม่มีอย่างอื่นเลยเหรอ”
หลังหัวเราะจนเสียงแหบแห้ง หลินเป่ยเฉิน็ยักคิ้วซ้ายของตนในขณะที่มืออีกข้างลูบคางอย่างใช้ความคิด
ในคาบเรียนวันนี้ อาจารย์ติงซานฉือได้สอนเอาไว้ 2 อย่าง
อย่างแรก พื้นฐานการหลอมรวมพลังลมปราณแบบสมบูรณ์
อีกอย่างคือกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาต
แต่ทำไมสิ่งที่ปรากฏบนแอปสโตร์ ถึงได้มีแค่อย่างหลังเท่านั้น
หรือมันจะขึ้นมาแบบสุ่มกันนะ
หรือ…
มันมีเหตุผลอย่างอื่นอีกไหมหว่า
หลินเป่ยเฉินเลือกที่จะเชื่อความคิดของตนเอง
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกอะไรบางอย่างได้แล้ว
“ตอนที่อาจารย์ติงกำลังสอนเรื่องการหลอมรวมพลังลมปราณ ฉันไม่ได้ตั้งใจฟังเลยนี่นา เพราะเอาแต่ดูโทรศัพท์ แต่ในอีกคาบตอนที่เขากำลังอธิบายกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาต ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้ฟังอยู่ดี แต่นึกไม่ออกเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็นึกได้ว่ามันเป็นตอนที่ตนเองกำลังใช้โทรศัพท์มือถือแอบอัดวิดีโอการสอนของอาจารย์ติง
เขาเพียงอยากลองดูเท่านั้นว่าโทรศัพท์เครื่องนี้มันทำอะไรได้บ้าง
หรือนี่จะเป็นเหตุผลกันนะ
ถ้าอย่างนั้นแล้ว หากเขาอัดวิดีโอในตอนที่มีใครกำลังอธิบายหรือสาธิตกระบวนท่าและทักษะการต่อสู้ต่าง ๆ ก็แปลว่าเขาจะสามารถเก็บข้อมูลพวกนั้นมาไว้ในโทรศัพท์ได้น่ะสิ และจากนั้นพลังงานบางอย่างก็จะเปลี่ยนวิดีโอเหล่านั้นให้กลายมาเป็นแอปพลิเคชันสำหรับใช้งาน
“มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ เพราะถ้าไม่ใช่ก็ไม่รู้จะใช้เหตุผลไหนมาอธิบายอีกแล้ว ฮ่า ๆ โอ๊ย หน้าตาดีแถมฉลาดแบบเรา นี่มันช่างเพอร์เฟกต์ซะจริงเชียว อุ๊วะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะขึ้นอีกครั้งในขณะที่เสยผมเก๊กหล่อโดยไม่รู้ตัว
แต่ยังไงเสียเคยมีผู้ยิ่งใหญ่กล่าวไว้ว่า ไม่มีการทดสอบใดจะดีไปกว่าการได้ลองทดสอบจริงด้วยตนเอง
ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจะทำการพิสูจน์ทฤษฎีของเขาอีกครั้ง ในคาบเรียนวันพรุ่งนี้ แค่เผื่อไว้ก่อนน่ะนะ
เขาจะอัดวิดีโอการสอนในหัวข้ออื่น ๆ ดูบ้าง และคอยดูว่ามันจะมีแอปพลิเคชันใหม่ปรากฏขึ้นมาอีกหรือไม่
เรื่องเร่งด่วนสูงสุดในตอนนี้ก็คือ เขาต้องผ่านการสอบกลางภาคให้ได้ภายใน 3 วัน เพื่อที่จะได้อาศัยสถานศึกษากระบี่แห่งนี้เป็นที่ซุกหัวนอนต่อไป มิเช่นนั้น ชีวิตก็คงถึงคราวจบสิ้นแล้ว
แต่มันก็ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเลยทีเดียว
ในตอนนี้ เด็กหนุ่มกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตเรียบร้อยแล้ว และไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการจัดการกับลูกศิษย์คนอื่น ๆ ในสถานศึกษากระบี่แห่งนี้เลย
แต่นั่นยังไม่พอ
เพราะแค่การเป็นคนใช้กระบี่ได้เก่งที่สุดในชั้นปีที่ 2 ยังคงไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขานั้นจะผ่านการสอบกลางภาคได้สักหน่อย
หลินเป่ยเฉินยังต้องรับมือกับเจ้าพวกผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 3 ให้ได้ด้วย
“ในโลกนี้ วิทยายุทธ์และพลังลมปราณต่างสนับสนุนเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะการต่อสู้และพลังลมปราณในโลกเดิมของเราไม่มีผิด หากพลังลมปราณของเรามีไม่มากพอ ก็จะไม่สามารถใช้กระบวนท่าต่าง ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้ามีพลังลมปราณเพียงอย่างเดียวก็ไร้ความหมาย เพราะจะไม่สามารถใช้กระบวนท่าใดโจมตีคู่ต่อสู้ได้เลย”
“เพราะฉะนั้น คงต้องหาวิธีเพิ่มพลังลมปราณในร่างกายให้ได้ก่อนสินะ”
หลินเป่ยเฉินเริ่มปะติดปะต่อสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
โทรศัพท์มือถือเป็นเพียงอุปกรณ์ในการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น
ในคาบเรียนวันพรุ่งนี้ เด็กหนุ่มมุ่งมั่นว่าจะต้องอัดวิดีโออย่างละเอียดและพยายามหาแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มพลังในตัวเองให้จงได้
หลินเป่ยเฉินเอาโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง
เวรแล้วไง!
หลินเป่ยเฉินถึงกับสะดุ้งโหยง
ตอนนี้แบตเตอรี่ของโทรศัพท์เหลือเพียง 15% เท่านั้น
แบตเตอรี่ลดลงเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก
นั่นต้องเป็นเพราะแอปพลิเคชันกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตที่กำลังทำงานอยู่แน่ ๆ
มันเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ทุกคนต่างรู้ดี หากมีแอปพลิเคชันกำลังทำงานอยู่มากเท่าใด แบตเตอรี่ก็จะยิ่งลดเร็วขึ้นเท่านั้น
“เอาไงดีล่ะเนี่ย ทำไงดี ทำไงดี!”
หลินเป่ยเฉินที่เพิ่งหัวเราะอย่างมีความสุขไปเมื่อครู่ เริ่มเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
การใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์ช่วยฝึกวิชา เป็นวิธีที่สะดวกสบายและทรงพลัง
แต่หากโทรศัพท์นั้นดับลงเมื่อไหร่ ทุกอย่างต้องจบเห่หมดแน่
แต่จะชาร์จยังไงล่ะเนี่ย
จนถึงตอนนี้ หลินเป่ยเฉินยังคิดอะไรไม่ออกเลย
แต่ในทันใดนั้นเอง เสียงของชายชราก็ดังขึ้น “นายน้อย ท่านสบายดีไหมขอรับ…นายน้อยขอรับ”
พ่อบ้านหวังที่เห็นหลินเป่ยเฉินเปลี่ยนอารมณ์ไปมาจากการหัวเราะเป็นสงบนิ่งว่างเปล่าอีกครั้ง คิดเอาว่าการที่หลินเป่ยเฉินเจอกับสิ่งเร้ามากเกินไปทำให้สมองของเขาได้รับผลกระทบจนออกอาการบ่อย ๆ ยิ่งชายชราคิดมากเท่าไหร่ เขายิ่งนึกเวทนาหลินเป่ยเฉินมากเท่านั้น จึงค่อย ๆ เดินเข้าไปหาผู้เป็นนายน้อยอย่างนอบน้อม
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งตื่นจากภวังค์
และเมื่อเห็นใบหน้าทรงสามเหลี่ยมขยับเข้ามาใกล้ หลินเป่ยเฉินก็คิดอะไรออก จึงถามว่า “นี่ตาเฒ่า ครอบครัวข้ากำลังซวยขนาดนี้ ไม่มีใครคอยดูแลเจ้าแล้ว ทั้งคนให้เงินเดือน คนใช้ ทหารรับใช้ ทุกคนจากไปหมดแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังอยู่อีกล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อบ้านหวังก็ตบอกผาง ก่อนกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงแน่วแน่และภาคภูมิ “นายน้อย ท่านพูดอะไรออกมา ข้าน่ะคือหวังจงเชียวนะ และคำว่าจงของข้านั้นก็ย่อมาจากจงรักภักดี ข้าเป็นที่เลื่องลือในด้านความซื่อสัตย์ ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ร่างกายของข้ามีไว้เพื่อรับใช้ตระกูลหลินเท่านั้น หากข้าตายไป ข้าก็ยังจะเป็นวิญญาณในตระกูลหลิน แล้วอย่างนี้ ข้าจะละทิ้งท่านซึ่งเป็นนายน้อยของข้าในยามลำบากได้อย่างไร”
หลินเป่ยเฉินยังคงแคลงใจ “เจ้าเนี่ยเป็นคนซื่อสัตย์ขนาดนั้นจริง ๆ หรือ”
“ใช่แล้วขอรับ อีกอย่างหนึ่ง ข้าเห็นท่านมาตั้งแต่เล็กจนโต” พ่อบ้านหวังกลับมามีท่าทีอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความทะนุถนอมอีกครั้ง “ในใจข้านั้น นายน้อยเปรียบเสมือนบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของข้า ข้าจะทอดทิ้งท่านไปได้อย่างไร”
หลินเป่ยเฉินถึงกับซาบซึ้งอยู่ในใจ
พายุทดสอบกอหญ้าอันแข็งแกร่งฉันใด ยามลำบากก็พิสูจน์ผู้ภักดีฉันนั้น
แต่ชั่วครู่ต่อมา เด็กหนุ่มก็ต้องชะงักเล็กน้อย
เอ๋?
บทที่ 7 ตัวอักษร จง ในชื่อข้านั้นย่อมาจาก จงรักภักดี ยังไงล่ะ
เปรี๊ยะ!
สุดท้าย กิ่งไม้ในมือของหลินเป่ยเฉินก็ไม่อาจทานทนแรงกดดันของพลังลมปราณไหวและแตกหักไปต่อหน้าต่อตาในที่สุด
หากแต่เด็กหนุ่มนั้นดูจะไม่รู้สึกตัวเลย ยังคงใช้กิ่งไม้ส่วนที่เหลือฝึกกระบวนท่าต่อไปไม่หยุด
หลินเป่ยเฉินฝึกหนักไม่มีพัก จนกระทั่งร่างกายรู้สึกล้าไปหมดทุกสัดส่วน
เขาเหนื่อยหอบไปทั้งร่าง หากแต่ดวงตากลับฉายแววสดใสอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เจ้าแอปพลิเคชันนี่กลับกลายเป็นตัวแทนการฝึกฝนทักษะกระบี่หรือนี่”
ในที่สุดเขาก็คิดออกว่าแอปพลิเคชันนี้มีไว้ทำอะไร
อวตารร่างเงาที่ปรากฏอยู่บนพื้นหลังของแอปพลิเคชันที่ดูเหมือนตัวเขาอย่างไม่มีผิดนั้น เป็นตัวแทนฝึกฝนทักษะการต่อสู้ และในทุกครั้งที่ร่างอวตารในแอปพลิเคชันปรากฏขึ้นพร้อมสัญลักษณ์ทักษะกระบี่ เขาก็จะเข้าใจในทักษะการฝึกฝนกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตได้อย่างง่ายดาย
ผลลัพธ์ของมันออกมาดีกว่าการที่หลินเป่ยเฉินฝึกฝนในชีวิตจริงเสียด้วยซ้ำ
เด็กหนุ่มใช้เวลาเรียนรู้กระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตจากโทรศัพท์มือถือเพียงสองเค่อ กระบวนท่าซึ่งถูกขนานนามว่าเป็นกระบวนท่าพื้นฐานที่ยากที่สุดของมือกระบี่ ก็แทบไม่มีจุดใดยากเย็นในการฝึกฝนเลยสำหรับเขา
แม้แต่ซือซินหลิน หรือ อู๋เซี่ยวฟาง ผู้เป็นดั่งอัจฉริยะในรอบ 20 ปีของศิษย์ชั้นปี 2 นั้น พวกเขาทั้งคู่ก็ยังไม่สามารถเรียนรู้ได้ไวเท่านี้
“อย่างนั้น…ก็แปลว่าฉันเป็นอัจฉริยะในการฝึกฝนแล้วสิ”
“อุ๊วะ ฮะฮ่า ๆ ๆ ๆ ”
หลินเป่ยเฉินเสยผมดกดำบนศีรษะ ก่อนหัวเราะออกมาเหมือนคนเสียสติ
กลับกลายเป็นว่าโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้ เป็นอุปกรณ์วิเศษสำหรับการฝึกฝนวิชางั้นหรือนี่
น่าสนใจจริง ๆ
ถ้าใช้วิธีนี้ ไม่ว่าเป็นวิทยายุทธ์ใดที่เขาได้เรียนรู้ สิ่งที่เขาต้องทำก็เพียงแค่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันของวิชานั้น ๆ ลงบนโทรศัพท์มือถือ เพียงเท่านี้เขาก็สามารถฝึกวิชาได้ด้วยปลายนิ้วแล้ว
ด้วยโทรศัพท์เครื่องนี้ เขาจะเอาชนะทั้งจักรวรรดินี้ก็ยังได้
“ฮิ ๆ ๆ ๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะดังไปทั่วสถานศึกษาด้วยเสียงก้องกังวานราวกับนกเค้าแมวยามราตรี
หมู่มวลปักษาที่กำลังหลับใหลนับสิบ ตื่นขึ้นด้วยเสียงก้องกังวานนั้น พวกมันต่างสะบัดปีกโผบินหนีไปทันที
นี่มันช่างเลวร้ายเหลือเกิน
นายน้อยกลายเป็นบ้าไปอีกแล้ว
พ่อบ้านหวังกุมขมับด้วยแววตาพรั่นพรึงขณะยืนมองอยู่ในความเงียบ
“แต่เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมนอกจากกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตแล้ว มันไม่มีอย่างอื่นเลยเหรอ”
หลังหัวเราะจนเสียงแหบแห้ง หลินเป่ยเฉิน็ยักคิ้วซ้ายของตนในขณะที่มืออีกข้างลูบคางอย่างใช้ความคิด
ในคาบเรียนวันนี้ อาจารย์ติงซานฉือได้สอนเอาไว้ 2 อย่าง
อย่างแรก พื้นฐานการหลอมรวมพลังลมปราณแบบสมบูรณ์
อีกอย่างคือกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาต
แต่ทำไมสิ่งที่ปรากฏบนแอปสโตร์ ถึงได้มีแค่อย่างหลังเท่านั้น
หรือมันจะขึ้นมาแบบสุ่มกันนะ
หรือ…
มันมีเหตุผลอย่างอื่นอีกไหมหว่า
หลินเป่ยเฉินเลือกที่จะเชื่อความคิดของตนเอง
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็นึกอะไรบางอย่างได้แล้ว
“ตอนที่อาจารย์ติงกำลังสอนเรื่องการหลอมรวมพลังลมปราณ ฉันไม่ได้ตั้งใจฟังเลยนี่นา เพราะเอาแต่ดูโทรศัพท์ แต่ในอีกคาบตอนที่เขากำลังอธิบายกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาต ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้ฟังอยู่ดี แต่นึกไม่ออกเลยว่ากำลังทำอะไรอยู่”
ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็นึกได้ว่ามันเป็นตอนที่ตนเองกำลังใช้โทรศัพท์มือถือแอบอัดวิดีโอการสอนของอาจารย์ติง
เขาเพียงอยากลองดูเท่านั้นว่าโทรศัพท์เครื่องนี้มันทำอะไรได้บ้าง
หรือนี่จะเป็นเหตุผลกันนะ
ถ้าอย่างนั้นแล้ว หากเขาอัดวิดีโอในตอนที่มีใครกำลังอธิบายหรือสาธิตกระบวนท่าและทักษะการต่อสู้ต่าง ๆ ก็แปลว่าเขาจะสามารถเก็บข้อมูลพวกนั้นมาไว้ในโทรศัพท์ได้น่ะสิ และจากนั้นพลังงานบางอย่างก็จะเปลี่ยนวิดีโอเหล่านั้นให้กลายมาเป็นแอปพลิเคชันสำหรับใช้งาน
“มันต้องเป็นแบบนั้นแน่ ๆ เพราะถ้าไม่ใช่ก็ไม่รู้จะใช้เหตุผลไหนมาอธิบายอีกแล้ว ฮ่า ๆ โอ๊ย หน้าตาดีแถมฉลาดแบบเรา นี่มันช่างเพอร์เฟกต์ซะจริงเชียว อุ๊วะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะขึ้นอีกครั้งในขณะที่เสยผมเก๊กหล่อโดยไม่รู้ตัว
แต่ยังไงเสียเคยมีผู้ยิ่งใหญ่กล่าวไว้ว่า ไม่มีการทดสอบใดจะดีไปกว่าการได้ลองทดสอบจริงด้วยตนเอง
ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจะทำการพิสูจน์ทฤษฎีของเขาอีกครั้ง ในคาบเรียนวันพรุ่งนี้ แค่เผื่อไว้ก่อนน่ะนะ
เขาจะอัดวิดีโอการสอนในหัวข้ออื่น ๆ ดูบ้าง และคอยดูว่ามันจะมีแอปพลิเคชันใหม่ปรากฏขึ้นมาอีกหรือไม่
เรื่องเร่งด่วนสูงสุดในตอนนี้ก็คือ เขาต้องผ่านการสอบกลางภาคให้ได้ภายใน 3 วัน เพื่อที่จะได้อาศัยสถานศึกษากระบี่แห่งนี้เป็นที่ซุกหัวนอนต่อไป มิเช่นนั้น ชีวิตก็คงถึงคราวจบสิ้นแล้ว
แต่มันก็ต้องใช้ความพยายามไม่น้อยเลยทีเดียว
ในตอนนี้ เด็กหนุ่มกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตเรียบร้อยแล้ว และไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับการจัดการกับลูกศิษย์คนอื่น ๆ ในสถานศึกษากระบี่แห่งนี้เลย
แต่นั่นยังไม่พอ
เพราะแค่การเป็นคนใช้กระบี่ได้เก่งที่สุดในชั้นปีที่ 2 ยังคงไม่สามารถรับประกันได้ว่าเขานั้นจะผ่านการสอบกลางภาคได้สักหน่อย
หลินเป่ยเฉินยังต้องรับมือกับเจ้าพวกผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 3 ให้ได้ด้วย
“ในโลกนี้ วิทยายุทธ์และพลังลมปราณต่างสนับสนุนเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ระหว่างศิลปะการต่อสู้และพลังลมปราณในโลกเดิมของเราไม่มีผิด หากพลังลมปราณของเรามีไม่มากพอ ก็จะไม่สามารถใช้กระบวนท่าต่าง ๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้ามีพลังลมปราณเพียงอย่างเดียวก็ไร้ความหมาย เพราะจะไม่สามารถใช้กระบวนท่าใดโจมตีคู่ต่อสู้ได้เลย”
“เพราะฉะนั้น คงต้องหาวิธีเพิ่มพลังลมปราณในร่างกายให้ได้ก่อนสินะ”
หลินเป่ยเฉินเริ่มปะติดปะต่อสิ่งต่าง ๆ เข้าด้วยกัน
โทรศัพท์มือถือเป็นเพียงอุปกรณ์ในการพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาเท่านั้น
ในคาบเรียนวันพรุ่งนี้ เด็กหนุ่มมุ่งมั่นว่าจะต้องอัดวิดีโออย่างละเอียดและพยายามหาแอปพลิเคชันเพื่อเพิ่มพลังในตัวเองให้จงได้
หลินเป่ยเฉินเอาโทรศัพท์ออกมาอีกครั้ง
เวรแล้วไง!
หลินเป่ยเฉินถึงกับสะดุ้งโหยง
ตอนนี้แบตเตอรี่ของโทรศัพท์เหลือเพียง 15% เท่านั้น
แบตเตอรี่ลดลงเร็วขึ้นกว่าเดิมอีก
นั่นต้องเป็นเพราะแอปพลิเคชันกระบวนท่ากระบี่สามพิฆาตที่กำลังทำงานอยู่แน่ ๆ
มันเป็นเรื่องง่าย ๆ ที่ทุกคนต่างรู้ดี หากมีแอปพลิเคชันกำลังทำงานอยู่มากเท่าใด แบตเตอรี่ก็จะยิ่งลดเร็วขึ้นเท่านั้น
“เอาไงดีล่ะเนี่ย ทำไงดี ทำไงดี!”
หลินเป่ยเฉินที่เพิ่งหัวเราะอย่างมีความสุขไปเมื่อครู่ เริ่มเกิดความวิตกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง
การใช้แอปพลิเคชันในโทรศัพท์ช่วยฝึกวิชา เป็นวิธีที่สะดวกสบายและทรงพลัง
แต่หากโทรศัพท์นั้นดับลงเมื่อไหร่ ทุกอย่างต้องจบเห่หมดแน่
แต่จะชาร์จยังไงล่ะเนี่ย
จนถึงตอนนี้ หลินเป่ยเฉินยังคิดอะไรไม่ออกเลย
แต่ในทันใดนั้นเอง เสียงของชายชราก็ดังขึ้น “นายน้อย ท่านสบายดีไหมขอรับ…นายน้อยขอรับ”
พ่อบ้านหวังที่เห็นหลินเป่ยเฉินเปลี่ยนอารมณ์ไปมาจากการหัวเราะเป็นสงบนิ่งว่างเปล่าอีกครั้ง คิดเอาว่าการที่หลินเป่ยเฉินเจอกับสิ่งเร้ามากเกินไปทำให้สมองของเขาได้รับผลกระทบจนออกอาการบ่อย ๆ ยิ่งชายชราคิดมากเท่าไหร่ เขายิ่งนึกเวทนาหลินเป่ยเฉินมากเท่านั้น จึงค่อย ๆ เดินเข้าไปหาผู้เป็นนายน้อยอย่างนอบน้อม
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งตื่นจากภวังค์
และเมื่อเห็นใบหน้าทรงสามเหลี่ยมขยับเข้ามาใกล้ หลินเป่ยเฉินก็คิดอะไรออก จึงถามว่า “นี่ตาเฒ่า ครอบครัวข้ากำลังซวยขนาดนี้ ไม่มีใครคอยดูแลเจ้าแล้ว ทั้งคนให้เงินเดือน คนใช้ ทหารรับใช้ ทุกคนจากไปหมดแล้ว ทำไมเจ้าถึงยังอยู่อีกล่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น พ่อบ้านหวังก็ตบอกผาง ก่อนกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงแน่วแน่และภาคภูมิ “นายน้อย ท่านพูดอะไรออกมา ข้าน่ะคือหวังจงเชียวนะ และคำว่าจงของข้านั้นก็ย่อมาจากจงรักภักดี ข้าเป็นที่เลื่องลือในด้านความซื่อสัตย์ ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ ร่างกายของข้ามีไว้เพื่อรับใช้ตระกูลหลินเท่านั้น หากข้าตายไป ข้าก็ยังจะเป็นวิญญาณในตระกูลหลิน แล้วอย่างนี้ ข้าจะละทิ้งท่านซึ่งเป็นนายน้อยของข้าในยามลำบากได้อย่างไร”
หลินเป่ยเฉินยังคงแคลงใจ “เจ้าเนี่ยเป็นคนซื่อสัตย์ขนาดนั้นจริง ๆ หรือ”
“ใช่แล้วขอรับ อีกอย่างหนึ่ง ข้าเห็นท่านมาตั้งแต่เล็กจนโต” พ่อบ้านหวังกลับมามีท่าทีอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความทะนุถนอมอีกครั้ง “ในใจข้านั้น นายน้อยเปรียบเสมือนบุตรชายหัวแก้วหัวแหวนของข้า ข้าจะทอดทิ้งท่านไปได้อย่างไร”
หลินเป่ยเฉินถึงกับซาบซึ้งอยู่ในใจ
พายุทดสอบกอหญ้าอันแข็งแกร่งฉันใด ยามลำบากก็พิสูจน์ผู้ภักดีฉันนั้น
แต่ชั่วครู่ต่อมา เด็กหนุ่มก็ต้องชะงักเล็กน้อย
เอ๋?
มีบางอย่างผิดปกติ