ตอนที่ 791 ความรู้สึกของการเยียวยา
หืม?
เหลียงหยวนเตาตายแล้วหรือ?
ครั้งนี้ดูเหมือนจะตายจริงๆ เลยแฮะ
เด็กหนุ่มก้มมองเกาเฉิงฮั่นผู้อยู่ในอ้อมแขนตนเองอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกและพูดว่า “พี่ใหญ่ขอรับ ท่านน่าจะแสดงฝีมือให้เร็วกว่านี้ ไม่น่ารอให้ข้าถูกเหลียงหยวนเตาทุบตีจนใบหน้าอัปลักษณ์เช่นนี้เลย ทำไมต้องรอจนถึงตอนนั้นด้วย หรือว่าท่านมีเจตนากลั่นแกล้งข้า?”
เมื่อวิกฤตการณ์ผ่านพ้นไปแล้ว หลินเป่ยเฉินถึงได้นึกเอะใจขึ้นมา
เกาเฉิงฮั่นก็ไม่ใช่คนดีเหมือนกันนะเนี่ย
แต่ถึงอย่างไรเกาเฉิงฮั่นก็ตายแล้วนี่นา
ถือว่าไม่มีอะไรติดค้างกันอีกแล้ว
“พี่ใหญ่ขอรับ ท่านไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วนะ…”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นปาดน้ำตาด้วยความเศร้าโศก
ก่อนที่เขาจะลูบมือปิดเปลือกตาของเกาเฉิงฮั่นอย่างช้าๆ และอ่อนโยน
ดวงตาของเกาเฉิงฮั่นปิดลงแล้ว
แต่ลมหายใจต่อมา ดวงตาของเกาเฉิงฮั่นกลับลืมขึ้นมาอีกครั้ง
หืม?
นอนตายตาไม่หลับหรือนี่?
“เหลียงหยวนเตาตายไปแล้วขอรับ พี่ใหญ่เกาลองดูสิ”
หลินเป่ยเฉินรีบพูดละล่ำละลัก “การเสียสละของท่านในครั้งนี้ ข้าสัญญาว่าจะเผากระดาษเงินกระดาษทองส่งไปให้ท่านใช้จ่ายในยมโลกทุกปี นอกจากนี้ ข้าจะเผากงเต๊กอาวุธวิเศษ เหรียญทองคำ ศิลาบูชา และกงเต๊กสาวงามให้ท่านอีกเยอะๆ เลย…”
เด็กหนุ่มลูบมือปิดเปลือกตาของเกาเฉิงฮั่นอีกครั้ง
“อะแฮ่ม… ขะ… ข้ายังไม่ตาย”
เกาเฉิงฮั่นลืมตากลับขึ้นมาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
หลินเป่ยเฉินถึงกับพูดอะไรไม่ออก
“อย่าดื้อสิขอรับพี่ใหญ่เกา ท่านตายแล้วก็สมควรไปที่ชอบที่ชอบ ส่วนเรื่องราวหลังจากนี้ เดี๋ยวข้าจะจัดการดูแลเอง”
หลินเป่ยเฉินพยายามปิดเปลือกตาของแม่ทัพใหญ่แซ่เกาอย่างมุ่งมั่น
“เจ้าอย่าเพิ่งมายุ่งกับข้าได้ไหม?”
เกาเฉิงฮั่นปัดมือหลินเป่ยเฉินออกด้วยความรำคาญใจ “เจ้าไม่เห็นหรืออย่างไรว่าเพลงกระบี่เซียนสะเทือนบัลลังก์เทพมีอานุภาพรุนแรงมากแค่ไหน? ข้าเพียงใช้พลังลมปราณจนหมดกายเท่านั้น ข้ารู้สึกเหนื่อยล้าเหลือเกินจึงอยากจะพักผ่อนสักหน่อย ทำไมเจ้าถึงเอาแต่คิดว่าข้าจะตายอยู่ได้”
“ตกลงว่าท่านยังไม่ตายจริงๆ หรือ?”
หลินเป่ยเฉินพลันโยนร่างของแม่ทัพเกากลับลงไปบนพื้นดินอย่างไม่ไยดี
ก่อนที่จะหันไปมองทางแอ่งโลหิตอีกครั้ง
ไม่ต้องสงสัยเลย
แอ่งโลหิตกำลังขยายบริเวณอีกครั้ง
ครั้งนี้ มันมีเส้นรอบวงกว้างกว่าสองลี้เลยทีเดียว
ซากศพจำนวนมากถูกกลืนกินลงไปในบ่อโลหิต
นี่หมายความว่าอย่างไร?
เหลียงหยวนเตากำลังจะฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาอีกแล้วหรือ?
ถ้าเป็นจริง ท่านเจ้าเมืองปีศาจก็คงมีความน่ากลัวมากกว่าเดิม
ผู้คนจำนวนมากกลับมามีสีหน้าหมดหวัง
บัดนี้ ผู้อพยพชาวเมืองหยุนเมิ่งจำนวนนับไม่ถ้วนเดินออกมาจากอาคารบ้านเรือนและมารวมตัวกันอยู่ใจกลางค่ายที่พัก สองมือยกขึ้นพนมแนบอก ดวงตาหลับลงสวดอธิษฐาน
พลังศรัทธาทั้งหมดไหลรินเข้าสู่ร่างกายหลินเป่ยเฉิน
แต่ครั้งนี้ ถึงจะได้รับพลังศรัทธาเพิ่มเติม แต่มันก็ยังแก้ไขสถานการณ์ไม่ได้อยู่ดี
พวกเขายังคงไม่มีความหวัง
“เจ้ารีบหนีไปเถิด”
เกาเฉิงฮั่นม้วนตัวลุกขึ้นยืนขาเดียว
แม่ทัพใหญ่จ้องมองไปยังบ่อโลหิตที่ขยายอาณาเขตเพิ่มมากขึ้น ดวงตาบอกชัดถึงความหมดหวังเช่นเดียวกัน
หลังจากนั้น เกาเฉิงฮั่นก็หันมากระซิบกระซาบกับเด็กหนุ่มว่า “เจ้ารีบหนีไปจากที่นี่เสีย ไม่ต้องกลัวว่าจะโดนตราหน้าหาว่าเป็นคนขี้ขลาด ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ข้ากับเจ้าก็ต้องพ่ายแพ้อยู่แล้ว นครเจาฮุยกำลังจะกลายเป็นนรกบนดิน พวกเราทำสุดความสามารถแล้ว แต่ก็ยังช่วยเหลือเมืองนี้เอาไว้ไม่ได้ เจ้ามีพรสวรรค์มากเกินไปที่จะมาตายอยู่ที่นี่ สักวันหนึ่งเมื่อเจ้าแข็งแกร่งมากพอ เจ้าก็จะสามารถกลับมาแก้แค้นให้แก่ทุกคนได้อีกครั้ง”
หลินเป่ยเฉินยิ้มฝืดฝืนออกมา
“ความจริงข้าค้นพบเรื่องหนึ่งขอรับ”
เด็กหนุ่มพูด
เกาเฉิงฮั่นถามว่า “เจ้าค้นพบอะไร?”
แต่ยังไม่ทันที่หลินเป่ยเฉินจะได้เอ่ยปากตอบ…
วูบ!
ลำแสงกระบี่ก็พุ่งขึ้นมาจากบ่อโลหิตโดยปราศจากสัญญาณเตือน
ร่างของหลินเป่ยเฉินกระตุกเฮือก
ปรากฏบาดแผลจากคมกระบี่พาดยาวอยู่บนหน้าอกของเขา
โลหิตไหลทะลักออกมา
ลำแสงกระบี่ที่โจมตีขึ้นมาจากบ่อโลหิตนี้ คล้ายกับมีเจตนาตั้งใจจะฟันร่างของเด็กหนุ่มให้ขาดออกเป็นสองท่อน
“หลินเป่ยเฉิน…” เกาเฉิงฮั่นอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ตายแน่ ตายแน่ ตายแน่ๆ
บาดเจ็บหนักขนาดนี้ หลินเป่ยเฉินไม่มีทางรอดแน่นอน
“อุ๊วะฮ่าฮ่าฮ่า…”
เสียงหัวเราะดังกังวานออกมาจากบ่อโลหิต
ครั้งนี้ไม่ต้องรอให้ผิวน้ำเกิดฟองอากาศราวน้ำเดือดอีกแล้ว สัตว์ประหลาดที่สวมใส่ชุดเกราะโครงกระดูกตัวหนึ่งก็ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาจากบ่อโลหิต
มันมีร่างกายปกคลุมด้วยเส้นเลือดและกล้ามเนื้อปราศจากผิวหนัง ทั้งหมดนั้นถูกห่อหุ้มอยู่ด้วยชุดเกราะโครงกระดูกสีขาวซีด ตามข้อต่อของร่างกายปรากฏกระดูกแหลมงอกยาวออกมาราวคมมีด รอบลำคอก็เต็มไปด้วยแผงกระดูกที่แหลมคมราวกับเป็นยมทูตที่หลุดออกมาจากการ์ตูนสักเรื่อง
สัตว์ประหลาดตัวนี้มีเพียงแค่ศีรษะเท่านั้นที่กลับคืนสู่สภาพของเหลียงหยวนเตายามเป็นท่านเจ้าเมืองผู้หล่อเหลา
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหลียงหยวนเตา แสดงออกถึงความบ้าคลั่งอย่างสมบูรณ์แบบ
“นี่ข้าฟื้นคืนชีพได้เป็นครั้งที่เจ็ดแล้วสินะ… ช่างมีความสุขเหลือเกิน และทุกครั้งที่ข้าฟื้นคืนชีพขึ้นมา พลังของข้าก็จะเพิ่มมากขึ้น รับรองได้เลยว่าคราวนี้หลินเป่ยเฉินไม่มีทางหนีรอดได้อีกแล้ว”
เหลียงหยวนเตาระเบิดเสียงหัวเราะขณะกระโดดขึ้นมาจากบ่อโลหิต…
เกาเฉิงฮั่นใบหน้ากระตุกด้วยความโกรธแค้นและพูดอะไรไม่ออก
เขาอยากจะเอื้อมมือออกไปโอบกอดหลินเป่ยเฉิน
แต่แม่ทัพเกาก็กลัวว่าหากสัมผัสร่างกายของหลินเป่ยเฉินเพียงเล็กน้อย ก็อาจจะทำให้เด็กหนุ่มเสียสมาธิได้
ไม่มีใครทราบเลยว่าหลินเป่ยเฉินมีแผนการที่สามารถพลิกสถานการณ์ได้หรือไม่?
ทันใดนั้น…
“พี่ใหญ่เกา สีหน้าของท่านเศร้ามากเลยนะขอรับ”
หลินเป่ยเฉินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบธรรมดา
เกาเฉิงฮั่นเบิกตาโต ไม่รู้ว่าจะตอบรับอย่างไรดี
“สีหน้าของคนเราสามารถอธิบายได้ดีกว่าคำพูดอีกขอรับ ท่านมีสีหน้าเช่นนี้ แสดงว่าท่านคิดว่าข้าคงต้องตายแน่ๆ …เฮอะ เมื่อสักครู่นี้ ข้าก็นึกว่าท่านต้องตายแน่ๆ เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ถือว่าพวกเราหายกันก็แล้วกันนะขอรับ”
หลินเป่ยเฉินยกมือดีดนิ้วด้วยความสบายใจ
แล้ววงแหวนสีฟ้าก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของเขา
ป๊อก! ป๊อก! ป๊อก!
เด็กหนุ่มดีดนิ้วอีกหลายครั้งติดๆ กัน
วงแหวนวารีครอบคลุมร่างกายของหลินเป่ยเฉินจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน จนสุดท้าย เหนือศีรษะของเขาก็มีวงแหวนซ้อนกันอยู่หลายวงเป็นสีเขียวปัด
“นี่เจ้า…”
เกาเฉิงฮั่นอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
ในที่สุด เขาก็สามารถมั่นใจได้แล้วว่าหลินเป่ยเฉินไม่เป็นอะไรจริงๆ
เด็กหนุ่มส่งเสียงครางออกมาอย่างสบายเนื้อสบายตัว “อ้า ไม่เคยได้สัมผัสนานแล้วนะ… ความรู้สึกของการเยียวยาเช่นนี้”