ตอนที่ 797 โปรดทำกับข้าเฉกเช่นมนุษย์ผู้หนึ่ง
หลินเป่ยเฉินรีบรุดไปยังพื้นที่เมืองเขตห้า
เขาพบเจอขันทีเซียวเซียวยืนรออยู่หน้าประตูทางเข้าจวนผู้ว่า
บัดนี้ ขันทีชราอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชำระล้างคราบสกปรกตามร่างกาย ใบหน้าสะอาดแจ่มใส สวมใส่ชุดคลุมบัณฑิตสีขาวยืนอยู่หน้าประตูอย่างเงียบสงบ
หลินเป่ยเฉินกระโดดลงจากกระบี่
เซียวเซียวประสานมือทำความเคารพอย่างเยือกเย็น
หลินเป่ยเฉินสังเกตพบว่าเครื่องแบบที่ขันทีผู้นี้กำลังสวมใส่เป็นชุดเครื่องแบบของบัณฑิตหลวง ซึ่งหมายความว่าเขาจบการศึกษามาจากสำนักศึกษาชั้นสูง
“เจ้าขันทีจอมเจ้าเล่ห์ รีบหลบหนีมาเร็วไวเชียวนะ”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วมองหน้าขันทีเฒ่าด้วยความไม่ไว้ใจ “แล้วขันทีคนอื่น ๆ ที่หลบหนีมาพร้อมกับตัวบัดซบเช่นเจ้าอยู่ที่ใด?”
ขันทีเฒ่าเซียวเซียวตอบกลับมาน้ำเสียงราบเรียบ “ขันทีเหล่านั้นอยู่ในอุโมงค์ใต้ดิน แต่คุณชายหลินได้โปรดไว้หน้าข้าน้อยบ้าง กรุณาอย่าเรียกข้าน้อยว่าตัวบัดซบได้หรือไม่?”
“เฮอะ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอและพูด “ทำไมข้าถึงต้องไว้หน้าเจ้าด้วย? เจ้าเป็นสุนัขรับใช้ของเหลียงหยวนเตาก่อกรรมทำชั่วมายาวนานหลายปี มีคนจำนวนมากมายต้องตายด้วยน้ำมือของเจ้า แค่เรียกเจ้าว่าตัวบัดซบ ยังถือว่าน้อยไปเสียด้วยซ้ำ”
…บนใบหน้าของขันทีเฒ่าไม่ปรากฏความโกรธแค้นแม้แต่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
“ไม่ทราบว่าคุณชายหลินรีบร้อนมาที่นี่มีเหตุอันใดหรือขอรับ?”
เซียวเซียวถามออกมาอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินพ่นลมผ่านจมูก ก่อนตอบ “ข้าก็ต้องมาตรวจดูทรัพย์สมบัติของข้าน่ะสิ”
ทรัพย์สมบัติของหลินเป่ยเฉิน?
ขันทีเฒ่าเซียวเซียวนิ่งคิดอยู่เล็กน้อยถึงได้เข้าใจคำพูดเด็กหนุ่ม
หลินเป่ยเฉินกำลังหมายถึงทรัพย์สมบัติของเหลียงหยวนเตานั่นเอง
“ข้าน้อยมีของขวัญ ไม่ทราบว่าคุณชายหลินสนใจรับชมหรือไม่?”
ขันทีชราในชุดบัณฑิตยิ้มกว้าง
“ของขวัญ?”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะฮ่าฮ่า “เจ้าคิดจะนำทรัพย์สินที่ควรเป็นของข้าแต่แรกมามอบให้แก่ข้าเองอย่างนั้นหรือ? ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนเลยนะว่าอย่าคิดเล่นกับไฟเด็ดขาด ทรัพย์สินทุกอย่างที่อยู่ในจวนผู้ว่าเป็นของข้าทั้งหมด ถ้าเจ้าหยิบฉวยสิ่งใดไปแม้แต่ชิ้นเดียว รับรองว่าได้เห็นดีแน่ ฮ่าฮ่าฮ่า…”
ขันทีเฒ่ารีบตอบกลับมาทันที “ไม่ต้องห่วงขอรับ ของขวัญที่ข้าน้อยเตรียมเอาไว้ให้แก่คุณชาย หาไม่ได้จากในจวนผู้ว่า และข้าน้อยมั่นใจว่าคุณชายหลินจะต้องชื่นชอบมันอย่างแน่นอน”
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินใช้สายตาสำรวจมองเซียวเซียวตั้งแต่หัวจรดเท้า
มือขวาคนสนิทของเหลียงหยวนเตากลับเลือกที่จะอยู่รอคอยเขา ไม่หลบลี้หนีไป
จะมีแผนการชั่วร้ายอะไรหรือเปล่านะ?
หึหึ แต่เขาก็ไม่กลัวหรอก
บัดนี้ หลินเป่ยเฉินมีพลังอยู่ในขั้นเซียน ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวขันทีชราคนหนึ่งอยู่แล้ว “โบราณกล่าวไว้ว่ากรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียว คิดจะทำให้ข้าพึงพอใจ ใช่ว่าจะเป็นเรื่องง่าย”
เขาเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าขันทีเฒ่าคิดจะเล่นลวดลายใดหรือไม่?
“เจ้ามีของขวัญอันใด?”
หลินเป่ยเฉินถามเสียงเข้ม
เซียวเซียวเบี่ยงกายเล็กน้อยและผายมือเชื้อเชิญ “เชิญคุณชายหลินตามข้าน้อยมาทางนี้”
หลังจากนั้น ชายชราก็เดินนำหน้าหลินเป่ยเฉินเข้าไปในจวนผู้ว่า
หลินเป่ยเฉินเดินตามไปอย่างใกล้ชิด สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกับดักและค่ายอาคม หากลงเท้าผิดเพียงก้าวเดียว มีหวังได้เดือดร้อนแน่
เมื่อเซียวเซียวเดินนำทางเด็กหนุ่มเข้าไปในห้องรับรองประจำจวน ชายชราก็ยกหีบไม้ใบใหญ่ด้วยสองมือเดินถือเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินพร้อมกับพูดว่า “คุณชายหลินเชิญดูด้านใน”
ขันทีเฒ่าเปิดหีบออก
เมื่อหลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วสูงก้มหน้ามองลงไป เด็กหนุ่มก็ต้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ
เพราะสิ่งที่อยู่ด้านในหีบ คือศีรษะของเหลียงหยวนเตา
ใบหน้าที่เคยประดับรอยยิ้มชั่วร้าย กลับกลายเป็นมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น ความเดือดดาล ความหมดหวังในเสี้ยวสุดท้ายของชีวิต… สีหน้าเช่นนี้สามารถพบเจอได้กับผู้คนที่ต้องถึงแก่ความตายเพราะถูกทรมานเท่านั้น
นี่เหลียงหยวนเตาตายแล้วจริง ๆ หรือ?
เมื่อหลินเป่ยเฉินย้อนนึกถึงบ่อโลหิตที่แห้งเหือดหายไปอย่างน่าพิศวง เขาก็ค้นพบคำตอบบางอย่าง
ปรากฏว่าเมื่อบ่อโลหิตแห้งเหือด นั่นก็หมายความว่าเหลียงหยวนเตาตายแล้วจริง ๆ
ปรากฏว่าเหลียงหยวนเตาสามารถหลบหนีมาที่นี่ได้สำเร็จ
แม้ไม่ต้องสอบถามขันทีเฒ่า เด็กหนุ่มก็พอจะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก
คำถามเดียวก็คือศีรษะของเหลียงหยวนเตาตรงหน้าเขานี้ คือสิ่งที่รับประกันว่าเหลียงหยวนเตาตายไปแล้วจริง ๆ ใช่หรือไม่?
เพราะต้องไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ชายอ้วนสามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้หลายครั้ง
และยังกลับมาในหลายรูปแบบอีกด้วย
อีกอย่าง หลินเป่ยเฉินยังแน่ใจไม่ได้ว่านี่จะเป็นศีรษะของเหลียงหยวนเตาจริง ๆ หรือไม่ หรือมันจะเป็นศีรษะของใครคนอื่นที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายกัน หรือเป็นศีรษะที่ผ่านการปลอมแปลงโฉมเช่นการใช้แอปเมจิก คาเมร่า…
แต่เอาเถอะ ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวสักหน่อย
หลินเป่ยเฉินสลัดความว้าวุ่นออกจากหัวสมอง สมมุติว่าเหลียงหยวนเตาตั้งใจสั่งให้ขันทีคนสนิทนำศีรษะปลอมมาหลอกเขาจริง ๆ แล้วจะทำไปเพื่ออะไร?
เพื่อหลอกให้หลินเป่ยเฉินตายใจและลอบโจมตี?
หรือเหลียงหยวนเตาต้องการให้หลินเป่ยเฉินคิดว่าตนเองตายแล้ว จะได้เลิกตามล่า?
ถึงเหลียงหยวนเตาจะได้ชื่อว่าเป็นคนวิกลจริต แต่ก็เป็นคนวิกลจริตที่เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก
“เรามาคุยกันก่อนดีกว่า นายของเจ้ามาตายที่นี่ได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินยกมือกอดอก ดวงตาเป็นประกายวิบวับด้วยความสงสัย
เซียวเซียวบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากเหลียงหยวนเตาหลบหนีมายังอุโมงค์ใต้ดินโดยไม่ปิดบัง
เมื่อได้รับฟังแล้ว หลินเป่ยเฉินก็คลายข้อสงสัยลงโดยทันที
“แล้วทำไมเจ้าถึงต้องทรยศเขาด้วย?”
หลินเป่ยเฉินใช้สายตาสำรวจมองขันทีชราตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้งพลางพูดว่า “ก็ในเมื่อเจ้าเป็นสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์ที่สุดของเหลียงหยวนเตาไม่ใช่หรือ?”
ขันทีเฒ่าตอบกลับมาอย่างเร็วไว “หากมิใช่ว่าไม่มีทางเลือก มีผู้ใดบ้างจะยินดีเป็นสุนัขรับใช้ผู้อื่น? โดยเฉพาะกับการเป็นสุนัขรับใช้เหลียงหยวนเตา ปีศาจใจทรามในคราบมนุษย์นานถึงหลายสิบปี? ไม่ว่าจะเป็นบิดามารดาของข้าน้อย ญาติพี่น้องของข้าน้อย มิตรสหายของข้าน้อย ทุกคนต่างก็ต้องตายด้วยน้ำมือของเหลียงหยวนเตาทั้งสิ้น”
“ข้าน้อยก้มหน้าก้มตายอมเป็นสุนัขรับใช้ปีศาจนรก แลกมาซึ่งทุกอย่างเพื่อรอคอยโอกาสให้เหลียงหยวนเตาได้ชดใช้บาปกรรมที่มันก่อเอาไว้ จนข้าน้อยเข้าใจว่าตนเองรอคอยนานมากเกินไป ตัวข้าน้อยเลยกลายเป็นปีศาจร้ายไปเช่นกัน แต่คิดไม่ถึงเลยว่า… เหอเหอเหอ เหลียงหยวนเตากลับมาพบเจอคู่ต่อสู้ผู้ร้ายกาจเช่นคุณชายหลิน ด้วยเหตุนี้ เมื่อข้าน้อยสบโอกาส ข้าน้อยก็ไม่ลังเลที่จะสังหารเหลียงหยวนเตาด้วยมือของตนเองทันที”
“นับเป็นเรื่องที่น่าประทับใจทีเดียว”
หลินเป่ยเฉินปรบมือด้วยความชื่นชม
เซียวเซียวกล่าวต่อไปด้วยสีหน้าเรียบเฉย “คุณชายจะบอกว่านี่เป็นการทวงแค้นของผู้ต่ำต้อยก็ได้ขอรับ”
หลินเป่ยเฉินยกมือจับคางอย่างใช้ความคิด “ในเมื่อไหน ๆ เจ้าก็สังหารเหลียงหยวนเตาตายไปแล้ว อยากลองเปลี่ยนฝั่งมาทำงานเป็นสุนัขรับใช้ข้าดูบ้างไหมล่ะ?”
ขันทีเฒ่าเซียวเซียวส่ายหน้า
เขาเงยหน้ามองหลินเป่ยเฉินสีหน้าเรียบเฉย ไม่เสียใจ ไม่ดีใจ ขณะพูดเน้นย้ำทีละคำว่า “ข้าน้อยไม่อยากเป็นสุนัขรับใช้ผู้ใดอีกแล้ว เมื่อก่อนข้าน้อยไม่มีทางเลือก แต่บัดนี้ ข้าน้อยเพียงอยากกลับมาเป็นมนุษย์คนหนึ่งเท่านั้น…”
“ก็ดีแล้ว”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอ “งั้นก็จงบอกต่อดวงวิญญาณของผู้คนที่ต้องตายด้วยน้ำมือของเจ้า ว่านับจากนี้เป็นต้นไป เจ้าจะเป็นคนดี”
เซียวเซียวนิ่งเงียบ
เนิ่นนานให้หลังจึงพูดออกมาว่า “ข้าไม่เคยฆ่าใครด้วยมือของตนเอง นอกจากเหลียงหยวนเตา”
“ใครจะไปรู้”
ระหว่างที่พูดประโยคนี้ เด็กหนุ่มก็สั่งให้โทรศัพท์มือถือสแกนข้อมูลของหัวมนุษย์ที่อยู่ในหีบไม้ และเขาก็ได้คำตอบ
‘ศีรษะของเผ่าพันธุ์มารบ่อโลหิต สถานะ : เสียชีวิต’
โทรศัพท์มือถือขึ้นข้อมูลมาเช่นนั้น
เผ่าพันธุ์มารบ่อโลหิตอย่างนั้นหรือ?
นั่นคือชื่อเผ่าพันธุ์ของเหลียงหยวนเตาสินะ?
เริ่มมีพวกตัวประหลาดทยอยปรากฏตัวออกมามากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วสิ
หลังจากคิดอะไรบางอย่างอยู่เล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็เปิดฟังก์ชันการกระจายสัญญาณไวไฟของโทรศัพท์
รายชื่อของตัวรับสัญญาณปรากฏขึ้นมา
และนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มประหลาดใจทีเดียว
เขาหันกลับไปมองหน้าขันทีเฒ่าด้วยความไม่อยากเชื่อ
ถึงหลินเป่ยเฉินจะมั่นใจว่าเรื่องเล่าก่อนหน้านี้ของขันทีเฒ่าเซียวเซียวไม่ใช่เรื่องโกหก แต่เขาก็คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าอีกฝ่ายจะมีความศรัทธาในตัวเขาถึงขนาดนี้
และด้วยข้อมูลทั้งหมดนี้เอง หลินเป่ยเฉินจึงมั่นใจได้อย่างหนึ่งแล้วว่า…
ในที่สุด ตัวชั่วร้ายอย่างเหลียงหยวนเตาก็ตายแล้วจริง ๆ
ตายด้วยน้ำมือของบริวารคนสนิทที่มันเชื่อใจมากที่สุด
นี่เรียกว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง
ข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือของเขาไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด
แต่จะจัดการอย่างไรกับเซียวเซียวต่อไปนี่สิปัญหาใหญ่ เพราะหลินเป่ยเฉินก็ยังไม่แน่ใจเหมือนกันว่าตนเองสมควรทำอย่างไรดี
“ของขวัญที่ข้าน้อยพูดถึงไม่ใช่ศีรษะนี้หรอกขอรับ” ขันทีเฒ่าพูดและหยิบจี้กระบี่ทองคำขนาดเล็กออกมาชิ้นหนึ่ง “มันคือของสิ่งนี้ต่างหาก”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วมองจี้ทองคำนั้นด้วยความพิศวง
สัญชาตญาณบอกเขาว่านี่ต้องเป็นของดีแน่นอน
“มันคืออะไร?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความอยากรู้
เซียวเซียวยิ้มและตอบว่า “นี่คือกุญแจเปิดห้องเก็บสมบัติของเหลียงหยวนเตาขอรับ ด้านในห้องเก็บสมบัตินั้นเต็มไปด้วยทรัพย์สินที่เหลียงหยวนเตาเก็บเอาไว้ตลอดการดำรงตำแหน่งผู้ว่าการมณฑลเฟิงอวี่หลายสิบปี”
เพียงได้ยินเท่านี้ หัวใจของเด็กหนุ่มก็แทบจะกระเด็นออกมาอยู่นอกอก
ห้องเก็บสมบัติ
ที่นี่มีห้องเก็บสมบัติอยู่จริง ๆ ด้วย!
ไม่มีอะไรจะทำให้หลินเป่ยเฉินดีใจได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
“เจ้ามีข้อต่อรองอันใด โปรดรีบบอกมา”
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจใช้ไม้อ่อนเจรจาต่อรองกับขันทีเฒ่า
เซียวเซียวไม่ตอบคำ แต่กลับใช้สองมือประคองส่งจี้ทองคำมาให้หลินเป่ยเฉินอย่างง่ายดาย
นี่มันอะไรกันเนี่ย?
เด็กหนุ่มรับจี้กระบี่มาถืออย่างงง ๆ และถามว่า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
นี่ขันทีชราคิดจะมอบกุญแจเปิดห้องเก็บสมบัติให้เขาโดยไม่เอาสิ่งใดตอบแทนเลยหรือ?
คงไม่ง่ายดายขนาดนั้นหรอกกระมัง
หลินเป่ยเฉินย่อมรู้ดีว่าไม่ว่าจะเป็นในโลกใบไหน ก็ไม่มีของสิ่งใดได้มาฟรี ๆ
เซียวเซียวกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “ข้าเคยสาบานกับตนเองไว้ว่า หากมีผู้ใดสามารถโค่นล้มเหลียงหยวนเตาได้สำเร็จ ข้าก็ยินดีที่จะมอบชีวิตให้กับคนผู้นั้น และถ้าทำได้ ข้าก็อยากจะทำงานรับใช้คุณชายหลินตลอดไป แต่มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือ…” หลังจากพูดมาถึงตรงนี้ สุดท้ายดวงตาของชายชราก็เป็นประกายขอร้องวิงวอนว่า “โปรดทำกับข้าเฉกเช่นข้าเป็นมนุษย์ผู้หนึ่งด้วยเถิด”
หัวใจของหลินเป่ยเฉินถึงกับกระตุกวูบด้วยความตะลึงงัน
ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาจึงได้รู้สึกสงสารขันทีเฒ่าผู้นี้ขึ้นมาเสียแล้ว