ตอนที่ 801 การตัดสินใจเด็ดเดี่ยว
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้น
นครเจาฮุยถึงกับสั่นสะเทือนไปทั่วทุกเขตแดน
“เสียงอะไรน่ะ?”
หลินเป่ยเฉินหันมองไปยังทิศทางการระเบิด
ห่างไกลออกไปนอกกำแพงเมือง
ได้ยินเสียงระฆังเตือนภัยดังขึ้น
เสียงเคาะระฆังดังรับช่วงต่อกันไปทั่วทั้งเมือง
การเคาะระฆังเป็นจังหวะเร่งร้อน
หลินเป่ยเฉินรับฟังจนหูอื้อ
แต่เขาก็คล้ายกับได้ยินเสียงการต่อสู้ดังลอยมาจากที่ไกลๆ
ก้อนเมฆบนท้องฟ้าถึงกับกระจายตัวหายไปเป็นบางส่วน
รังสีอำมหิตแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งเมือง
พวกชาวทะเลโจมตีอีกแล้วหรือ?
“เฉียนเหมย เฉียนเจิน หวังจง อากวง พวกเจ้าอยู่ที่นี่ นำกำลังพลนายทหารคนงานขุดเหมือง 300 คนเข้าไปตรวจค้นจวนผู้ว่าพร้อมกับหลินฮุน โปรดระมัดระวังตัวด้วย… ส่วนคนที่เหลือ ติดตามข้าไปยังกำแพงเมืองเขตหนึ่ง…”
หลินเป่ยเฉินโคจรพลังปราณธาตุทองคำ
หลังจากนั้น ทุกคนก็รู้สึกกว่ากระบี่ในมือของตนเองสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ และกระบี่ทุกเล่มก็นำพาผู้เป็นเจ้าของลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า
ด้วยระดับพลังในปัจจุบันของหลินเป่ยเฉิน ไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะควบคุมกระบี่โลหะนำพาทุกคนบินไปยังกำแพงเมืองซึ่งอยู่ในระยะไม่ไกลเกินไปนัก
นายทหารหลายร้อยคนโหนกระบี่ของตนเองบินผ่านข้ามท้องฟ้าไปยังกำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว
…
พื้นที่เมืองเขตหนึ่ง
กำแพงเมืองเขตตะวันตก
เกาเฉิงฮั่นจ้องมองจำนวนพลของกองทัพชาวทะเลที่อยู่นอกกำแพงเมืองด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชาวทะเลยกกองทัพมาปิดล้อมนครเจาฮุย แต่นี่คือครั้งแรกที่ขุมกำลังของเหล่าอสูรกายจากใต้ทะเลลึกเป็นพวกสวมใส่ชุดเกราะโครงกระดูก ถือโล่ สะพายกระบี่ บุกโจมตีกำแพงเมืองเหมือนพร้อมที่จะสละชีวิตของตนเองได้ทุกเมื่อ!
หน่วยทหารผู้ประจำการอยู่บนกำแพงเมืองต่างก็ช่วยกันตั้งรับอย่างหนักแน่น
ห่างไกลออกไป
อสูรทะเลที่มีความสูงเท่ากับตึกหลายสิบชั้นพลันทะลวงพื้นดินซึ่งจับตัวเป็นน้ำแข็งขึ้นมาระเบิดเสียงคำรามดังกังวาน มันมีรูปร่างแปลกประหลาด หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว บนแผ่นหลังนั่งไว้ด้วยนักบวชชาวทะเล บัดนี้ อสูรทะเลตัวนี้กำลังสับเท้าพุ่งตรงมายังกำแพงเมืองด้วยความเร็วสูงสุด
ทุกครั้งที่เท้าของอสูรทะเลเหยียบลงไปบนพื้นดิน พื้นดินก็จะเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง
“นี่ไม่ใช่การโจมตีทั่วไปอีกแล้วขอรับ แต่มันเป็นการโจมตีที่ชาวทะเลหวังจะพังกำแพงเมืองของเราให้ได้”
หลู่เหวินหยวนพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ท่านแม่ทัพขอรับ ในที่สุดเวลานี้ก็มาถึงแล้ว พวกเรา… ไม่สามารถถอยหนีได้อีกต่อไป”
เกาเฉิงฮั่นพยักหน้า
“จัดการอสูรทะเลยักษ์ตัวนั้นให้ได้”
เขาส่งเสียงคำรามออกคำสั่ง
บนกำแพงเมืองที่มีม่านพลังคุ้มกันอย่างแน่นหนา บรรดามือธนูต่างก็เข้าประจำที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาประทับลูกศรน้าวคันธนู เล็งเป้าไปที่อสูรทะเลยักษ์ซึ่งกำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้กำแพงเมืองอย่างรวดเร็ว
ลูกธนูของนายทหารที่ประจำการบนกำแพงเมืองเปล่งแสงสว่างไสว บรรยากาศเหนือกำแพงเมืองเต็มไปด้วยความเงียบงัน มีเพียงเสียงคำรามของอสูรทะเลเท่านั้นที่ดังขึ้นในอากาศ
“เตรียมตัว…”
“ยิง”
เมื่ออสูรทะเลยักษ์วิ่งเข้ามาอยู่ในระยะสังหาร หัวหน้าหน่วยยิงธนูก็ออกคำสั่งโจมตีเสียงดังกังวาน
ฟิ้ว!
เสียงลูกธนูพุ่งแหวกอากาศ ปรากฏลูกธนูลงค่ายอาคมกว่า 30 ดอกพุ่งตรงออกไป
ลูกธนูที่ทำจากเงินบริสุทธิ์ของพวกเขาอัดแน่นไปด้วยพลังลมปราณแห่งการทำลายล้าง เพียงพริบตาเดียว พวกมันก็พุ่งออกไปเป็นระยะหนึ่งลี้ แทงทะลุร่างกายขนาดใหญ่ยักษ์ของอสูรทะเลราวกับเป็นเพียงตุ๊กตากระดาษตัวหนึ่ง!
อสูรทะเลร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด โลหิตไหลทะลัก ร่างกายอันใหญ่ยักษ์ล้มลงฟาดพื้นดิน ไม่รู้เลยว่ามีนักรบชาวทะเลต้องถูกมันทับตายไปโดยไม่ทันตั้งตัวกี่สิบคน
แต่เมื่อฆ่าตายไปได้ตัวหนึ่ง อสูรทะเลยักษ์ก็ยิ่งพุ่งทะลวงขึ้นมาจากใต้พื้นดินมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันระเบิดเสียงคำราม และวิ่งตรงเข้าหากำแพงเมืองด้วยความบ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง
บนกำแพงเมืองมีมือธนูระดับสูงประจำการอยู่เพียง 30 คนเท่านั้น
พวกเขาเป็นขุมกำลังที่หลงเหลืออยู่อย่างน้อยนิดจากหน่วยทหารที่สู้รบกับกองทัพชาวทะเลมาช้านาน
อีกทั้งการลงค่ายอาคมให้แก่ลูกธนูของพวกเขานั้นก็ไม่สามารถทำได้ง่ายๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่นครเจาฮุุยขาดแคลนทรัพยากรอย่างใหญ่หลวง ของที่จำเป็นต้องใช้สำหรับการลงค่ายาอาคมสำหรับการโจมตีศัตรูกลายเป็นสิ่งที่หายาก เพราะฉะนั้น มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเขาจะผลิตอาวุธในปริมาณที่มากไปกว่านี้
บัดนี้ เห็นได้ชัดว่าเครื่องไม้เครื่องมือในการทำสงครามของพวกเขาตกเป็นรองชาวทะเล
ยิ่งไปกว่านั้น ชาวทะเลยังมีนักบวชผู้ใช้เวทมนตร์จำนวนมากคอยอัญเชิญอสูรทะเลขึ้นมาจากใต้พื้นดินอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเวลาผ่านไปนานมากเท่าไหร่ อสูรร่างยักษ์เหล่านี้ก็ยิ่งปรากฏตัวขึ้นมามากขึ้นเท่านั้น
หลู่เหวินหยวนถึงกับต้องออกไปบัญชาการรบที่นอกกำแพงเมืองด้วยตนเอง
…
ในค่ายที่พักของชาวทะเลขณะนี้กำลังจัดประชุมรวมกลุ่มแม่ทัพใหญ่
นับดูจนถึงตอนนี้ พวกมันบุกโจมตีนครเจาฮุยมาหลายสิบวันแล้ว แม่ทัพทุกตัวต่างก็รู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่มีการแตกสามัคคี เมื่อลงสู่สนามรบ ทุกชีวิตต่างก็ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุด และพยายามทำลายกำแพงเมืองให้ได้โดยเร็วที่สุด
แต่ครั้งนี้ พวกมันมีกำลังพลสำหรับการโจมตีมากกว่าการรบครั้งก่อนๆ
ในค่ายที่พักของชาวทะเลยังคงมีอสูรกายที่คล้ายคลึงกับคางคกยักษ์ตัวหนึ่ง มันมีหน้าที่นั่งอยู่บนพื้นดิน และพ่นลมหายใจออกมาเปลี่ยนแปลงกลายอากาศให้เป็นน้ำแข็งก้อนยักษ์ ก่อนที่นักรบชาวทะเลคนอื่นๆ จะนำน้ำแข็งก้อนยักษ์เหล่านี้ใช้ยิงแทนลูกกระสุนปืนใหญ่ โจมตีใส่กำแพงเมืองของพวกมนุษย์…
ครั้งนี้ กองทัพชาวทะเลมาพร้อมกับยุทธวิธีการบุกโจมตีอันหลากหลาย
เพียงพริบตาเดียว อสูรทะเลร่างยักษ์ก็วิ่งเข้ามาถึงกำแพงเมืองด้วยดวงตาแดงก่ำ และมันก็ใช้ศีรษะขนาดใหญ่โตของตนเองโขกกำแพงเมืองอย่างรุนแรงหนักหน่วง ราวกับว่าพร้อมที่จะสละชีวิตของตนเองในการบุกโจมตีครั้งนี้
ครืน!
กำแพงเมืองสั่นสะเทือน
ม่านพลังที่คุ้มกันกำแพงเมืองเกิดอาการสั่นไหวอย่างรุนแรง
ก่อนที่จะเกิดรอยแตกร้าวให้เห็นชัดเจน
อสูรทะเลลึกส่งเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะล้มลงตายบนพื้นดิน แต่ในเวลาเดียวกันนี้ ก็มีนักรบชาวทะเลกลุ่มใหญ่วิ่งผ่านเข้าไปในช่องว่างของม่านพลังนั้น พวกมันปะทะกระบี่กับนายทหารที่ประจำการอยู่หน้ากำแพงเมือง เกิดเป็นการต่อสู้อันดุเดือดเลือดพล่าน…
ทางด้านหลังยังมีนักรบชาวทะเลบุกเข้ามาผ่านช่องว่าของม่านพลังอย่างต่อเนื่องไม่หยุดยั้ง… ไม่นานนัก การต่อสู้ก็ปรากฏให้เห็นทั่วไปในพื้นที่เขตหนึ่ง
เสียงย่ำกลองดังกังวาน
นายทหารที่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ต่างก็ลงสู่สนามรบแล้ว
แต่พวกเขาก็ยังเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ไม่ได้
“หน่วยทหารคนงานขุดเหมืองหายไปไหนนะ? เรียกพวกเขามาช่วยเร็วเข้า”
“พวกเรารีบไปตามตัวท่านแม่ทัพเฉียนเหมยมาเดี๋ยวนี้…” นายทหารที่พยายามจะปิดกั้นช่องว่างของม่านพลังโคจรพลังลมปราณส่งเสียงตะโกนดังกังวานทั่วแผ่นฟ้า
การบุกโจมตีของชาวทะเลวันนี้ไม่มีหน่วยทหารคนงานขุดเหมืองคอยรับมือ ดังนั้น สถานการณ์จึงยิ่งย่ำแย่ลงมากไปกว่าเดิม
ทั้งๆ ที่ขุมกำลังของกองทัพนครเจาฮุยก็ไม่ใช่พวกอ่อนแอแล้วแท้ๆ แต่ทำไมสถานการณ์ถึงเป็นเช่นนี้ไปได้?
เสียงคำรามของเหล่านายทหารบอกชัดถึงจิตใจอันห้าวหาญไม่ย่อท้อต่อการต่อสู้
หลู่เหวินหยวนซึ่งกลับมายืนอยู่บนกำแพงเมืองมีสีหน้าวิตกกังวลสุดขีด
สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ไม่ต่างจากพายุหมุนที่ซัดกระหน่ำเข้ามาอย่างปัจจุบันทันด่วน หลู่เหวินหยวนไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจรับมือก่อนหน้า ทำให้สมองของชายชราคิดหาวิธีรับมือไม่ทันอีกแล้ว
แต่โชคดีที่พวกเขายังมีความหวัง
เพราะว่า…
เมื่อไหร่พวกของหลินเป่ยเฉินจะมาถึงสักทีนะ?
คนบางคนเมื่อยามเห็นหน้ากลับไม่รับรู้ถึงความสำคัญ
แต่เมื่อไม่เห็นหน้าแล้วนั้น ก็เพิ่งจะมารับรู้ถึงความสำคัญตอนนั้นเอง
เกาเฉิงฮั่นค่อยๆ โคจรพลังลมปราณและแผ่พลังออกไป
หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ พื้นที่เขตหนึ่งคงถูกบุกยึดในอีกไม่ช้า
เหตุผลที่ก่อนหน้านี้เกาเฉิงฮั่นยังไม่ลงมือก็เพราะเขารู้สึกว่าในค่ายที่พักของชาวทะเลนอกกำแพงเมืองนั้น มีคลื่นพลังของผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสองลอยออกมาเป็นระยะ เกาเฉิงฮั่นจึงตั้งใจจะเก็บแรงไว้ต่อสู้กับหัวหน้าของพวกมันโดยเฉพาะ ซึ่งถ้าเขาใช้พลังมากเกินไปก่อนเวลานั้น เมื่อถึงคราวต้องต่อสู้กันจริงๆ ขึ้นมา เขาก็คงพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย…
แต่สถานการณ์ขณะนี้ จะไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือก็คงไม่ได้แล้ว
อีกอย่าง วันนี้นครเจาฮุยยังคงมีหลินเป่ยเฉินอยู่อีกทั้งคน
เกาเฉิงฮั่นเชื่อว่าเด็กหนุ่มคงไม่ยืนดูอยู่นิ่งเฉยแน่นอน
เรื่องราวต่อจากนี้คงต้องฝากให้หลินเป่ยเฉินจัดการแล้วละนะ
เกาเฉิงฮั่นตัดสินใจเด็ดเดี่ยว กำลังจะเคลื่อนกายออกไปโจมตี…
ทันใดนั้นเอง…
วูบวูบวูบ!
ร่างของนายทหารหลายร้อยคนปรากฏตัวขึ้นบนท้องฟ้า
บางร่างทิ้งตัวลงมายืนอยู่หน้าช่องว่างของม่านพลังตรงกำแพงเมือง ร่างกายระเบิดพลังลมปราณออกมาอย่างรุนแรง เพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ช่องว่างของม่านพลังก็กลับมาเติมเต็มเช่นเดิม และสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของนายทหารผู้พิทักษ์กำแพงเมืองก็พลิกกลับตาลปัตรอย่างรวดเร็ว…
ยังคงมีอีกหลายร่างทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนกำแพงเมือง
หนึ่งในนั้นสวมใส่ชุดสีขาว ใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ
ที่แท้ก็เป็นหลินเป่ยเฉิน
หลู่เหวินหยวนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
เกาเฉิงฮั่นถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เมื่อเด็กหนุ่มผู้นี้ปรากฏตัว ก็ได้เวลาที่กองทัพของพวกเขาจะโต้กลับชาวทะเลแล้ว!!!