ตอนที่ 816 ฆ่าปิดปาก
เดิมทีเว่ยหมิงเซวียนเป็นบุคคลที่มีหน้าตาหล่อเหลา
แต่บัดนี้ เขาถูกทุบตีจนใบหน้าบวมปูดไม่ต่างจากหัวหมูไหว้เจ้า เสื้อผ้าถูกถอดออก เหลือติดตัวเพียงกางเกงชั้นในเท่านั้น ต่อให้เคยหล่อเหลามากแค่ไหน ก็หาความหล่อเหลาไม่ได้อีกแล้ว
นอกจากนี้ เขายังได้เห็นถึงความอำมหิตของหลินเป่ยเฉินด้วยตาตัวเอง ฉางกวนหว่างยังคงนอนชักกระตุกและร้องครวญครางอยู่บนพื้นดินข้างเคียง และสิ่งที่เว่ยหมิงเซวียนเห็นก็คือหลินเป่ยเฉินผู้มีแววตาร้อนแรงราวกับไฟปีศาจกำลังพูดออกมาอย่างเชื่องช้าขณะลุกขึ้นว่า
“โอสถวิญญาณโลหิตคืออะไร?”
เด็กหนุ่มถามอย่างตรงไปตรงมา
ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่บวมช้ำของเว่ยหมิงเซวียน
หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มก็ตอบออกมาด้วยความขมขื่นว่า “มันเป็นโอสถที่น้องชายของข้าหลอมขึ้นมา ว่ากันว่ากว่าจะหลอมได้ต้องใช้โลหิตและวิญญาณของผู้คนจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังต้องใช้สมุนไพรวิเศษอีก 48 ชนิด รวมถึงวัตถุธาตุอีก 21 ชนิด ส่วนโอสถชนิดนี้มีสรรพคุณอย่างไรบ้าง ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน เพราะกวาดตาดูในแผ่นดินตงเต้า ไม่มีโอสถชนิดใดจะแปลกประหลาดเท่ากับโอสถชนิดนี้อีกแล้ว และเห็นได้ชัดว่าเมื่อรับประทานเข้าไปแล้ว มันจะช่วยมอบ ‘พลังที่แท้จริง’ ให้แก่เหลียงหยวนเตา ซึ่งมันก็ทำให้เขายอมร่วมมือกับตระกูลเว่ยด้วยดีตลอดมา”
พลังที่แท้จริง?
หลินเป่ยเฉินได้ยินคำนั้นก็ขมวดคิ้วหน้ายุ่ง
หรือว่าสำหรับพวกปีศาจ การที่พวกมันต้องเข้าครอบครองร่างของใครสักคนก็เป็นเพราะว่าต้องหาวิธีปลดผนึกพลังที่แท้จริงของตนเองให้ได้?
พูดอีกอย่างก็คือ โอสถวิญญาณโลหิตเหล่านี้จะช่วยฟื้นฟูพลังที่แท้จริงให้กับปีศาจที่มาอยู่ในโลกมนุษย์?
ชักน่ากลัวแล้วสิ
ทุกคนรู้ดีว่าเหตุผลที่พวกปีศาจต้องหลบซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัว ก็เพราะพวกมันรู้ตัวดีว่าตนเองไม่สามารถสู้รบกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ และการที่พวกมันจะฟื้นฟูพลังได้นั้น ก็จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก ซึ่งไม่ใช่สิ่งของที่สามารถหาได้ง่ายดายนัก
แต่ถ้าพวกมันพบเจอทางลัดในการฟื้นฟูพลัง เพียงเท่านี้ เหล่าปีศาจก็ไม่ต้องปกปิดตัวเองอีกแล้ว มิหนำซ้ำ พวกมันยังพร้อมที่จะย้อมแผ่นดินตงเต้าให้เนืองนองไปด้วยโลหิตอีกด้วย
จึงถือเป็นโชคดีที่ตลอดระยะเวลาอันยาวนาน พวกปีศาจยังไม่เคยพบเจอทางลัดนั้น
ทว่าบัดนี้ กลับมีโอสถวิญญาณโลหิตปรากฏขึ้นมา
ขอเพียงพวกมันในร่างมนุษย์รับประทานเข้าไป พลังในร่างกายก็จะฟื้นฟูกลับขึ้นมาอย่างเต็มที่
คนทั่วไปจะสามารถเอามาใช้งานได้หรือเปล่านะ?
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วใช้ความคิดเล็กน้อย ก่อนพูดว่า “น้องชายของเจ้าหลอมโอสถชนิดนี้เอาไว้มากมายเท่าไหร่? ยังพอมีเหลืออยู่อีกหรือไม่? ข้ามีมิตรสหายจำนวนหนึ่งที่อยากจะลองรับประทานมันเช่นกัน”
ไม่ต้องเอามิตรสหายมาอ้าง เจ้าต้องการเก็บเอาไว้เองละสิ
เว่ยหมิงเซวียนอยากจะพูดออกไปเช่นนั้น
แต่เขาก็ไม่กล้า
“ข้าไม่รู้”
เว่ยหมิงเซวียนตอบตามความจริง “ถึงข้าจะเป็นพี่ชายของเขา แต่สถานะของข้าในตระกูลเว่ยไม่ได้สูงส่งอะไร เมื่อเทียบกับเว่ยหมิงเฉินแล้ว ข้าก็เป็นเพียงสมาชิกในตระกูลระดับล่าง มีหน้าที่เพียงขนส่งยาลูกกลอนเหล่านี้ให้กับเขาเท่านั้นเอง และตั้งแต่ที่น้องชายข้ากลายเป็นเสาหลักประจำตระกูล ข้าก็ไม่เคยสอบถามอะไรเขาให้มากความ…”
“แต่อย่างไรก็ตาม เท่าที่ข้ารู้ ก่อนหน้านี้น้องชายของข้าไม่เคยมีทักษะในการหลอมโอสถ เหตุผลที่เขาสามารถหลอมโอสถชนิดนี้ออกมาได้ ก็น่าจะเกี่ยวข้องกับพวกปีศาจเช่นกัน”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นด้วยความเคยชิน
ไป๋ชินหยุนก็มาจากดินแดนปีศาจเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
นางจะเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่
น่าสนใจแล้วสิ
ในเมื่อไป๋ชินหยุนมาจากดินแดนปีศาจแท้ๆ แต่กลับยังไม่สามารถหลอมโอสถวิญญาณโลหิตได้ แล้วพวกตระกูลเว่ยสามารถทำได้อย่างไร?
รู้สึกมีอะไรไม่ชอบมาพากลหลายอย่างเลยแฮะ
น่าจะต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่แน่นอน
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าพอจะรู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่ากระจกมารโลหิตบ้างหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง
เว่ยหมิงเซวียนส่ายหน้าเป็นคำตอบ
หลินเป่ยเฉินถามต่อไปอีกหลายคำถาม
เว่ยหมิงเซวียนให้ความร่วมมือตอบในสิ่งที่รู้เป็นอย่างดี
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความพอใจและถามออกมาอีกครั้ง “เรามาคุยกันเรื่องน้องชายของเจ้าบ้างดีกว่า ไม่ทราบว่าบัดนี้เขามีพลังอยู่ในขั้นไหน? เขามีของรักของหวงบ้างหรือไม่? อะไรคือจุดอ่อนของเขา? เขาร่ำเรียนวิชาการต่อสู้มาจากใคร? เขาห่วงใยใครบ้างไหม? ข้าหมายถึงคนรักน่ะ มีสถานที่ใดที่เขาชอบไปเป็นพิเศษหรือเปล่า? แล้วบุคคลที่เขาสนิทสนมด้วยมากที่สุดคือใคร…”
เว่ยหมิงเซวียนเลิกคิ้วสูงด้วยความมึนงง
เพราะเด็กหนุ่มถามรัวเร็วมากเกินไป
“น้องชายของข้ามีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลาย แต่ผู้อาวุธโสในตระกูลต่างก็คาดเดาว่าเขาน่าจะมีพลังอยู่ในขั้นเซียนเรียบร้อยแล้ว ส่วนเรื่องวิชาการต่อสู้ของเขา…”
เว่ยหมิงเซวียนยังคงบอกข้อมูลทุกอย่างที่ตนเองรู้โดยไม่ปิดบัง
แต่พูดออกมาได้ไม่กี่ประโยค สีหน้าของชายหนุ่มก็แสดงความเจ็บปวดรวดร้าวแสนสาหัส
ศีรษะของเว่ยหมิงเซวียนบวมพองอย่างควบคุมไม่ได้ หู ตา จมูก ปาก กลายเป็นรูปทรงแปลกประหลาด เขาพยายามจะลุกขึ้นยืนและพูดอะไรบางอย่าง แต่เลือดกำเดาก็ไหลทะลักออกมาจากจมูก…
หืม?
เกิดอะไรขึ้น?
หลินเป่ยเฉินชะงักด้วยความตกใจ
และในทันใดนั้นเอง…
พรึบ!
ศีรษะของเว่ยหมิงเซวียนระเบิดกระจาย
ไม่ต่างจากแตงโมลูกหนึ่ง
ปรากฏลำแสงกระบี่พุ่งออกมาจากศีรษะของเว่ยหมิงเซวียนตรงมาหาหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินหมุนตัวหลบตามสัญชาตญาณ
ฉับพลันนั้น เด็กหนุ่มใช้นิ้วมือแทนกระบี่จี้แทงออกไปด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่หนึ่ง
วูบ!
ลำแสงกระบี่สาดประกายวูบ
แต่พลังของทั้งสองฝ่ายกลับพุ่งผ่านกันไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ปรากฏว่าลำแสงกระบี่ของฝ่ายตรงข้ามเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น
มันพุ่งเข้ามาที่หน้าผากของหลินเป่ยเฉินด้วยความแม่นยำ
แย่แล้วสิ
หลินเป่ยเฉินอุทานคำหยาบอยู่ในใจ
หลังจากนั้น เขาก็รู้สึกเจ็บปวดที่กลางหน้าผาก
แล้วภาพของชายหนุ่มผมขาวสวมใส่เสื้อคลุมสีดำก็ปรากฏขึ้นในห้วงจิต พร้อมกับกระบี่ที่ตวัดฟาดฟันด้วยความดุดัน
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มผู้นี้ฟันกระบี่ หลินเป่ยเฉินจะรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกฟันจริงๆ
ชายหนุ่มผมขาวผู้นั้นมีสีหน้าเรียบเฉย ลักษณะถือตัว และมองคนทั้งโลกเป็นศัตรู ความปรารถนาเดียวของเขาคือการยึดครองโลกใบนี้ให้ได้
หมอนี่คือเว่ยหมิงเฉิน
หลินเป่ยเฉินนึกชื่อนั้นขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ในเวลาเดียวกันนี้ เขารู้แล้วว่านี่เป็นการโจมตีผ่านทางพลังจิต
หลินเป่ยเฉินปวดหัวแทบระเบิด ส่งเสียงร้องครางออกมา
เขาพยายามรวบรวมพลังจิตต่อสู้กลับไป พยายามบังคับตนเองในห้วงจิตให้ชักกระบี่ออกมา
แต่ไม่ว่าพยายามเท่าไหร่มันก็ล้มเหลว
เขาไม่มีทางสู้เว่ยหมิงเฉินได้เลย
ไม่ต่างจากแอ่งน้ำที่เกิดขึ้นจากการรวมตัวของสายฝน ย่อมไม่มีทางสู้ความยิ่งใหญ่ของมหาสมุทรได้อยู่แล้ว
ร้ายกาจชะมัด
หลินเป่ยเฉินเวียนศีรษะตาลาย ยิ่งดิ้นรนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไร้ประโยชน์มากเท่านั้น
ร่างกายของเขาในห้วงจิตแทบจะขาดออกจากกันเป็นเสี่ยงๆ ด้วยคมกระบี่ของชายหนุ่มผมขาว…
แต่ในจังหวะที่หลินเป่ยเฉินใกล้จะเป็นลมหมดสตินั้นเอง ในร่างกายของเขาก็เกิดคลื่นพลังชนิดหนึ่งพุ่งออกมา คลื่นพลังเหล่านั้นไหลเข้าสู่ห้วงจิต ส่งผลให้ชายหนุ่มผมขาวแสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา ก่อนที่เรือนร่างจะค่อยๆ จางหายไปเหมือนก้อนเมฆบนท้องฟ้า…
“แล้วเราจะได้พบกันอีก” นั่นคือเสียงสุดท้ายที่หลินเป่ยเฉินได้ยิน
อาการปวดหัวของเขาหายไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า
แต่เพียงไม่นาน ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติ
ครั้งนี้ถือว่าเขาประมาทมากไปหน่อย
เด็กหนุ่มมองซากศพไร้ศีรษะของเว่ยหมิงเซวียนที่อยู่บนพื้นดินด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย
คิดไม่ถึงเลยว่าเว่ยหมิงเฉินกลับสามารถโจมตีผ่านทางพลังจิตได้ด้วย
ยังไม่ทันที่เว่ยหมิงเซวียนจะได้บอกข้อมูลสำคัญ หมอนี่ก็โดนฆ่าปิดปากไปเสียก่อน
นี่มัน…
ตัวจริงของเว่ยหมิงเฉินคงมีฝีมือเก่งกาจมากกว่านี้หลายเท่า
หลินเป่ยเฉินกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ
ทำไมเว่ยหมิงเฉินถึงได้มีพลังจิตแข็งแกร่งนักนะ?