ตอนที่ 826 ตัวตนที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉิน
หลังจากเฝ้าสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิดตลอดทั้งวัน ในที่สุด หลู่เหวินหยวนผู้วิตกกังวลก็สามารถโล่งอกได้อย่างแท้จริง เนื่องจากกองทัพชาวทะเลไม่มีทีท่าว่าจะยกขบวนบุกเข้ามาโจมตีอีกเลย มิหนำซ้ำ นักรบชาวทะเลระดับสูงยังถูกไล่ล่าสังหารอย่างต่อเนื่อง ในค่ายที่พักของพวกมันเกิดการระเบิดหลายครั้งติดๆ กัน มีจอมเวทย์ต้องเสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บนับไม่ถ้วน… ถือว่าศึกครั้งนี้ กองทัพชาวทะเลพ่ายแพ้อย่างยับเยิน
“น่าเสียดายตอนที่ข้าสังหารพวกมันไม่ได้พกถุงเก็บสมบัติติดตัวไปด้วย มิฉะนั้น ศูนย์อาหารทะเลคงมีวัตถุดิบวางจำหน่ายอีกมากมายทีเดียว”
“มันเป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกันนะ? อ๋อ ก็เป็นเพราะว่าผู้บัญชาการรบเหยียนอิงหลงเสน่ห์ของข้าเข้าให้แล้วน่ะสิ”
“ด้วยใบหน้าอันหล่อเหลาของข้า ข้าคิดจะทำสิ่งใดก็ได้ นางบอกข้าว่านางยินดีตกเป็นของข้าเสียด้วยซ้ำ”
“ยิ่งไปกว่านั้น เหยียนอิงยังสัญญาว่าจะช่วยข้านำเข้าอาหารทะเลเพื่อให้แหล่งอาหารของพวกเรามั่นคงมากยิ่งขึ้น…”
“ดูนี่สิ นี่เรียกว่าปิ่นปักผมเจ้าสมุทร เป็นหยกคุณภาพสูงที่ใช้งานในราชวงศ์ซีไห่เท่านั้น พวกท่านเคยเห็นหรือไม่? ถ้ายังไม่เคยเห็น ก็จงเข้ามาดูให้เต็มตา…”
“มีใครอยากจะถามอะไรอีกไหม? ถ้าเหยียนอิงไม่ได้หลงรักข้าจริง นางก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องทำถึงขนาดนี้ แต่พวกท่านคงไม่เข้าใจ เพราะไม่ได้มีหน้าตาหล่อเหลาอย่างข้าสักหน่อย”
“เฮ้อ เกิดมาหล่อมันก็น่าเหนื่อยใจเช่นนี้นี่เองสินะ”
“ตอนที่ข้าเดินกลับออกมา เหยียนอิงถึงกับแต่งกลอนรักให้ข้าด้วยว่า ‘สองคนครองคู่รักตลอดไป ไม่มีวันแยกจากชั่วนิรันดร์’ พวกท่านคิดดูสิว่าหากข้ากับนางสองคนร่วมมือกัน ในโลกนี้ยังจะต้องกลัวผู้ใดอีก”
หลินเป่ยเฉินป่าวประกาศด้วยความภาคภูมิใจกึกก้องป้อมบัญชาการรบ
เหล่านายทหารที่มารวมตัวกันอยู่ขณะนี้ หนึ่งในนั้นก็คือเสี่ยวเย่ เขากำลังจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความพิศวงงงงวย สีหน้าแสดงออกถึงความเคารพเทิดทูนเป็นที่สุด
นี่คือครั้งแรกที่เหล่าทหารทุกคนได้ทราบว่าการเกิดมามีรูปโฉมหล่อเหลามีข้อดีอย่างไรบ้าง นี่คือครั้งแรกที่พวกเขาได้รับทราบว่าต่อให้เป็นหญิงงามเลิศในปฐพี ก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้แก่ความหล่อเหลาของบุรุษหนุ่มอยู่ดี
หลู่เหวินหยวนและนายทหารระดับสูงที่นั่งอยู่ในวงประชุมต่างก็นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา เพราะพวกเขาเองก็ตกตะลึงไม่แพ้นายทหารทั้งหลายเช่นกัน
โดยเฉพาะบทกลอนรักนั้น…
สองคนครองคู่รักตลอดไป ไม่มีวันแยกจากชั่วนิรันดร์
เหตุไฉนจึงได้มีความรักลึกซึ้งถึงเพียงนี้?
เมื่อได้รับฟังกลอนบทนี้ ทุกคนก็รู้เป็นอย่างดีว่าผู้ที่แต่งกลอนออกมากำลังตกอยู่ในความรัก และแม้แต่เหล่าทหารกล้าผู้รบราฆ่าฟันศัตรูด้วยความดุดัน ก็ยังอดตบเข่าฉาดชื่นชมในความหวานหยดย้อยนี้ไม่ได้
คิดไม่ถึงเลยว่าผู้บัญชาการรบของชาวทะเลอย่างแม่นางเหยียนอิงจะเป็นพวกเจ้าบทเจ้ากลอนและอ่อนหวานขนาดนี้
เฮ้อ
น่าสงสารยิ่งนัก
น่าสงสารที่นางต้องมาพบเจอกับเศษสวะเช่นหลินเป่ยเฉิน
เหยียนอิงถึงกับเขียนกลอนรักให้เขา แต่เขากลับจำได้เพียงสองท่อนแรกเท่านั้น หลินเป่ยเฉินจำไม่ได้อีกแล้วว่าท่อนที่เหลือต่อจากนี้มีอะไรบ้าง
ไม่มีผู้ใดจะเป็นเศษสวะบัดซบมากไปกว่านี้อีกแล้ว
ไม่รู้เพราะเหตุใด ขณะนี้ พวกของหลู่เหวินหยวนกลับเริ่มรู้สึกเห็นอกเห็นใจผู้บัญชาการรบของชาวทะเลขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
นางเป็นเด็กสาวผู้สูงส่งและมีฝีมือเก่งกาจ
แต่กลับต้องถูกหลินเป่ยเฉินหลอกใช้
ต้องโทษว่าเขาจิตใจร้ายกาจเกินไป
ในป้อมบัญชาการรบขณะนี้ บังเกิดเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี
บรรยากาศแปลกประหลาด
แน่นอนทุกคนทราบว่าหลินเป่ยเฉินมีพลังอยู่ในขั้นเซียน และระดับพลังในการต่อสู้ของเขานั้นก็สูงล้ำมากกว่าผู้มีพลังขั้นเซียนด้วยกัน อีกทั้งความดีความชอบที่เด็กหนุ่มสร้างสรรค์ตลอดเวลาที่ผ่านมา ก็สมควรที่เขาจะได้รับการยกย่องด้วยความเคารพเทิดทูนอย่างบริสุทธิ์ใจ
แต่เมื่อได้รับฟังเรื่องราวที่หลินเป่ยเฉินโปรยเสน่ห์ให้ศัตรูหลงรัก ในหัวใจของทุกคนกลับต้องเรียกขานหลินเป่ยเฉินว่าเป็นเศษสวะจอมหลอกลวง เป็นเด็กหนุ่มจอมเสเพลมากราคะ และเป็นเจ้าลูกเต่าตัวแสบที่หาตัวจับยาก
บางทีนี่อาจเป็นตัวตนที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉินก็ได้
หลู่เหวินหยวนแอบคิดอยู่ในใจ
และด้วยคำพูดรวมถึงกิริยาท่าทางของหลินเป่ยเฉินขณะนี้ จึงทำให้หลายคนไม่รู้ว่าจะเข้าไปตีสนิทเด็กหนุ่มได้อย่างไรดี
เมื่อเกาเฉิงฮั่นเดินเข้ามา เสียงโห่ร้องในห้องโถงใหญ่ก็หายวับไปในพริบตา
ป้อมบัญชาการรบตกอยู่ในความเงียบ
เรื่องราวต่อไปหลังจากนี้จะเป็นการวางแผนการรบและยุทธศาสตร์การรับมือเหตุการณ์ทางการเมืองที่จะตามมา
ระหว่างการประชุม อยู่ดีๆ หลินเป่ยเฉินก็มีอาการเงียบสงบขึ้นมาทันตาเห็น เขาไม่ส่งเสียงขัดจังหวะผู้ใดแม้แต่คำเดียว เด็กหนุ่มได้แต่เอามือเท้าคาง ดวงตาเหม่อลอย ท่าทางเบื่อหน่าย ไม่สามารถรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับวงประชุมที่เคร่งเครียดได้เลยแม้แต่ลมหายใจเดียว
สุดท้าย เขาก็ฟุบหลับคาโต๊ะประชุมหน้าตาเฉย
เมื่อนายทหารร่วมโต๊ะประชุมเห็นดังนั้น ทุกคนกลับยึดถือว่านี่คือเรื่องปกติ
ก็เมื่อคืนนี้คุณชายหลินออกไปทำงานหนักเพื่อนครเจาฮุยมาแล้วนี่นะ
และเมื่อการประชุมดำเนินมาได้ครึ่งทาง หลินเป่ยเฉินก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป การอยู่ร่วมวงประชุมในครั้งนี้ ไม่ต่างจากถูกจับให้ไปนั่งเรียนวิชาคณิตศาสตร์ที่เขาเกลียดชังเลยแม้แต่น้อย
สุดท้าย เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นปิดปากหาวและเดินออกจากห้องประชุมมาดื้อๆ เสียอย่างนั้น
ทุกคนรู้ ทุกคนเห็น
แต่ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้าน
เกาเฉิงฮั่นทำได้เพียงส่ายศีรษะและยิ้มออกมาเล็กน้อยเท่านั้น
…
เมื่อกลับออกมาจากกำแพงเมืองเขตหนึ่ง หลินเป่ยเฉินก็นำโทรศัพท์มือถือออกมาดูความคืบหน้า กระบวนการอัปเกรดผ่านไปแล้ว 11 เปอร์เซ็นต์ ดูเหมือนว่าการอัปเกรดจะดำเนินไปเร็วมากกว่าที่เขาคิด
เด็กหนุ่มนึกอะไรได้บางอย่าง จึงไม่ได้กลับไปที่หมู่บ้านผู้อพยพ แต่เขาลอบเข้าไปในพื้นที่เมืองเขตสี่
หลังจากนั้นไม่นาน
หลินเป่ยเฉินมาปรากฏตัวอยู่หน้าจวนสกุลหลิง
เขาแอบเข้าไปด้านใน
นี่คือครั้งแรกที่เด็กหนุ่มมาที่นี่หลังจากมาถึงนครเจาฮุย
ตระกูลหลิงถือเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ จึงสามารถซื้อหาที่ดินในพื้นที่เมืองเขตสี่ได้อย่างไม่มีปัญหา ถึงแม้จวนสกุลหลินจะไม่ได้มีขนาดใหญ่โต แต่มันก็มีความสวยงามสง่าสูงส่ง ไม่เลิศหรู แต่เปี่ยมด้วยเสน่ห์ เมื่อรวมเข้ากับทิวทัศน์รอบข้าง มันจึงกลายเป็นที่อยู่อาศัยในฝันของใครหลายคน