ตอนที่ 828 ข้าชอบท่านแต่เพียงผู้เดียว
“แต่ดูเหมือนมารดาของเจ้าจะไม่ชอบข้าสักเท่าไหร่”
หลินเป่ยเฉินพูด
ทั้งสองคนต่างใช้โขดหินใหญ่แทนเก้าอี้นั่ง
“ไม่จริง มารดาชื่นชอบท่านจะตาย” หลิงเฉินยังคงถือดอกบัวขาวอยู่ในมือแนบแน่นขณะที่พูดว่า “ครั้งหนึ่งมารดาถึงกับกล่าวว่ากวาดตาดูทั่วจักรวรรดิเป่ยไห่ ไม่มีผู้ใดจะเลิศล้ำไร้คู่แข่งมากไปกว่าท่านพี่เป่ยเฉินอีกแล้ว”
“นั่นมันก็แน่นอนอยู่แล้วไม่ใช่หรือ?” หลินเป่ยเฉินพูดสวนกลับไปทันที “นับดูในดินแดนนี้ จะมีเด็กหนุ่มคนไหนสามารถเป็นคู่ต่อกรของข้าได้อีก”
“อิอิ ท่านพี่หลงตัวเองจริงๆ” หลิงเฉินยิ้มหวานและกล่าวว่า “แต่ข้าก็คิดว่าท่านพูดถูกแล้ว”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความพอใจ “ย่อมแน่นอน เพราะข้าไม่เคยพูดโกหกแม้แต่คำเดียว”
“แต่ว่าในเมื่อมารดาของเจ้าชอบข้าขนาดนั้น แล้วทำไมถึงไม่อยากให้ข้าใกล้ชิดกับเจ้าล่ะ? หรือนางคิดว่าเจ้าไม่คู่ควรกับข้า?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง
นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยหาคำตอบได้เลย
“นั่นเป็นเพราะว่าในร่างกายของข้ามีปัญหาบางอย่างตั้งแต่เกิด ในแผ่นดินตงเต้าแห่งนี้ ไม่มีผู้ใดนอกจากเว่ยหมิงเฉินจะสามารถช่วยเหลือข้าได้ ไม่นานหลังจากที่ข้าเกิด มารดาก็พาข้าไปเข้ารับการรักษาที่ตระกูลเว่ย พวกเขาสามารถช่วยเหลือข้าในตอนที่เป็นทารกได้สำเร็จ และสัญญาการหมั้นหมายระหว่างข้ากับเว่ยหมิงเฉินก็เกิดขึ้นในตอนนั้น”
“มารดาของข้ากลัวว่าหากท่านมาใกล้ชิดข้ามากเกินไป ตระกูลเว่ยอาจเกิดความไม่พอใจ และยกเลิกการแต่งงานก็เป็นได้ ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีผู้ใดรักษาอาการของข้าได้อีก มารดาของข้าจึงยินดีทำทุกวิถีทางเพื่อช่วยเหลือข้าให้ได้ ต่อให้นางจะรู้ว่าข้าไม่ชอบเว่ยหมิงเฉินเลยสักนิด แต่มารดาก็ยังอยากให้ข้าแต่งงานกับเขาอยู่ดี…”
หลิงเฉินอธิบายรายละเอียด
หืม?
เรื่องราวทั้งหมดมีที่มาที่ไปอย่างนี้เองสินะ?
หลินเป่ยเฉินพลันนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
ไม่ต้องสงสัยเลย
หลินเป่ยเฉินไม่สงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใดชินหลันซูถึงไม่เคยมองเห็นเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาและสมบูรณ์แบบเช่นเขาอยู่ในสายตาเลยสักครั้ง
ที่แท้ก็มีเหตุผลซ่อนอยู่นี่เอง
ปริศนาถูกไขกระจ่างแล้ว
“อาการในตัวเจ้าคืออะไร? จริงหรือที่ในโลกนี้ นอกจากเว่ยหมิงเฉินแล้วจะไม่มีใครสามารถรักษาเจ้าได้?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน”
หลิงเฉินส่ายหน้าและกล่าวต่อ “ในร่างกายของข้ามีผู้คนอีกคนหนึ่งซ่อนตัวอยู่ ถึงแม้ข้าจะเข้ากับนางได้ดี แต่มารดาบอกว่านั่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหา ไม่ช้าก็เร็ว อีกคนหนึ่งในร่างกายของข้าจะทำให้พวกเราต้องตายด้วยกันทั้งคู่ ตอนแรกเกิด ตระกูลเว่ยสามารถช่วยชีวิตของข้าได้สำเร็จ แต่ก็มีข้อแลกเปลี่ยนคือข้าจะต้องแต่งงานกับเว่ยหมิงเฉินเมื่อมีอายุ 18 ปีบริบูรณ์ และหลังจากนั้น อาการผิดปกติของข้าก็จะถูกรักษาหายขาดตลอดกาล”
หลินเป่ยเฉินชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำนั้น
ปริศนามากมายที่ก่อนหน้านี้เขาไม่มีคำตอบ บัดนี้คำตอบทุกอย่างก็ได้ปรากฏออกมาแล้ว
ปรากฏว่านี่ไม่ใช่สัญญาการแต่งงานธรรมดาทั่วไป
“ข้าเชื่อว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้หรอกนะ” หลินเป่ยเฉินเอื้อมมือออกไปกุมมือหลิงเฉินแผ่วเบาและพูดว่า “มันต้องมีหนทางอื่นสิ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าในโลกนี้จะมีเพียงเว่ยหมิงเฉินคนเดียวที่สามารถช่วยเหลือเจ้าได้”
หลิงเฉินหน้าแดงระเรื่อ แกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ ปล่อยให้หลินเป่ยเฉินจับมือตนเองต่อไป
ส่วนมืออีกข้างของนางที่ถือดอกบัวขาวขยับเล็กน้อย ก่อนพูด “ข้าได้ยินมาว่าเว่ยหมิงเฉินเป็นบุคคลที่หล่อเหลาที่สุดในมณฑลเฉียนเกา มีระดับพลังไม่ต่ำต้อยไปกว่าท่านพี่เป่ยเฉิน อีกทั้งยังมีตำแหน่งทางการเมืองสูงส่ง เขาเป็นขุนนางรุ่นใหม่ที่ถูกจับตามองเป็นอย่างยิ่งในจักรวรรดิขณะนี้ ข้าได้ยินข่าวลือมาว่าแม้แต่คนของทางวังหลวง ก็ยังต้องเกรงใจเว่ยหมิงเฉินเลยด้วยซ้ำ…”
หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไป
หลิงเฉินนั่งอยู่ตรงหน้าเขาแท้ๆ แต่กลับพูดจาชื่นชมบุรุษหนุ่มคนอื่นหน้าตาเฉย?
แต่เด็กสาวก็ส่งยิ้มหวานให้แก่หลินเป่ยเฉินก่อนกล่าวว่า “บางทีเขาอาจจะเป็นบุคคลที่มีฝีมือเก่งกาจและมีตำแหน่งสูงส่งก็จริง แต่มันก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า เพราะข้าชอบท่านแต่เพียงผู้เดียว”
นี่คือครั้งแรกที่นางสารภาพรักออกมาอย่างจริงจัง
และนี่คือครั้งแรกของหลิงเฉิน ไม่ว่าจะเป็นตัวตนใดก็ตาม ที่นางกล้ายอมรับความจริงในข้อนี้
การสารภาพรักอันบริสุทธิ์เกิดขึ้นท่ามกลางสายลมฤดูหนาวที่พัดผ่าน
เป็นเวลาหลายอึดใจทีเดียวที่หลินเป่ยเฉินไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
“ความจริงนั้น ข้าเคยพบท่านก่อนที่เราจะเจอกันในค่ายเก็บตัวผู้เข้าแข่งขันประจำเมือง”
“ตอนที่ข้ายังเป็นเด็ก พี่สาวของท่านมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วจักรวรรดิ ข้ารู้เพียงแต่ว่าพี่สาวของท่านมีฝีมือเก่งกาจ เป็นไข่มุกเม็ดงามของจักรวรรดิเป่ยไห่ ข้าเคยติดตามพี่สาวของท่านไปยังจวนตระกูลหลินอยู่บ่อยครั้ง และนั่นเองที่ทำให้ข้าได้พบเจอกับท่านพี่เป่ยเฉินในที่สุด…”
“แต่หลังจากนั้น บิดามารดาของข้าก็ไม่อนุญาตให้ข้าเที่ยวติดตามพี่สาวของท่านอีก และพี่สาวของท่านก็เดินทางไปเรียนต่อที่ต่างเมือง นั่นทำให้ข้าไม่ได้ไปที่จวนตระกูลหลินอีกเลย…”
“และตอนที่ท่านพี่เป่ยเฉินยังเป็นเด็ก ท่านก็โด่งดังมากในกลุ่มเด็กผู้หญิง มีพวกนางมาห้อมล้อมอยู่รอบกายท่านเต็มไปหมด…”
หลิงเฉินกล่าวด้วยสีหน้าเขินอาย
เดิมที หลินเป่ยเฉินส่งยิ้มให้อย่างอบอุ่น แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหลิงเฉินทั้งหมด หัวใจของเขาก็กระตุกวูบด้วยความรู้สึกบางอย่าง
ผิดแล้ว
คนที่หลิงเฉินหลงรักก็คือ… หลินเป่ยเฉินคนเก่า
นางหลงรักเขามานานแล้ว
หลงรักก่อนที่เขาจะทะลุมิติมาอยู่ในร่างของหลินเป่ยเฉินเสียอีก
พูดอีกอย่างก็คือ…
หลิงเฉินไม่ได้ชอบ ‘หลินเป่ยเฉิน’ คนนี้
“ท่านพี่เป่ยเฉินเป็นอะไรไป?” เด็กสาวเห็นสีหน้าของหลินเป่ยเฉินเปลี่ยนไป อีกทั้งฝ่ามือของเขาที่กุมมือนางอยู่ก็แผ่ความร้อนออกมาโดยไม่รู้ตัว จนมือของนางเกิดความรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย
“หา? อ้อ ไม่มีอะไรหรอก…” หลินเป่ยเฉินรีบพูด “ข้าแค่ซาบซึ้งใจมากน่ะ ปรากฏว่าเจ้าหลงรักข้ามาตั้งนานแล้ว…”
หลินเป่ยเฉินไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีไปกว่านี้
“ตอนที่ข้าพบเจอท่านในค่ายเก็บตัวผู้เข้าแข่งขัน ข้าก็รู้ทันทีเลยว่าในตัวท่านมีเสน่ห์บางอย่างที่ดึงดูดให้ข้าเข้าหาอยู่ตลอดเวลา และครั้งนั้น แม้แต่ตัวข้าอีกคนหนึ่งก็ยังไม่ขัดขวางการเข้าหาท่าน…”
หลิงเฉินยิ้มออกมาอย่างอ่อนหวาน
วันนี้นางพูดมากเป็นพิเศษ
นางพูดความรู้สึกออกมาจากใจจริง
ความรู้สึกที่เก็บซ่อนอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจเนิ่นนาน บัดนี้ถูกเปิดเผยออกมาหมดสิ้น
หลินเป่ยเฉินค่อยๆ ปล่อยมือของนางออกและพูดว่า “ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้าตกไปอยู่ในกำมือเว่ยหมิงเฉินแน่นอน ไม่ต้องเป็นกังวล ข้าจะต้องหาทางรักษาอาการของเจ้าให้ได้ และข้าจะปลดปล่อยเจ้าให้เป็นอิสระ”
เมื่อหลิงเฉินได้ยินดังนั้น นางก็ยิ้มกว้างและเอนศีรษะเข้ามาซบลงบนหัวไหล่ของเขา ราวกับต้องการจะประกาศว่าเขาคือบุคคลที่นางเชื่อใจมากที่สุดในโลก
กล้ามเนื้อหัวไหล่ของหลินเป่ยเฉินแข็งเกร็ง
นี่คือชั่วขณะแห่งความรัก แต่ในหัวใจของเด็กหนุ่มกลับรู้สึกเศร้าอย่างประหลาด
นี่ไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้เลย
เหตุการณ์นี้ทำให้เขานึกถึงชีวิตของตัวละครผู้น่าสงสารนามว่าฮึงลี้ในเรื่องดาบมังกรหยก นางเคยพบเจอเตียบ่อกี้ซึ่งเป็นพระเอกตั้งแต่วัยเด็ก หลังจากนั้นจึงห่างหายกันไปและกลับมาพบเจอกันอีกครั้งในยามที่เตียบ่อกี้ปลอมแปลงตัวเข้ามาในวัยหนุ่ม โดยที่นางก็ไม่รู้ว่าเตียบ่อกี้คืออดีตรักครั้งแรกของตนเองในวัยเยาว์ แต่นางกลับหลงรักเขาอย่างหมดหัวใจ…
ความรู้สึกอันขมขื่นในจิตใจของหลินเป่ยเฉินขณะนี้ไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้เลย
หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าหากคู่ของเตียบ่อกี้กับฮึงลี้มาพบเจอเรื่องราวอย่างคู่ของเขาบ้าง บุคคลทั้งสองก็คงพากันไปกระโดดน้ำตายด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้าแน่นอน…