บทที่ 86 อัพเดทระบบอีกครั้ง
“เจ้าคิดว่าไงล่ะ?” หลิงไท่ซวีถามเสียงเข้ม “จริงอยู่ที่เจ้ายังมีพลังลมปราณอ่อนด้อย สามารถฝึกวิทยายุทธ์ระดับ 2 ดาวได้เพียงทางทฤษฎีเท่านั้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น ข้าก็ยังคงจะอุตส่าห์มอบคัมภีร์เหล่านี้ให้เจ้า? เพราะฉะนั้น เจ้าจงเป็นคนรักของหลานสาวข้าเสีย รีบพัฒนาตนเอง และกลายเป็นสุดยอดมือกระบี่แห่งใต้หล้าให้ได้…”
หลินเป่ยเฉินไม่รู้จะพูดอย่างไรดี
อาจารย์ใหญ่คนนี้นอกจากลุ่มหลงในราคะแล้ว ยังเป็นพวกเพ้อฝันอีกด้วย
เด็กหนุ่มก้มหน้ามองคัมภีร์วิชาย่องหาโฉมสะคราญในมือ
นี่ก็เป็นวิชาตัวเบาระดับสองดาวเช่นกัน
รายละเอียดในคัมภีร์ก็เหมือนการฝึกวิชาตัวเบาที่เคยเห็นในนิยายกำลังภายในของโลกมนุษย์
ต้องยอมรับเลยว่าคัมภีร์ฝึกวิชาที่อาจารย์ใหญ่มอบให้นี้ เหมาะสมกับระดับฝีมือของหลินเป่ยเฉินในปัจจุบันเป็นอย่างยิ่ง
วิชากระบี่รักนิรันดร์ช่วยทำให้หลินเป่ยเฉินมีไม้เด็ดไว้คอยจัดการคู่ต่อสู้มากกว่าวิชากระบี่สามพิฆาตเพียงอย่างเดียว ส่วนวิชาย่องหาโฉมสะคราญ จะช่วยแก้ไขเรื่องจุดอ่อนวิชาตัวเบาของเขาได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
เท่ากับว่าคัมภีร์ทั้งสองเล่มนี้จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้หลินเป่ยเฉินในทุกๆ ด้าน
เพราะฉะนั้น เด็กหนุ่มจึงรับมาโดยไม่ลังเล
“แต่อาจารย์ใหญ่ขอรับ อาจารย์พอจะมีคัมภีร์เกี่ยวกับพลังจิตให้ข้าน้อยฝึกฝนบ้างหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินสบโอกาสเหมาะจึงถามออกไปตรงๆ
หลิงไท่ซวีสำรวจเด็กหนุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง แล้วจึงถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจ “นี่เจ้าก็ฝึกพลังจิตด้วยหรือ?”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม ก่อนบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในค่ายพักระหว่างการแข่งขันให้ชายชรารับฟัง
“อุ๊บ๊ะ หลานสาวข้ารุกเก่งไม่เบาเหมือนกันนะเนี่ย!”
หลิงไท่ซวีเดาะลิ้นในปากด้วยความสนเท่ห์ พูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเจ้าก็มีความหวังมากแล้ว รีบพยายามเผด็จศึกนางให้ได้โดยเร็ววันแล้วกัน หลังจากนั้น นางก็จะเป็นของเจ้าโดยสมบูรณ์ โปรดจำไว้ว่าวิธีรวดเร็วที่สุดที่จะได้ครอบครองหัวใจสตรีก็คือการ…”
หลินเป่ยเฉินอยากจะยกมือขึ้นอุดหูจริงๆ
“ไม่ต้องพูดก็ได้ไหมลุง ขืนลุงยังพล่ามไม่หยุดแบบนี้ นิยายเรื่องนี้คงได้ติดเรท 20 + แหงๆ”
“เอาเป็นว่า…ข้าไม่มีคัมภีร์เกี่ยวกับการฝึกพลังจิตให้เจ้าหรอก” หลิงไท่ซวีพลันเปลี่ยนเรื่องกะทันหันและรีบให้เหตุผลว่า “สถานศึกษากระบี่ที่ 3 มีแต่พวกไร้ความสามารถทั้งนั้น เรียนจบไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครฝึกพลังจิตสำเร็จสักคน เพราะฉะนั้น สถานศึกษาของเราจึงไม่มีคัมภีร์เกี่ยวกับพลังจิตมาก่อน”
หลินเป่ยเฉินยิ่งพูดไม่ออกมากกว่าเดิม
“แต่พวกไร้ความสามารถที่ลุงพูดถึงเนี่ย ก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงหน้าลุงตอนนี้ไม่ใช่หรือไง?”
“เจ้าหนู อาจารย์ใหญ่จะสอนเจ้าก็แล้วกันนะว่า อย่าเพิ่งรีบทำอะไรที่มันเกินตัวเจ้าเลยจะดีกว่า” หลิงไท่ซวีกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่งสอน “ตอนนี้เจ้าฝึกฝนวิชากระบี่รักนิรันดร์กับวิชาย่องหาโฉมสะคราญให้เรียบร้อยก่อนเถอะ หลังจากนั้น ค่อยคิดจะไปฝึกวิชาอื่นต่อ”
หลินเป่ยเฉินยังคงพูดอะไรไม่ออกอยู่ดี
“หรือว่าตาลุงนี่จะใช้พลังจิตไม่เป็นกันแน่นะ?”
ภายใต้การจ้องมองเขม็งของหลินเป่ยเฉิน หลิงไท่ซวีพลันเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมาชอบกล เขากลอกตามองบน รีบเปลี่ยนเรื่องพูดอีกครั้งด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “โบราณกล่าวไว้ว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เพราะฉะนั้น ข้าจะบอกความลับบางอย่างให้เจ้าฟัง มาหาข้าสิ”
หลินเป่ยเฉินลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกลั้นหายใจ เดินเข้าไปหาชายชรา “อันที่จริง เราสามารถใช้พลังจิตสื่อสารกันได้ไม่ใช่หรือขอรับ?”
หลิงไท่ซวีพูดว่า “แบบนั้นมันจะสนุกตรงไหน สู้กระซิปใส่หูกันไม่ได้หรอก”
หลินเป่ยเฉินไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว
“แต่กระซิบแบบนี้ ข้าน้อยก็ว่าไม่สนุกเหมือนกันขอรับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยความอึดอัดใจ
หลิงไท่ซวีตัดบทด้วยการพูดออกมาว่า “หลานสาวของข้าเป็นคนแปลกประหลาดอยู่สักหน่อย นางชอบนำเสื้อผ้าบุรุษมาสวมใส่ โดยเฉพาะชุดเครื่องแบบทหาร หากเจ้าอยากเข้าหานาง ลองสวมใส่ชุดทหารดูสิ…”
…
เมื่อกลับออกมาจากห้องอาจารย์ใหญ่แล้ว หลินเป่ยเฉินก็มีสีหน้ามึนงง สับสน พูดอะไรไม่ออก
รู้สึกมั่นใจว่าหลิงไท่ซวีต้องเป็นอาจารย์ใหญ่ที่ไม่เอาไหนที่สุดในโลกนี้แล้ว
หลิงไท่ซวีเรียกเขามาพบในวันนี้ ก็เพียงเพื่ออยากจะดูหน้าว่าหลินเป่ยเฉินเป็นเด็กหนุ่มลักษณะใด ถึงสามารถพิชิตใจหลานสาวแสนเย็นชายิ่งกว่าภูเขาน้ำแข็งของตนเองได้สำเร็จ
ส่วนเรื่องที่หลินเป่ยเฉินคว้าตำแหน่งอันดับสองในการแข่งขันประลองความสามารถประจำเมืองและสร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่เกรียงไกรให้แก่สถาบันนั้น อาจารย์ใหญ่ไม่เอ่ยถึงเลยแม้แต่คำเดียว
หลังกลับมาถึงตำหนักไม้ไผ่ พ่อบ้านหวังจงก็มายืนรอต้อนรับเด็กหนุ่มอยู่ที่ประตูรั้ว
“อ๊ะ ในที่สุดนายน้อยก็กลับมาแล้ว ข้าน้อยคิดถึงท่านเหลือเกิน…”
หวังจงรีบวิ่งเข้ามาคุกเข่ากอดขาหลินเป่ยเฉินแนบแน่น พร้อมกันนั้นก็ร่ำร้องด้วยความตื้นตันใจเสียเต็มประดา
“หลีกทางไปซะ อย่ามาเกะกะข้า”
หลินเป่ยเฉินเตะชายชรากลิ้งกระเด็นไปโดยไม่รู้ตัว
แล้วเขาก็นึกเสียใจที่ทำอย่างนั้น
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินจำเป็นต้องทุบตีพ่อบ้านหวังต่อไปเพื่อสร้างภาพลักษณ์คงเดิมไม่ให้ใครสงสัย แต่ปรากฏว่าเมื่อทำซ้ำนานๆ เข้า มันก็กลายเป็นนิสัยของเขาโดยไม่รู้ตัว
ทั้งที่พ่อบ้านหวังดีกับเขามากแท้ๆ
“สงสัยฉันต้องทำดีกับพ่อบ้านหวังให้มากกว่านี้สักหน่อยแล้ว”
แต่ทว่า…
“ฮื่อ ในที่สุดนายน้อยก็กลับมาเตะข้าอีกครั้ง ข้าน้อยมีความสุขเหลือเกิน…”
ชายชรากระโดดลุกขึ้นพูดด้วยความตื่นเต้น “ตลอด 10 วันที่ผ่านมา เมื่อไม่มีนายน้อยคอยทุบตีรังแกข้า พ่อบ้านหวังจงคนนี้ช่างรู้สึกว่าชีวิตไร้ความหมายเหลือเกิน ต่อจากนี้ไป นายน้อยโปรดเตะข้าได้ตามสบาย ไม่มีอะไรทำให้ข้าน้อยมีความสุขได้มากเท่านี้อีกแล้วขอรับ”
หลินเป่ยเฉินไม่รู้ว่าควรตอบรับอย่างไรดี
เอาเป็นว่าปล่อยไปแบบนี้ก่อนก็แล้วกัน
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มเดินเข้าไปในตัวบ้านพัก
“ยินดีต้อนรับเจ้าค่ะ นายน้อย”
เสียงที่อ่อนหวานพลันดังขึ้นพร้อมกันสี่ทิศทาง
ในห้องนั่งเล่นขณะนี้ ปรากฏเด็กสาวอายุ 15 ปีสวมใส่ชุดกระโปรงหรูหราสวยงาม โค้งตัวทำความเคารพหลินเป่ยเฉินด้วยความนอบน้อม
หลินเป่ยเฉินตกใจสะดุ้งโหยง
“นี่มันอะไรกัน? พวกนางเป็นใคร?”
เด็กหนุ่มหันไปมองหน้าหวังจง
พ่อบ้านหวังเดินยิ้มเข้ามา ตอบว่า “เซียงคุนเป็นคนส่งหญิงรับใช้เหล่านี้มาให้นายน้อยขอรับ…”
เซียงคุน?
หลินเป่ยเฉินเอียงคอใช้ความคิดอยู่พักใหญ่ สงสัยคงเป็นหนึ่งในพวกคู่อริที่เคยมาดักรอเขาอยู่หน้าสถานศึกษานั่นกระมัง ว่าแต่มันจะส่งคนมารับใช้เขาทำไมกันนะ?
“ไล่พวกนางกลับไป” เด็กหนุ่มโบกมือด้วยความเย็นชา
“แต่นายน้อยขอรับ…”
พ่อบ้านหวังเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง
หลินเป่ยเฉินกระโดดถีบชายชราล้มกลิ้งลงไปอีกรอบ “ข้าบอกให้ไล่พวกนางไป เจ้าก็ไล่พวกนางไปซะ”
แล้วเด็กหนุ่มก็เดินกลับเข้าห้องพักของตนเองทันที เขาจัดการต้มน้ำอุ่นใส่อ่างอาบน้ำ เมื่อลงไปนอนแช่แล้ว ถึงได้หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู
ระหว่างผจญภัยอยู่ในป่าต้องห้าม โทรศัพท์มือถือส่งเสียงว่ามีข้อความแจ้งเตือนที่เขายังไม่ได้เปิดอ่าน
บัดนี้ เมื่อหลินเป่ยเฉินเปิดหน้าจอ ข้อความก็แจ้งเตือนขึ้นทันทีว่า…
“ตรวจพบการอัพเดทระบบปฏิบัติการ อัพเดทระบบเลยหรือไม่?”
หา?
อัพเดทระบบอีกแล้วเหรอ?
เพิ่งจะอัพเดทไปไม่นานเองนี่นา
ต่อให้เป็นโทรศัพท์ของปลอมก็เถอะ แต่ก็ไม่น่าอัพเดทระบบบ่อยขนาดนี้
อย่างไรก็ตาม การอัพเดทระบบถือเป็นเรื่องดี
เพราะมันจะทำให้โทรศัพท์มือถือมีฟังก์ชั่นใหม่ๆ ให้ได้ใช้งาน
มันช่วยทำให้หลินเป่ยเฉินสามารถเข้าใกล้การค้นพบวิธีกลับสู่โลกมนุษย์ได้อีกหนึ่งขั้น
เพราะเคยมีประสบการณ์มาแล้ว หลินเป่ยเฉินจึงกดตัวเลือกโดยไม่ลังเล…
“ใช่”
“ติ๊ง! คำเตือน การอัพเดทระบบจะใช้เวลา 5 ชั่วยาม จำเป็นต้องใช้การโอนถ่ายข้อมูลจำนวน 4 GB กรุณาตรวจสอบการเชื่อมต่อสัญญาณและพลังงานแบตเตอรี่ให้พร้อมอยู่เสมอ”
“ใช้ข้อมูล 4 GB?”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้ว่าพลังลมปราณในร่างกายของเขาตอนนี้ น่าจะเพียงพอไม่มีปัญหา
ส่วนเรื่องของแบตเตอรี่นั้น…
เด็กหนุ่มจัดการเตรียมเหรียญทองคำไว้ 5 เหรียญเพื่อชาร์จแบตโทรศัพท์ให้เต็มตลอดเวลา
จากนั้นการอัพเดทระบบก็เริ่มต้นขึ้น
บนหน้าจอโทรศัพท์ในขณะนี้ กำลังแสดงแถบสถานะสีเงิน ซึ่งบอกถึงการอัพเดทระบบที่เป็นไปอย่างเชื่องช้า
เมื่อเก็บโทรศัพท์กลับเข้าที่ หลินเป่ยเฉินก็ขึ้นจากอ่างอาบน้ำ เช็ดเนื้อเช็ดตัวสวมใส่เสื้อผ้า กระโดดขึ้นเตียงและหลับใหลไปทันที
เนื่องจากระหว่างการแข่งขัน หลินเป่ยเฉินแทบไม่มีเวลาได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ร่างกายของเขาตื่นตัวตลอดเวลา เมื่อมีโอกาสได้พัก เด็กหนุ่มจึงหลับเป็นตายรวดเดียวตลอด 5 ชั่วยามเต็ม
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
“นายน้อยขอรับ ได้เวลารับประทานอาหารกลางวันแล้ว!”
เสียงพ่อบ้านหวังที่มาเคาะประตูปลุกหลินเป่ยเฉินตื่นจากการหลับใหล
เขาลุกขึ้นนั่ง มองออกไปนอกหน้าต่าง พบว่าเป็นเวลายามบ่าย ดวงตะวันกำลังแผดแสงแรงกล้า
เด็กหนุ่มหย่อนขาลงจากเตียง
รู้สึกสดชื่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“เอาเข้ามาได้เลย”
ขณะที่พูด หลินเป่ยเฉินก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดู
การอัพเดทระบบเสร็จสิ้นแล้ว
แต่เมื่อจ้องมองหน้าจอ หลินเป่ยเฉินก็ต้องเบิกตาโต