ตอนที่ 860 เทพีกระบี่หิมะไร้นามคลุ้มคลั่ง
“แล้วถ้าจะชาร์จแบตให้เต็มต้องใช้เท่าไหร่?”
หลินเป่ยเฉินรวบรวมความกล้าถามออกไป
เสี่ยวจี้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น “ทุกครั้งที่ชาร์จแบตเตอรี่โทรศัพท์ นายท่านจำเป็นต้องใช้สิบ…”
ถึงตรงนี้ เสียงของเสี่ยวจี้ก็หยุดเล็กน้อย
สิบเหรียญทองคำ?
ก็ยังเท่าเดิมนี่นา
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่แล้วหูเขาก็ได้ยินเสียงเสี่ยวจี้กล่าวต่อว่า “…ก้อนของศิลาบูชาเจ้าค่ะ”
ใบหน้าของเด็กหนุ่มแข็งค้างในทันที
ร่างกายของเขาที่นั่งอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนถึงกับนิ่งเฉยราวถูกสาปให้เป็นหิน
“ต้องใช้สิบอะไรนะ?”
หลินเป่ยเฉินถามเสียงแหบแห้งเพราะคิดว่าตนเองหูฝาด
“ต้องใช้ศิลาบูชาสิบก้อนเจ้าค่ะ”
เสียงของเสี่ยวจี้ตอบกลับมาอย่างร่าเริง
หลินเป่ยเฉินตกตะลึงถึงกับพูดอะไรไม่ออก
แม้จำนวนตัวเลขจะเท่าเดิม แต่สิ่งของที่ต้องใช้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
เปลี่ยนจากเหรียญทองคำ
เป็นศิลาบูชา
ถ้าเขาจำไม่ผิด อัตราแลกเปลี่ยนระหว่างเหรียญทองคำกับศิลาบูชาอยู่ที่ 1 ต่อ 10,000
ศิลาบูชาหนึ่งก้อนมีค่าเท่ากับเหรียญทองคำ 10,000 เหรียญ
หรือพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็คือ การชาร์จโทรศัพท์ต่อไปนี้ ต้องใช้เงินครั้งละ 100,000 เหรียญทองคำ
แค่คิดก็ขนลุกแล้ว
ทำไมถึงได้เป็นอุปกรณ์ที่ผลาญเงินขนาดนี้นะ
หลินเป่ยเฉินมีความคิดที่จะลุกขึ้นยืนและขว้างโทรศัพท์มือถือทิ้งไปให้ไกลสุดหล้า
แต่เขาก็หยุดชะงัก
“นายท่านดูจะเครียดไปนะเจ้าคะ”
เสี่ยวจี้พูดขึ้นอีกครั้ง
“นี่เจ้าตรวจจับความรู้สึกได้ด้วยหรือ?” หลินเป่ยเฉินพูด “เป็นความสามารถใหม่หลังการอัปเกรดหรือไง?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” ผู้ช่วยสาวในโทรศัพท์มือถือตอบกลับมา “แต่เสี่ยวจี้อ้างอิงจากระดับการเต้นของหัวใจและสีหน้าของนายท่านเจ้าค่ะ”
“งั้นเจ้าก็คงรู้ใช่ไหมว่าข้าเริ่มเบื่อเสียงของเจ้าแล้ว?”
เด็กหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้าง
เสี่ยวจี้ยังคงตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานไม่เปลี่ยนแปลง “ไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ นายท่านแค่ต้องใช้อัตราการโอนถ่ายข้อมูล 10 GB และศิลาบูชาหนึ่งก้อนเท่านั้น นายท่านก็จะสามารถดาวน์โหลดเสียงใหม่ๆ มาใช้งานได้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเสียงของเด็กน้อย เสียงของวัยรุ่นสาว เสียงของเด็กหญิง ไปจนถึงเสียงของคนดัง อาทิ หลี่อวี้เจี๋ย ซุนเฟยเฟย สวีไคเฉิง…นายท่านสามารถเลือกเสียงได้ตามใจชอบเลยเจ้าค่ะ”
หัวใจของหลินเป่ยเฉินเต้นระรัว
แต่เมื่อนึกได้ว่าการเปลี่ยนเสียงมีค่าใช้จ่ายเป็นศิลาบูชาถึงหนึ่งก้อน เขาก็เลิกล้มความคิดที่จะเปลี่ยนเสียงไปทันที
แค่ใช้ศิลาบูชาชาร์จแบตโทรศัพท์เพียงอย่างเดียว เขาก็แทบจะล้มละลายแล้ว
“ชาร์จแบตโทรศัพท์อย่างเดียวก่อน”
หลินเป่ยเฉินดาวน์โหลดศิลาบูชาสิบก้อนออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์
ศิลาบูชาเหล่านั้นสลายหายไปในอากาศทันที
หลินเป่ยเฉินไม่สนใจเข้าสู่ระบบในแอปวีแชทหรือแอปไหนๆ เพราะต้องรีบตรวจสอบความเรียบร้อยของแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์เป็นอย่างแรก
ด้านในนอกจากจะจัดเก็บคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์มากมายแล้ว แอปพลิเคชันพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์นี้ยังเป็นสถานที่ใช้เก็บอาวุธจำนวนมาก รวมไปถึงใช้เก็บทองคำถึงเจ็ดล้านเหรียญ และศิลาบูชาอีกไม่ต่ำกว่า 10,000 ก้อน ดูเหมือนว่าการอัปเกรดอุปกรณ์ในครั้งนี้ น่าจะช่วยทำให้แอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์มีพื้นที่เก็บของเพิ่มขึ้นมาอีกมากมายทีเดียว
ศิลาบูชาและเหรียญทองคำเหล่านี้คือสิ่งที่หลินเป่ยเฉินได้มาจากการขุดเหมืองแร่หินจากเมืองหยุนเมิ่ง รวมถึงเป็นทรัพย์สินที่ปล้นได้จากจวนผู้ว่า
ตลอดเวลาที่ผ่านมา หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าตนเองเป็นมหาเศรษฐีผู้หนึ่ง เพราะฉะนั้น เขาจึงใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือยโดยไม่คิดอะไรมาก
เขาทุ่มเงินจำนวนมหาศาลสร้างสถานศึกษาเพื่อทำภารกิจของแอปพลิเคชัน Keep ให้สำเร็จ
นอกจากนี้ หลินเป่ยเฉินยังเลี้ยงดูกลุ่มนายทหารคนงานขุดเหมือง…
เป็นหัวหน้าคนมันไม่ง่าย
ยากกว่าพี่ชายที่ต้องเลี้ยงดูน้องๆ โดยไม่เต็มใจตั้งหลายเท่า
“ดูจากการอัปเกรดโทรศัพท์ครั้งล่าสุดนี้แล้ว ถ้าเราไม่เปิดทิ้งเอาไว้หลายแอป ก็คงต้องชาร์จแบตทุกๆ สองวัน และถ้าเราไม่มีรายได้อื่นเพิ่มเข้ามาเลย จากทรัพย์สินที่มีอยู่ในตอนนี้ เราก็น่าจะอยู่รอดได้อีกสองสามปี…แต่ถ้าเราต้องชาร์จโทรศัพท์ทุกวันนี่สิ มีหวังได้กลายเป็นขอทานในเวลาแค่ปีเดียวแหง”
“หวังว่าเทพีกระบี่ไร้นามคงไม่ขูดเลือดขูดเนื้อเราอีกเวลาต้องการความช่วยเหลือแล้วนะ”
“ไม่งั้นเราคงหมดตัวในเวลาไม่ถึงปี”
“เรานี่มันโง่เหลือเกิน…”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกกดดันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
เขารีบจัดระเบียบความคิดและตั้งเป้าหมายใหม่ให้ตนเองอย่างรวดเร็ว…
ต้องหาเงินให้ได้เยอะมากที่สุด
ต้องสนใจแค่การหาเงินเท่านั้น
อีกอย่าง ตอนนี้เขามีพลังอยู่ในขั้นเซียนแล้ว น่าจะหาเงินได้ไม่ยากนัก
คิดได้ดังนี้ เด็กหนุ่มก็สบายใจมากขึ้น
โทรศัพท์ของเขาได้รับการอัปเกรด มันต้องมีความสามารถเพิ่มจากเดิม การทำงานหลายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่งั้นก็คงไม่ต้องใช้พลังงานเยอะกว่าเดิมหรอก
หลินเป่ยเฉินกดเข้าไปในหน้าเข้าสู่ระบบของแอปวีแชท
เมื่อกรอกรหัสผ่านเรียบร้อย
หน้าจอก็เปลี่ยนไป
รอเพียงไม่กี่วินาที หน้าข้อความก็โหลดขึ้นมา
เป็นไปอย่างที่คิด
ติ๊ง!
ติ๊ง!
ติ๊ง…
มีข้อความใหม่เด้งขึ้นมามากมาย
เมื่อเสียงแจ้งเตือนข้อความใหม่เงียบหายไป หลินเป่ยเฉินก็พบว่าตนเองมีข้อความที่ยังไม่ได้อ่านถึง 500 ข้อความ
น่าขนลุก
เพราะในรายชื่อเพื่อนของเขามีแค่เทพีกระบี่หิมะไร้นามคนเดียวเท่านั้น
นางเป็นคนส่งข้อความมาทั้งหมด
“ข้า…เอ๊ย เทพีกระบี่กลับมาแล้วจ้า”
“นางฟื้นฟูพลังได้สำเร็จแล้ว…”
“ท่านเจ้าเมืองที่มีปัญหากับเจ้าชื่ออะไรนะ บอกมาได้เลย เดี๋ยวข้าจะไปบอกให้เทพีกระบี่จัดการมันซะ”
“เอ๋? ทำไมเจ้าไม่ตอบข้อความเลยล่ะ?”
“ทำไมไม่อ่านข้อความ?”
“นี่มันวันที่หกแล้วนะ”
“เจ้าคงไม่ได้ถูกฆ่าตายไปแล้วใช่ไหม?”
“เดี๋ยวก่อนนะ… เจ้าหลอมรวมพลังปราณธาตุทั้งห้าเป็นอย่างไรบ้าง คงไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกใช่ไหม?”
“นี่ ตอบคำถามมาเดี๋ยวนี้”
“เจ้าหายหัวไปไหน?”
“ยังไม่ตอบอีก?”
“เจ้าหลอมรวมพลังปราณธาตุผิดวิธี ก็เลยมีปัญหาใช่หรือไม่?”
“ถ้าเจ้ายังไม่ตายก็ตอบมาหน่อยสิ”
“เจ้า… รีบตอบมาเดี๋ยวนี้”
“เจ้าคงไม่ได้เป็นอะไรไปจริงๆ หรอกใช่ไหม?”
“เจ้าทำให้ข้ากลัวแล้วนะ”
“ยังไม่รีบตอบกลับมาอีก”
“ถ้าเจ้าไม่รู้วิธีหลอมรวม ก็อย่าดันทุรังฝึกอีกต่อไปเลย”
“เจ้าตั้งใจทำให้ข้ากลัวใช่หรือไม่? คอยดูเถอะ ข้าจะไปหาเจ้าและสั่งสอนเจ้าให้หลาบจำด้วยตนเอง”
“นี่?”
หลังจากนั้นก็เป็นคำขอการวิดีโอคอล
“ฮื่อ เจ้าอย่าทำให้ข้าใจคอไม่ดีเช่นนี้สิ นี่ก็วันที่ 11 เข้าไปแล้ว เจ้าไม่ตอบข้อความข้านานเกินไปแล้วนะ”
“หลินเป่ยเฉิน ตกลงว่าเจ้าตายแล้วหรือไม่?”
“ข้าจะรอคอยคำตอบจากเจ้า”
“เจ้าต้องไม่ตายนะ เจ้าแค่ทำให้ข้าตกใจเล่นเฉยๆ เท่านั้น ไม่เป็นไร ข้าไม่โกรธเจ้าหรอก ขอแค่เจ้าตอบข้อความมาก็พอแล้ว ส่งสติ๊กเกอร์กลับมาสักตัวก็ได้ ข้าจะไม่ว่าอะไรเจ้าเลย…”
“วันที่ 12 แล้ว ข้าเป็นห่วงเจ้ามากนะ”
“เป็นความผิดของข้าเอง การหลอมรวมพลังปราณธาตุทั้งห้าให้สำเร็จ จำเป็นต้องใช้พลังจำนวนมาก ข้าน่าจะเตือนเจ้าก่อน…”
“วันที่ 17 แล้ว ฮื่อออ วันนี้ข้ากลับมาดื่มมากเกินไป หลินเป่ยเฉิน เจ้าคงยังไม่ตายหรอกใช่ไหม?”
“ข้าตัดสินใจแล้ว ถ้าเจ้าตาย ข้าจะลงไปแก้แค้นให้เจ้าที่โลกมนุษย์…”
“หากเจ้ายังไม่ตาย ข้าจะไม่รังแกเจ้าอีก”
“แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าก็ทำดีกับเจ้าไม่น้อยเลยนะ”
“เจ้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าทำให้ข้าได้พบเจออะไรบ้าง…”
“วันที่ 21 แล้ว หลินเป่ยเฉิน ความจริงนั้นข้า…”
“ข้อความถูกยกเลิก”
“ข้อความถูกยกเลิก”
บนหน้าจอโทรศัพท์เต็มไปด้วยข้อความมากมาย
หลินเป่ยเฉินอ่านข้อความด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ตอนแรกเขารู้สึกตกใจกับการส่งข้อความรัวๆ ของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม ต่อมา เขารู้สึกโกรธแค้นเมื่ออ่านข้อความตรงส่วนที่ว่าคัมภีร์ที่หลอมรวมพลังปราณธาตุทั้งห้านั้นมีอันตรายในการฝึกฝนอย่างใหญ่หลวง โชคดีที่เขาฝึกผ่านโทรศัพท์มือถือ ไม่ได้ฝึกฝนด้วยตนเอง แต่เมื่อเห็นความห่วงใยของนางในตอนท้าย เด็กหนุ่มก็รู้สึกใจอ่อนลง
คิดไม่ถึงเลยว่าเทพีกระบี่หิมะไร้นามจะยังคงหลงเหลือจิตสำนึกอยู่บ้าง
เมื่อทบทวนเรื่องราวในอดีต หลินเป่ยเฉินก็พบว่านางเป็นสหายที่ดีคนหนึ่ง
นางหลอกใช้เขา
แต่เขาก็หลอกใช้นางเหมือนกัน
ถือว่าพวกเขาหลอกใช้กันและกัน
และในช่วงวิกฤตของแต่ละฝ่าย พวกเขาก็คอยช่วยเหลือกันเสมอ
หลินเป่ยเฉินอดถามตัวเองไม่ได้ว่าเขารอดพ้นจากอันตรายกี่ครั้งกี่หนกันจากความช่วยเหลือของเทพีกระบี่หิมะไร้นาม
เด็กหนุ่มมองหน้าจอโทรศัพท์ เม้มริมฝีปากแน่น
ในใจเขาเกิดเครื่องหมายคำถาม
ข้อความที่ถูกยกเลิกไปนั้นส่งมาว่าอะไร?