ตอนที่ 864 คุณชายหลินอยู่ที่ใด? เจ้าคือ…
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินไม่ปฏิเสธความเมตตาจากองค์จักรพรรดิ “อีกสามวันหลังจากนี้ ให้ท่านมาตามตัวข้าที่จวนซางจั้วหยวน ข้าขอเวลาพักผ่อนและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนสักหน่อย แล้วข้าจะไปขึ้นทะเบียนเป็นผู้มีพลังระดับเซียนแน่นอน”
“รับทราบขอรับ”
ขันทีชราจางเชียนเชียนประสานมือรับคำสั่งด้วยความเคารพ
“นี่คือป้ายอาญาสิทธิ์กระบี่ทองคำ”
หลังจากนั้น เขาก็หยิบแผ่นป้ายขนาดเท่าฝ่ามือที่ทำจากทองคำออกมาชิ้นหนึ่ง “ของสิ่งนี้เปรียบเสมือนตัวแทนขององค์จักรพรรดิ ยามเกิดเหตุฉุกเฉิน เพียงคุณชายแสดงป้ายนี้ออกมา สถานการณ์ก็จะคลี่คลายลงด้วยดี นี่คือรางวัลตอบแทนที่ฝ่าบาททรงมอบให้แก่คุณชาย เพื่อเป็นความดีความชอบในการสังหารเหลียงหยวนเตา และหวังว่าคุณชายจะยังคงต่อสู้เพื่อจักรวรรดิเป่ยไห่ของพวกเราต่อไปขอรับ”
พูดจบ ชายชราก็โค้งตัวด้วยความอ่อนน้อม
ทำเอาหลินเป่ยเฉินประหลาดใจ
ขันทีเฒ่าคนนี้ถือว่าใช้การได้ทีเดียว
คำพูดคำจาให้ความเคารพหลินเป่ยเฉินเป็นอย่างดี เด็กหนุ่มจึงประทับใจไม่น้อย
เขารับป้ายอาญาสิทธิ์มาถือไว้
“เมื่อไม่มีอะไรแล้ว ผู้เฒ่าคงต้องขออำลา”
ชายชราพูด “หลังจากนี้อีกสามวัน ผู้เฒ่าจะกลับมารับคุณชายไปขึ้นทะเบียนนะขอรับ”
กล่าวจบ ขันทีชราจางเชียนเชียนก็หมุนตัวเดินออกไป
หลินเป่ยเฉินโยนป้ายอาญาสิทธิ์ในมือเล่นเพื่อคำนวณน้ำหนักพร้อมกับถามว่า “แล้วเรื่องของพวกจักรวรรดิจี้กวงจะเอาอย่างไร?”
ขันทีเฒ่ากล่าวตอบว่า “ทางเบื้องบนกำลังประชุมกันอยู่ขอรับ แต่คุณชายโปรดมั่นใจได้เลยว่าทางจักรวรรดิของพวกเราจะต้องปกป้องคุณชายให้ถึงที่สุด”
ระหว่างที่ตอบคำถามนี้ ร่างของชายชราก็หายไปจากประตูแล้ว
หลินเป่ยเฉินยกป้ายอาญาสิทธิ์ที่แกะสลักเป็นรูปกระบี่ขึ้นมาสำรวจดูอย่างใกล้ชิด
ตัวกระบี่ที่ถูกแกะสลักอยู่บนแผ่นป้ายค่อนข้างน่ารักน่าชัง ด้านหนึ่งของแผ่นป้ายแกะสลักเป็นกระบี่เก้าเล่ม ส่วนอีกด้านหนึ่งนั้นแกะสลักเป็นถ้อยคำสี่พยางค์ว่า…
‘องค์จักรพรรดิ’
“ท่าทางมีราคาไม่น้อย ถ้าเอาไปแลกกับศิลาบูชาจะได้สักกี่ก้อนกันนะ”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้อยากครอบครองป้ายอาญาสิทธิ์แผ่นนี้สักเท่าไหร่
เพราะเขาไม่ใช่ผู้มีพลังขั้นเซียนธรรมดา แต่เป็นผู้มีพลังขั้นเซียนที่มีพลังปราณธาตุถึงห้าชนิด
ดังนั้น
ขอถามหน่อยเถอะว่าเขายังจะต้องกลัวใครอีกหรือ?
หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าตนเองคงไม่มีโอกาสได้ใช้ป้ายอาญาสิทธิ์อยู่แล้ว
แต่เด็กหนุ่มก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงใช้พลังจิตตรวจสอบอักขระอาคมที่แกะสลักอยู่บนแผ่นป้ายอาญาสิทธิ์
ปรากฏว่าแผ่นป้ายอาญาสิทธิ์แผ่นนี้เป็นวัตถุเก็บของวิเศษ
ดูเหมือนมันจะมีพื้นที่สำหรับเก็บของมากกว่าวัตถุเก็บของวิเศษทุกชิ้นที่หลินเป่ยเฉินพกติดตัวในตอนนี้เสียอีก
ด้านในแผ่นป้ายอาญาสิทธิ์มีชุดเกราะสีขาวซึ่งน่าจะทำมาจากเหล็กมิธริลครบชุด ไม่ว่าจะเป็นหมวกเหล็ก เกราะหน้าอก เกราะหัวไหล่ เกราะบริเวณท้อง เกราะบริเวณหว่างขา สนับแขน สนับขา ตลอดไปจนถึงรองเท้าบู้ทเหล็ก พวกมันต่างก็สะท้อนแสงสว่างเป็นประกายแวววาวราวกับกระจกใส เมื่อจ้องมองผ่านๆ จะนึกว่ามีคนใส่ชุดเกราะผู้หนึ่งยืนอยู่เลยทีเดียว
นับตั้งแต่ที่ทะลุมิติมาอยู่ในโลกแห่งวรยุทธ์ หลินเป่ยเฉินไม่เคยพบเห็นชุดเกราะชุดไหนจะสมบูรณ์แบบมากเท่านี้มาก่อน
มันมีความปราณีตราวกับเป็นงานศิลปะ
และบนชุดเกราะก็มีอักขระอาคมถูกแกะสลักจำนวนมาก หมายความว่ามันไม่ได้มีแค่ความสวยงามอย่างเดียวเท่านั้น
แต่น่าจะมีความสามารถในการต่อสู้และการตั้งรับหลายอย่างอีกด้วย
ซึ่งจำเป็นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ
แต่หลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้รีบร้อนนำออกมาสวมใส่
เพราะแม่ของเขาสอนเอาไว้ตั้งแต่เด็กว่าอย่านำเสื้อผ้าของผู้อื่นมาสวมใส่โดยพลการ
ถึงชุดเกราะชุดนี้จะดูดีมากก็เถอะ แต่ถ้าเกิดใส่เข้าไปแล้วถอดไม่ได้ขึ้นมาล่ะ?
คุณชายหลินกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ เพราะการที่เขาเลื่อนระดับพลังมาอยู่ในขั้นเซียนได้นั้น ก็เป็นเพราะอาศัยโทรศัพท์มือถือคอยช่วยเหลือล้วนๆ
ดังนั้น ความรอบรู้เกี่ยวกับเรื่องราวต่างๆ ของเขาจึงยังเท่าหางอึ่งอยู่เช่นเดิม
“เดี๋ยวเอาไว้ให้เซียวปิงลองใส่ดูก่อนดีกว่า ถ้าไม่มีปัญหา เราค่อยเอาคืน”
หลินเป่ยเฉินใช้ความคิด
นอกจากชุดเกราะชุดนี้ ในแผ่นป้ายอาญาสิทธิ์ก็ยังมีคัมภีร์สำหรับฝึกกระบี่อีกสองเล่ม
มันมีชื่อว่าคัมภีร์กระบี่แยกพสุธากับคัมภีร์กระบี่แหวกนภา
หลินเป่ยเฉินนำคัมภีร์ทั้งสองเล่มนั้นออกมาจากป้ายอาญาสิทธิ์ด้วยความดีใจ
คัมภีร์กระบี่แยกพสุธาเป็นคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ระดับเจ็ดดาว มีความเหมาะสมสำหรับผู้ที่อยู่ในขอบเขตพลังขั้นเซียนอย่างยิ่ง
ส่วนคัมภีร์กระบี่แหวกนภาเป็นคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์จากเมืองไป๋หยุนระดับแปดดาว ด้านในมีการสอนวิชากระบี่เพียงกระบวนท่าเดียว แต่ก็มีการชี้แนะให้ใช้พลังลมปราณเสริมสร้างอานุภาพการทำลายล้างของกระบวนท่าอย่างที่หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงมาก่อน
“ใช่แล้ว ตอนนี้เรายังขาดคัมภีร์ระดับเซียน และองค์จักรพรรดิก็ส่งมาให้เราพอดี ช่างรู้วิธีเอาใจผู้คนเหลือเกิน”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความพอใจ
เขาใช้โทรศัพท์มือถือสแกนคัมภีร์ทั้งสองเล่มนี้โดยไม่ลังเล จากนั้นก็แปลงพวกมันเป็นแอปพลิเคชันและดาวน์โหลดลงเครื่องผ่านสัญญาณอินเทอร์เน็ต
“พอโทรศัพท์ได้รับการอัปเกรดแล้ว การดาวน์โหลดคัมภีร์ระดับ 7 ถึง 8 ดาวก็ใช้พลังน้อยกว่าเมื่อก่อนตั้งหลายเท่า…”
หลินเป่ยเฉินเริ่มค้นพบข้อดีของการอัปเกรดโทรศัพท์เป็นอย่างแรก
แต่อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มนึกขึ้นมาได้ว่าโทรศัพท์อาจจะดูดพลังลมปราณของเขาน้อยลงก็จริง แต่มันกลับต้องใช้พลังงานจากศิลาบูชามากขึ้น ด้วยเหตุนี้ ‘ค่าใช้จ่าย’ ของเขาจึงเพิ่มขึ้นเช่นกัน และนั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีสักเท่าไหร่
การดาวน์โหลดเสร็จสมบูรณ์
หลินเป่ยเฉินกดติดตั้งแอปพลิเคชันและเริ่มฝึกฝนทันที
“น่าเสียดายที่ของอย่างอื่นมีแค่สมุนไพรวิเศษ ถ้าเปลี่ยนเป็นเหรียญทองคำหรือศิลาบูชาแทนล่ะก็ มันคงจะดีมากกว่านี้ทีเดียว”
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความเศร้าใจ
…
หนึ่งก้านธูปต่อมา
พระราชวังเป่ยไห่
ตำหนักใน
ม่านลูกปัดที่ห้อยลงมานั้นแผ่รัศมีม่านพลังแบ่งอาณาเขตห้องโถงแห่งนี้ออกเป็นสองฝั่ง
ผู้ที่ยืนอยู่หน้าม่านลูกปัดนี้ต่อให้มีพลังระดับเซียน ก็ไม่สามารถมองเห็นภาพที่อยู่ด้านหลังม่านลูกปัดเด็ดขาด
ทุกคนจะเห็นเป็นเพียงภาพหมอกขาวสายหนึ่งเท่านั้น
“ข้าน้อยมาแล้วพ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท”
ขันทีชราจางเชียนเชียนกลับมาถึงวังหลวงและกำลังประสานมือทำความเคารพอยู่หน้าม่านลูกปัด
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
ด้านหลังม่านลูกปัด เกิดเสียงที่แสดงความเหนื่อยล้าถามออกมา
“บุตรชายของท่านขุนนางนักรบแห่งสวรรค์ผู้นี้”
ขันทีชราจางเชียนเชียนตอบเร็วไว “ไม่เหมือนที่ปรากฏในข่าวลือเลยพ่ะย่ะค่ะ”
“ไม่เหมือนอย่างนั้นหรือ?” เจ้าของน้ำเสียงอันไพเราะแต่ฟังดูไร้เรี่ยวแรงหัวเราะออกมาเล็กน้อย “เจ้ากำลังจะบอกว่าเรื่องที่เขามีความผิดปกติทางสมองไม่เป็นความจริง?”
ขันทีชราจางเชียนเชียนรีบก้มศีรษะพูดด้วยความร้อนรน “คุณชายหลินมีความแตกต่างมากกว่าเด็กหนุ่มทั่วไป เขาหาได้มีความผิดปกติทางสมองไม่ แต่เนื่องจากมีความคิดซับซ้อนมากกว่าคนปกติ จึงทำให้ไม่มีผู้ใดสามารถคาดเดาความคิดของคุณชายหลินออก แต่เราสามารถซื้อใจเขาได้ด้วยสิ่งของเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และสิ่งนั้นก็คือเงินพ่ะย่ะค่ะ”
“จริงหรือ?”
ผู้ที่อยู่หลังม่านลูกปัดถามต่อ “เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?”
ขันทีชราจางเชียนเชียนกล่าวอย่างระมัดระวัง “ข้าน้อยคิดว่านี่เป็นผลดีต่อพวกเรามาก และด้วยความที่เขาเห็นแก่เงินทองของมีค่า การที่ฝ่าบาททรงมอบชุดเกราะจันทราสกาว รวมถึงคัมภีร์กระบี่สำหรับผู้มีพลังขั้นเซียนให้เขาถึงสองเล่ม นี่ต้องทำให้คุณชายหลินพอใจแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
ม่านลูกปัดสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะตามมาด้วยความเงียบ
หลังจากนั้นอึดใจใหญ่ องค์จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิเป่ยไห่ก็ถามว่า “ในมุมมองของเจ้า หลินเป่ยเฉินเป็นผู้มีพลังขั้นเซียนแท้จริงหรือไม่? นี่ไม่ใช่เพราะว่าเขามีระดับพลังเพิ่มขึ้นมาด้วยรับประทานยาบางชนิดเข้าไปหรือ?”
ขันทีชราจางเชียนเชียนตอบโดยไม่มีความลังเลสักนิด “เขาเป็นผู้มีพลังขั้นเซียนจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ ถึงจะเพิ่งเลื่อนระดับพลังขึ้นมาได้ไม่นาน แต่ฝีมือการต่อสู้ของเขาไม่เป็นสองรองใคร”
“หึหึ หายากนะที่เจ้าจะชื่นชมผู้อื่นถึงขนาดนี้”
น้ำเสียงขององค์จักรพรรดิฟังดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย
ก่อนที่ท่านจะกล่าวต่ออย่างอารมณ์ดีว่า “บิดาพยัคฆ์ย่อมไม่ให้กำเนิดลูกสุนัข บิดาของเขาสร้างชื่อเสียงยิ่งใหญ่เกรียงไกรยาวนานหลายสิบปี หลินเป่ยเฉินเองก็คงมีความยอดเยี่ยมไม่แตกต่างกัน”
ขันทีชราจางเชียนเชียนกล่าวเสริม “ระดับพลังของคุณชายหลินก้าวกระโดดในเวลาไม่ถึงปี แม้แต่บิดาของเขาก็ต้องเสียเวลาฝึกฝนยาวนานหลายสิบปี นี่นับว่าเป็นอัจฉริยะที่หาได้ยากยิ่ง ฝ่าบาททรงเชื่อข้าน้อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ คุณชายหลินจะต้องมีประโยชน์ต่อพวกเราในอนาคตอย่างใหญ่หลวง ต่อให้เราต้องเผชิญหน้ากับผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสี่หรือระดับห้า ก็ไม่ต้องหวาดกลัวอีกต่อไปแล้ว”
“เจ้าคาดหวังในตัวเขาถึงขั้นนี้เชียวรึ?”
น้ำเสียงขององค์จักรพรรดิบอกถึงความประหลาดใจอย่างแท้จริง
จางเชียนเชียนตอบว่า “เด็กหนุ่มผู้นี้นับเป็นมังกรในฝูงหงส์พ่ะย่ะค่ะ”
ภายในห้องตกอยู่ในความเงียบ
หลังจากนั้น องค์จักรพรรดิก็กล่าวถามอย่างแช่มช้า “มีอีกเรื่องที่ข้าอยากรู้ หลินเป่ยเฉินแสดงท่าทีว่าโกรธแค้นข้าบ้างหรือไม่?”
ขันทีชราจางเชียนเชียนตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง “ไม่มีแม้แต่นิดเดียวพ่ะย่ะค่ะ”
…
สามวันผ่านไปไวเหมือนโกหก
เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างราบรื่น
รุ่งเช้า
ขันทีชราจางเชียนเชียนมาที่จวนซางจั้วหยวนด้วยการปลอมตัวเป็นชาวบ้านธรรมดาผู้หนึ่ง
“คุณชายหลินอยู่ที่ใด? เจ้าคือ…”
เมื่อเห็นชายร่างกำยำยืนอยู่ในห้องชมสวนดอกไม้ จางเชียนเชียนก็ถึงกับตกตะลึงไปทันที
“หุุหุ ท่านผู้เฒ่าจาง พวกเรารีบไปกันเถอะ” ชายร่างกำยำพูดด้วยเสียงของหลินเป่ยเฉิน “ท่านอยากเก็บเรื่องนี้เป็นความลับไม่ใช่หรือ? ข้าปลอมตัวเพียงเล็กน้อย ท่านถึงกับจำไม่ได้เชียว?”
“ปลอมตัวเพียงเล็กน้อย?”
ขันทีชราจางเชียนเชียนทวนคำด้วยความเหลือเชื่อ “นี่เรียกว่าแทบเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยขอรับ”
เขาไม่เคยเห็นการปลอมตัวครั้งใดจะน่าเหลือเชื่อเท่านี้มาก่อน
หลินเป่ยเฉินสามารถทำให้ขันทีชราประหลาดใจได้อีกครั้ง
“หวังว่าการปลอมตัวคงไม่ส่งผลกระทบต่อการขึ้นทะเบียนกระมัง?”
หลินเป่ยเฉินถาม
“ไม่มีผลกระทบขอรับ มิหนำซ้ำ มันยังเป็นเรื่องดีเสียอีก”
ขันทีชราจางเชียนเชียนพยักหน้าด้วยความพอใจ
“งั้นพวกเราไปกันเถอะ”
หลินเป่ยเฉินกับจางเชียนเชียนแอบออกมาจากจวนซางจั้วหยวนโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้ หลังจากนั้น พวกเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังสำนักงานขึ้นทะเบียนผู้มีพลังระดับเซียนสาขาเมืองเป่ยไห่
การขึ้นทะเบียนในครั้งนี้ถูกทางจักรวรรดิเป่ยไห่กำชับให้เป็นความลับสูงสุด
เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีคนนอกล่วงรู้
ถ้าสามารถขึ้นทะเบียนได้สำเร็จ หลินเป่ยเฉินก็จะได้รับตำแหน่งประจำตัวและมีสิทธิ์เลือกคัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์จากคลังของสมาคมได้หนึ่งเล่ม
และมีแต่ผู้ที่ขึ้นทะเบียนสำเร็จเท่านั้น ถึงจะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้มีพลังขั้นเซียนที่แท้จริง
ถ้าอ่าน “เซียนกระบี่มาแล้ว” ถึงบทนี้แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 70 ตอน !! #อ่านก่อนใครได้ที่เว็บเอนจอย