ตอนที่ 895 ยอดวีรบุรุษในกลุ่มวีรบุรุษ ยอดมือกระบี่ในกลุ่มมือกระบี่
“ที่ความลับของสำนักแสงตะวันถูกเปิดโปงในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะศิษย์พี่ตู้กู่อู๋อิงเจ้าค่ะ” กานเซียวซวงพูดอธิบาย
หลิวเหวินฮุยช่วยยืนยันด้วยการพยักหน้าและอธิบาย “ไม่กี่วันก่อน ศิษย์พี่ตู้กู่อู๋อิงบังเอิญไปได้ยินความลับของสำนักแสงตะวันโดยไม่ได้ตั้งใจ ประจวบเหมาะกับพวกเราเดินขบวนไปช่วยเหลืออาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นออกมาจากคุกใต้ดินพอดี นางจึงถือโอกาสนี้หลบหนีออกมาด้วย หลังจากพวกเรากลับไปถึงที่ทำการสมาคมในคืนนั้น ศิษย์พี่ตู้กู่อู๋อิงก็นำความจริงทั้งหมดนี้มาแจ้งต่ออาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นเจ้าค่ะ”
อ๋อ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง
หลินเป่ยเฉินได้คำตอบทุกอย่างแล้ว
ก่อนหน้านี้
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพราะเหตุใดระหว่างที่โดยสารอยู่บนรถม้า ตู้กู่อู๋อิงถึงแอบมองหน้าเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนนั้น หลินเป่ยเฉินเข้าใจไปว่าอีกฝ่ายตกตะลึงในความหล่อเหลาของเขา ถึงจะสวมใส่หน้ากากครึ่งซีกปิดบังใบหน้า แต่มันก็ยังไม่อาจปิดบังเสน่ห์ของเขาต่อเพศตรงข้ามได้อยู่ดี ด้วยเหตุนี้ นางจึงพยายามสบตาเขาเป็นระยะ…
ปรากฏว่าที่นางอยากพูดคุยกับเขาก็เป็นเพราะเรื่องนี้เอง
แต่ตู้กู่อู๋อิงคงตัดสินใจได้ในที่สุดว่านางรู้จักกู่เทียนเล่อน้อยเกินไป ดังนั้นจึงเลือกที่จะบอกความลับนี้ต่ออาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นดีกว่า
บัดนี้ คุณชายหลินกำลังนวดขมับตนเองขณะใช้ความคิด หากตู้กู่อู๋อิงสามารถต้านทานความหล่อเหลาของเขาได้จริงๆ นางก็คงเป็นสตรีที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกใบนี้ และบางทีนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ขุนนางใหญ่ผู้นั้นตกหลุมรักนางตั้งแต่แรกเห็นก็เป็นได้
พวกของหลิวเหวินฮุยไม่รู้ว่ากู่เทียนเล่อกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อเห็นเขานิ่งเงียบ รับฟังเรื่องราวอย่างตั้งใจ หลี่ซิวเยวียนจึงรับช่วงกล่าวต่อ “อาจารย์เยวียนตกใจมาก ท่านไม่อยากทำสิ่งใดโดยพลการ และไม่กล้าไปแจ้งเรื่องนี้ต่อเจ้าหน้าที่ เพราะกลัวว่าทางการอาจจะมีสายลับแฝงตัวอยู่อีกก็เป็นได้ ท่านไม่อยากแหวกหญ้าให้งูตื่น ดังนั้น อาจารย์เยวียนจึงกำชับให้เราสามคนมาพูดคุยกับศิษย์พี่กู่ถึงเรื่องนี้ว่าพวกเราจะทำอย่างไรต่อไป”
ในสายตาของเยวียนเหวินจวิ้น กู่เทียนเล่อเป็นเด็กหนุ่มที่รักในความยุติธรรม เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งชั่วร้าย เขาต้องไม่อยู่นิ่งเฉยแน่!
และที่สำคัญมากไปกว่านั้น กู่เทียนเล่อเป็นคนของจักรวรรดิเป่ยไห่
มือกระบี่ของจักรวรรดิเป่ยไห่มีความรักชาติเป็นอย่างยิ่ง
การรักชาติคือสิ่งที่ถูกปลูกฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกของมือกระบี่ทุกคน
อาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นกลัวว่าหากไม่นำเรื่องนี้มาบอกต่อกู่เทียนเล่อเป็นคนแรก กู่เทียนเล่อก็อาจไม่พอใจและหลงคิดว่าตนเองถูกปฏิบัติเป็นคนนอก
“อาจารย์เยวียนอยากรู้ว่าข้าจะทำอย่างไรต่อไปอย่างนั้นหรือ?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความหนักใจ
“เปล่าขอรับ อาจารย์เยวียนมีแผนการอยู่แล้ว ท่านต้องการเข้าไปพูดคุยกับท่านประมุขตู้กู่ และเกลี้ยกล่อมให้ท่านประมุขตู้กู่กลับมาอยู่ฝ่ายเราอีกครั้ง”
หลี่ซิวเยวียนให้คำตอบ
“หืม?”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตอย่างประหลาดใจ
เป็นไปอย่างที่คิด เรื่องนี้ยังคงมีหนทางแก้ไข
ตู้กู่จิงหงเป็นชาวเป่ยไห่ เหตุผลหลักที่ต้องทรยศต่อประเทศชาติก็เพราะถูกบังคับ และเมื่อเวลาผ่านนานไป ตู้กู่จิงหงก็ไม่อาจกลับตัวได้อีก
แต่หากมีผู้คนมอบโอกาสให้เขากลับตัวกลับใจ นี่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
และหากสามารถเจรจาให้ตู้กู่จิงหงเปลี่ยนฝ่ายกลับมาได้สำเร็จ อย่าว่าแต่โทษทัณฑ์ของเขาจะได้รับการให้อภัย ตู้กู่จิงหงยังจะเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยกำจัดกลุ่มสายลับของจักรวรรดิจี้กวงที่แฝงตัวอยู่ในนครหลวงได้อีกด้วย
ดีไม่ดีตู้กู่จิงหงอาจจะกลายเป็นวีรบุรุษของประเทศชาติคนต่อไปด้วยซ้ำ
ด้วยเหตุนี้ ลูกสะใภ้ในอนาคตของเยวียนเหวินจวิ้นอย่างตู้กู่อู๋อิงก็จะไม่ต้องมีมลทินเป็นบุตรสาวผู้ทรยศติดตัวอีกต่อไป และนางก็จะสามารถแต่งงานกับเยวียนหนงได้ตามเดิม
“ใช่แล้ว นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด”
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมา
หลี่ซิวเยวียน หลิวเหวินฮุยและกานเซียวซวงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“การเกลี้ยกล่อมกับท่านประมุขตู้กู่นั้น เราต้องทำโดยไม่ให้ผู้อาวุโสลู่ล่ายหรือคนอื่นๆ รู้ตัว และจะต้องทำโดยมีความปลอดภัยของท่านประมุขตู้กู่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด และเรื่องราวเช่นนี้ คงมีแต่ศิษย์พี่กู่ทำคนเดียวเท่านั้นจะสามารถกระทำได้”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ อาจารย์เยวียนเคยคิดอยากจะขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ แต่สายลับของพวกจี้กวงแฝงตัวอยู่ในนครหลวงมานานเกินไป บัดนี้ เราไม่รู้แล้วว่าใครกันบ้างที่เป็นสายลับของพวกมัน…”
“ศิษย์พี่กู่เทียนเล่อเป็นถึงผู้มีพลังในขั้นเซียน คำพูดของท่านย่อมมีน้ำหนักมากพอให้ท่านประมุขตู้กู่รับฟังแน่นอนเจ้าค่ะ”
“เพราะฉะนั้น พวกเราคงต้องขอรบกวนศิษย์พี่กู่แล้ว”
หลี่ซิวเยวียน หลิวเหวินฮุยและกานเซียวซวงสลับกันพูดด้วยดวงตาเป็นประกายวิงวอน
หลินเป่ยเฉินนึกกระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจขณะพูดว่า “ในเมื่อพวกเราเป็นมิตรสหายกันแล้ว ก็อย่าได้เกรงใจกันเลย เหตุไฉนพวกเจ้าถึงยังใช้คำว่า ‘รบกวน’ อยู่อีก หรือพวกเจ้าคิดว่ากู่เทียนเล่อคนนี้เป็นคนอื่นคนไกล?”
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ…”
กานเซียวซวงรีบปฏิเสธโดยเร็ว
หลินเป่ยเฉินยกมือขัดจังหวะและพูดต่อ “ข้ารู้ว่าเจ้าหมายถึงอะไร แต่หลังจากนี้ พวกเจ้าอย่าได้เกรงใจข้าเลย ทุกคนล้วนทราบดีว่ากู่เทียนเล่อผู้นี้นอกจากมีหน้าตาหล่อเหลา ยังมีจิตใจดีงาม รักในความยุติธรรม ชอบช่วยเหลือผู้อื่น และข้าสามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อสหายของข้าเสมอ”
สีหน้าของเด็กหนุ่มเด็กสาวทั้งสามคนแสดงออกถึงความละอายใจ
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าอย่างพอใจและกล่าว “พวกเจ้ากลับไปบอกอาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นนะว่าแผนการเจรจากับกบฏแผ่นดินครั้งนี้ ให้เขาเป็นคนจัดการได้ทั้งหมด หากต้องการตัวข้าเมื่อไหร่ ให้ส่งคนมาตามตัวข้าได้ตลอดเวลา ข้ายินดีร่วมมือกับพวกเจ้าเสมอ”
“เยี่ยมเลยขอรับ”
หลี่ซิวเยวียนอุทานออกมาด้วยความดีใจ
เช่นเดียวกับสองสาวที่มาด้วยกัน
พวกเขาบูชาเด็กหนุ่มผู้สวมใส่หน้ากากคนนี้เหลือเกิน สำหรับกู่เทียนเล่อแล้วจะมีคำใดเหมาะสมกับเขา มากกว่าคำว่า ‘สมบูรณ์แบบ’ อีกหรือ?
เขาคือยอดวีรบุรุษในกลุ่มวีรบุรุษ ยอดมือกระบี่ในกลุ่มมือกระบี่ ชาติที่แล้วกู่เทียนเล่อคงทำบุญมาดีจริงๆ
ในโลกวรยุทธ์แห่งนี้ การดำรงอยู่ของบุคคลเช่นกู่เทียนเล่อ ยังทำให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีความหวัง
เมื่อเทียบกับพวกขุนนางฉ้อราษฎร์บังหลวง หาประโยชน์จากประเทศชาติ ลุ่มหลงในตัณหาราคะ บุคคลเหล่านั้นไม่สมควรมีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้อีกต่อไปและสมควรจะต้องจองจำวิญญาณอยู่ในนรกชั่วกัปชั่วกัลป์
“เรื่องราวเกี่ยวกับแผนการคงต้องฝากให้อาจารย์เยวียนจัดการ แต่เรื่องความปลอดภัยของพวกเจ้านั้น ข้าจะส่งคนผู้หนึ่งไปคอยคุ้มกัน”
หลินเป่ยเฉินพูด “เขามีนามว่าจาจ้าฮุย เป็นน้องชายร่วมสาบานของข้าเอง การเดินขบวนครั้งก่อน เขาก็มาร่วมด้วย ถึงเขาจะตัวอ้วน แต่ความแข็งแกร่งของระดับพลังนั้นไม่เป็นรองข้าแม้แต่น้อย พวกเจ้าสามารถเชื่อใจเขาได้เต็มที่ ไม่ต้องเป็นกังวล”
เมื่อพวกของหลี่ซิวเยวียนได้ยินดังนั้น ก็ยิ่งซาบซึ้งใจในน้ำใจของกู่เทียนเล่อมากไปกว่าเดิม
ปรากฏว่าเด็กหนุ่มร่างอ้วนที่มาร่วมขบวนประท้วงพร้อมกับกู่เทียนเล่อในวันนั้น ก็เป็นยอดฝีมือเช่นกันอย่างนั้นหรือ?
อย่าบอกนะว่านอกจากกู่เทียนเล่อแล้ว…
เด็กหนุ่มร่างอ้วนก็เป็นผู้มีพลังระดับเซียนเช่นกัน?