ตอนที่ 902 ศิษย์พี่กู่ เกิดเรื่องขึ้นอีกแล้ว
วันต่อมา
ท้องฟ้ามีเมฆมาก
ค่าดัชนีฝุ่น PM 2.5 อยู่ที่ 10
เกล็ดหิมะโปรยปรายในอากาศ
นี่คือหิมะที่ตกติดต่อกันเป็นวันที่ 11 แล้ว
ถนนหนทางในนครหลวงปกคลุมด้วยชั้นหิมะเบาบาง เวลาเดินอาจจะไม่ทิ้งรอยเท้าเอาไว้ แต่เวลามีลมพัดผ่าน พวกมันก็จะฟุ้งขึ้นมาปลิวตลบไปรอบทิศทาง
ตามท้องถนนยังคงมีชีวิตชีวา
เมื่อหลินเป่ยเฉินตื่นขึ้นมา ก็เป็นเวลาสายมากแล้ว
เขานอนหลับยาวตลอดทั้งคืน
“นายท่านเจ้าคะ เสี่ยวเอ้อจากทางโรงเตี๊ยมมารอคอยนายท่านตั้งแต่เช้าตรู่ บัดนี้ เขายืนรอมาสองชั่วยามแล้วเจ้าค่ะ….”
เฉียนเหมยรีบเข้ามารายงานทันทีเมื่อเห็นเด็กหนุ่มตื่นขึ้นมา
หลินเป่ยเฉินยิ้มเล็กน้อย
“ให้เขารอไปก่อน”
หลินเป่ยเฉินไม่รีบไม่ร้อน
เขาใช้เวลาอีกครึ่งชั่วยาม เมื่อล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อย หลินเป่ยเฉินถึงได้ออกมาจากห้องพักและพบกับเสี่ยวเอ้อจากโรงเตี๊ยมและได้รับทราบสาเหตุของการเดินทางมาหาเขาในครั้งนี้ เมื่อเสี่ยวเอ้อเดินทางกลับไป เด็กหนุ่มจึงได้มาออกกำลังกายตามกำหนดการในแอปพลิเคชัน Keep และดื่มน้ำชาเป็นการปิดท้าย
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งก้านธูป
คุณชายหลินก็มาปรากฏตัวในโรงเตี๊ยมโดยสวมใส่หน้ากากเช่นเดิม
“โอ๊ะ ศิษย์พี่กู่มาแล้ว”
เมื่อเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน หลี่ซิวเยวียนกับกานเซียวซวงก็รีบลุกขึ้นยืนราวกับมีไฟลนก้น
เด็กสาวใบหน้าทรงกลมวิ่งเข้ามาเขย่าแขนเขาพร้อมกับแจ้งว่า “ศิษย์พี่กู่ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ เกิดเรื่องใหญ่แล้ว พวกเราไม่มีเวลามารับประทานอาหารกันอีกแล้ว… ท่านรีบตามเราไปที่สมาคมโดยเร็วเถิด”
“ไม่มีปัญหา”
หลินเป่ยเฉินยอมตามไปแต่โดยดี
เขาเดินขึ้นรถม้าโดยไม่ถามอะไรสักคำ
“คนขับ เร่งความเร็วหน่อย”
หลี่ซิวเยวียนมีสีหน้าร้อนรน ให้เงินแก่คนขับรถม้าเพิ่มพิเศษอีก 10 เหรียญเงินเพื่อเร่งความเร็ว
ภายในห้องโดยสารของรถม้า
หลินเป่ยเฉินได้แต่นั่งมองหน้าหลี่ซิวเยวียนกับกานเซียวซวงอย่างไม่มีอะไรทำ
“เกิดอะไรขึ้น? คนทรยศหลินเป่ยเฉินมาปรากฏตัวในนครหลวงแล้วหรือ?”
กู่เทียนเล่อทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดลงไป
กานเซียวซวงรีบตอบออกมาทันทีว่า “ศิษย์พี่กู่ ครั้งนี้เกิดเรื่องใหญ่แล้วจริง ๆ อาจารย์สั่งให้เรามาตามตัวท่านตั้งแต่เช้า พวกเรารอคอยท่านอยู่ที่โรงเตี๊ยมนานมากแล้ว”
หลินเป่ยเฉินยกมือปิดปากหาวหวอดด้วยความเหนื่อยล้า “เมื่อคืนนี้หลังจากกลับไป ข้าก็ยุ่งตลอดทั้งคืน กว่าจะมีเวลาได้นอนก็ตอนเช้า ต้องขออภัยพวกเจ้าด้วยที่ทำให้รอนาน ว่าแต่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
สีหน้าของกานเซียวซวงกับหลี่ซิวเยวียนแสดงออกถึงความอึดอัดใจ
หลี่ซิวเยวียนลังเลเล็กน้อยก่อนกล่าวว่า “เรื่องนี้พูดไปแล้วศิษย์พี่กู่อาจจะไม่เชื่อ แต่จากข้อมูลที่เราได้มาจากท่านประมุขตู้กู่เมื่อคืนนี้… เฮ้อ ศิษย์พี่กู่ ท่านมีความคิดเห็นต่อหลินเป่ยเฉินอย่างไรบ้าง? ท่านรู้จักเขาดีหรือไม่?”
ฮ่าฮ่าฮ่า
ในโลกนี้ยังจะมีใครรู้จักหลินเป่ยเฉินดีมากไปกว่าเขาอีก
คุณชายหลินแอบยิ้มอยู่ในใจ
สุดท้ายปลาน้อยก็งับเหยื่อแล้ว
หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งทำสีหน้าสงสัย “เอ๊ะ? เรื่องนี้เจ้าสืบสวนมาจนแน่นอนแล้วไม่ใช่หรือ? หลินเป่ยเฉินย่อมเป็นคนทรยศประเทศชาติ ยอมยกดินแดนให้แก่ศัตรู อีกทั้งยังเป็นสาวกปีศาจ และการเดินขบวนวันพรุ่งนี้ พวกเราก็มีเป้าหมายอยู่ที่การกระชากหน้ากากคนชั่วร้ายผู้นี้ไม่ใช่หรือ?”
สีหน้าของหลี่ซิวเยวียนกับกานเซียวซวงยิ่งแสดงออกถึงความลำบากใจมากขึ้น
กานเซียวซวงกัดริมฝีปากเล็กน้อย นิ่งเงียบอยู่นาน ก่อนจะกล่าวออกมาอีกครั้ง “ศิษย์พี่กู่… ท่านคิดว่า… พอมีทางเป็นไปได้หรือไม่ที่หลินเป่ยเฉินจะเป็นคนดี?”
“เป็นคนดี?”
หลินเป่ยเฉินชะงักเล็กน้อย “หลินเป่ยเฉินเป็นคนขายชาติ ชอบรังแกคนอ่อนแอ ทำร้ายผู้บริสุทธิ์ แล้วบุคคลเช่นนี้จะเป็นคนดีได้อย่างไร? ข้าไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด”
กานเซียวซวงยกมือขาวผ่องของตนเองขึ้นปิดหน้าและพูดด้วยความละอายแก่ใจ “ข้าน้อยหมายความว่า… ถ้าหากว่า… เขาเป็นคนดีขึ้นมาจริง ๆ ล่ะเจ้าคะ?”
หลินเป่ยเฉินทำเป็นนิ่งเงียบใช้ความคิด
หลังจากนั้น จึงพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ “หรือว่าเขาจะเป็นคนดีจริง ๆ? แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยรู้จักเขาเท่าไหร่หรอก ที่มารู้จักเขาได้ก็เพราะได้ยินพวกเจ้าพูดถึงนี่แหละ แต่จากความชั่วร้ายของเขาที่ข้าได้ยินมา หลินเป่ยเฉินจะเป็นคนดีไปได้อย่างไร?”
พูดมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็เปลี่ยนน้ำเสียงของตนเองเป็นหนักแน่นจริงจังมากขึ้น “แต่พวกเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ข้าเกลียดคนที่หาประโยชน์กับประเทศชาติมากที่สุด หากวันใดข้าได้พบเจอเจ้าคนทรยศผู้นี้ ข้าจะต้องตัดหัวมันด้วยมือของข้าเอง”
เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองคนถึงกับสะดุ้งโหยง
“ไม่ได้นะเจ้าคะ…”
กานเซียวซวงมีท่าทางลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาว่า “เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นพวกเราทำผิดไปแล้ว… แต่ช่างมันเถอะเจ้าค่ะ บัดนี้ข้ายังไม่สามารถอธิบายได้ ท่านตามพวกเราไปถึงที่สมาคมเมื่อไหร่ ศิษย์พี่กู่ก็จะได้รู้ความจริงเมื่อนั้น”
…
หลังจากนั้นไม่นาน
ณ ตึกที่ทำการสมาคมศิษย์สำนักศึกษาระดับสูงแห่งนครหลวง
ชั้นสอง ห้องประชุม
เยวียนเหวินจวิ้นและกลุ่มลูกศิษย์นั่งประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ที่โต๊ะประชุมในขณะนี้
กู่เทียนเล่อผู้หล่อเหลาสมบูรณ์แบบนั่งอยู่ในความเงียบ ในมือของเขาคือแผ่นหยกที่บรรจุข้อมูลเอาไว้มากมาย
แสงไฟในห้องประชุมส่องสลัว แสงสว่างจากนอกหน้าต่างสาดส่องเข้ามากระทบผิวหน้าของเด็กหนุ่มผู้สวมใส่หน้ากากครึ่งซีก ทำให้เขาดูมีสง่าราศีมากกว่าเดิมอีกหลายเท่า
นี่เป็นภาพที่เงียบสงบและสวยงาม
กู่เทียนเล่อนั่งดูข้อมูลในแผ่นหยกด้วยความเข้มขรึม
ใบหน้าที่โผล่พ้นหน้ากากเงินออกมาครึ่งหนึ่งแสดงให้เห็นถึงความสับสนว้าวุ่นใจ
ไม่กี่อึดใจให้หลัง
หลินเป่ยเฉินก็ค่อย ๆ วางแผ่นหยกในมือลง
คิ้วของเขาขมวดมุ่น
กานเซียวซวงยื่นส่งแผ่นหยกแผ่นใหม่มาให้เขาทันที
หลังบรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ หลินเป่ยเฉินก็ส่งเสียงกระแอมไอ และกล่าวต่อทุกคนว่า “ต่อต้านชาวทะเล สังหารปีศาจตัวจริง เข่นฆ่าขุนนางฉ้อโกง ช่วยเหลือผู้คนบริสุทธิ์…. ใครจะไปนึกเลยว่าหลินเป่ยเฉินนับเป็นบุคคลที่ประเสริฐสุดในโลกนี้แล้ว ไม่แปลกใจที่ผู้คนจะนับถือเขาราวกับเป็นเทพเจ้า นับดูในโลกใบนี้คงไม่มีใครเป็นเหมือนเขาได้อีก กู่เทียนเล่อคนนี้ยังมีความดีไม่เท่ากับนิ้วเท้าของเขาเลยด้วยซ้ำ…”
เมื่อได้ยินคำพูดของกู่เทียนเล่อ เยวียนเหวินจวิ้นและเหล่าลูกศิษย์ก็แสดงสีหน้าละอายใจพร้อมด้วยแสดงความหวาดกลัวออกมาเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินถามออกมาอีกครั้ง “เพียงแต่ว่า… พวกท่านแน่ใจนะว่าข้อมูลที่อยู่ในแผ่นหยกพวกนี้เป็นความจริง?”
“มันสมควรเป็นความจริง”
ในฐานะอาจารย์ผู้อาวุโสที่สุด เยวียนเหวินจวิ้นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
ตอนแรกที่ดูข้อมูลเหล่านี้ เขาเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
เยวียนเหวินจวิ้นใช้เวลาทั้งคืนศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด
นับตั้งแต่กลับมาจากสำนักแสงตะวัน เขาก็ข่มตานอนไม่หลับเลยสักครั้ง
เยวียนเหวินจวิ้นได้แต่คิดถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ นานา
ข้อมูลที่บรรจุอยู่ในหีบหยกขาวฟ้าประทานนั้น ยิ่งเปิดดูมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งตื่นตระหนกตกใจมากเท่านั้น
เพราะมันมีชื่อของคนใหญ่คนโตหลายท่านมาเกี่ยวข้อง รวมไปถึงเหตุการณ์ใหญ่หลายอย่างในนครหลวงช่วงหลายปีหลังสุดก็ถูกระบุอยู่ในนั้นด้วยเช่นกัน และมันเป็นข้อมูลที่บุคคลภายนอกไม่สามารถล่วงรู้เด็ดขาด
ถึงจะเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่นี่คือหลักฐานที่มัดแน่น
หลังจากเยวียนเหวินจวิ้นพิจารณาดูจนครบถ้วน เขาก็พบว่ามีแผ่นหยกหลายแผ่นกล่าวถึงหลินเป่ยเฉิน
สุดท้าย เมื่อนำข้อมูลทุกอย่างมารวมกัน อาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นก็ได้ข้อสรุปว่า…
ข้อมูลเหล่านี้เป็นความจริง
การค้นพบความจริงในครั้งนี้ทำให้เยวียนเหวินจวิ้นรู้สึกผิด
“พวกเรา… หลงผิดคิดว่าหลินเป่ยเฉินเป็นคนเลว”
น้ำเสียงของหลี่ซิวเยวียนบอกถึงความขมขื่น สีหน้ามีแต่ความละอายใจ แต่ในแววตาของเขาปรากฏความตื่นเต้นเล็กน้อย
ศิษย์คนอื่น ๆ อย่างเช่นกานเซียวซวง หลิวเหวินฮุย เยวียนหนงและตู้กู่อู๋อิง ทุกคนต่างก็มีสีหน้าละอายใจเช่นเดียวกัน
พวกเขาละอายใจ
เพราะพวกเขาเกือบจะทำให้วีรบุรุษแห่งแผ่นดินต้องเดือดร้อน
พวกเขาตื่นเต้นไปกับวีรกรรมอันแสนกล้าหาญของหลินเป่ยเฉินที่อยู่ในแผ่นหยกบันทึกข้อมูล หากทุกคนทำให้วีรบุรุษแห่งแผ่นดินเดือดร้อน นั่นก็ไม่เท่ากับว่าพวกเขาเองที่เป็นกบฏแผ่นดินหรอกหรือ?
“แล้วการเดินขบวนวันพรุ่งนี้เล่า?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาแผ่วเบา
เมื่อเอ่ยถึงการเดินขบวน ไม่ว่าจะเป็นอาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นหรือลูกศิษย์ของเขา ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมาทันที
นั่นเป็นเพราะว่าพวกเขาจัดการเรื่องขบวนประท้วงเสร็จเรียบร้อยแล้ว
เมื่อคิดถึงเนื้อหาในการเดินขบวนวันพรุ่งนี้ ทุกคนก็อดรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาไม่ได้ พวกเขาเกือบจะเป็นบุคคลโง่เง่าที่ผลักให้วีรบุรุษแห่งแผ่นดินต้องตกลงสู่เหวลึกตลอดกาลเสียแล้ว
“หรือการเดินขบวนวันพรุ่งนี้ พวกเราจะยกเลิกดีเจ้าคะ”
กานเซียวซวงพูดออกมาเสียงอ่อย
“ไม่ได้”
หลี่ซิวเยวียนปฏิเสธเสียงแข็ง
ทุกคนหันไปมองหน้าเขาด้วยความตกใจ
หัวหน้ากลุ่มลูกศิษย์มีสีหน้าจริงจังมากขึ้นขณะอธิบายว่า “เราจะยกเลิกการเดินขบวนไม่ได้เด็ดขาด ทุกอย่างจะจัดตามกำหนดเดิมต่อไป เพียงแต่เราจะเปลี่ยนเนื้อหาในการเดินขบวนเท่านั้น”
“ท่านหมายความว่า…”
หลิวเหวินฮุยตอบสนองเร็วไว เข้าใจในสิ่งที่เด็กหนุ่มพูดทันที
เยวียนเหวินจวิ้นก็เข้าใจเช่นกัน จึงพูดออกมาว่า “ถูกแล้ว เราต้องจัดการเดินขบวนต่อไป แต่เนื้อหาของการเดินขบวนจะเปลี่ยนเป็นการปลุกใจชาวเมืองให้สนับสนุนหลินเป่ยเฉินและล่วงรู้ถึงคุณงามความดีที่เขาได้กระทำเอาไว้ ดังนั้น สำหรับคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจหลินเป่ยเฉินผิด พวกเขาก็จะได้เปลี่ยนความคิดใหม่ และทยอยบอกต่อกันไปเรื่อย ๆ …”
ได้ยินดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็ยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
เขาไม่ได้กล่าวขัดจังหวะ
ตู้กู่อู๋อิงพูดว่า “แต่ครั้งนี้ข่าวลือเกี่ยวกับคุณชายหลินแพร่กระจายไปทั่วนครหลวง ข้าน้อยเกรงว่าจะหักล้างคงไม่ใช่เรื่องง่าย การปล่อยข่าวลือก่อนหน้านี้ต้องมีคนใหญ่คนโตอยู่เบื้องหลังแน่นอน ถ้าเราจะเปลี่ยนแผนกันจริง ๆ เราก็ควรระมัดระวัง อย่าปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามได้มีเวลาเตรียมตัวนานมากเกินไป”
เยวียนหนงรีบปรบมือสนับสนุนคำพูดของคนรักอย่างออกหน้าออกตา
ทุกคนพูดคุยกันต่อไป
หลินเป่ยเฉินยืนกอดอกริมหน้าต่าง ยิ้มแย้ม ไม่พูดคำใด
ให้ตายสิ!
เด็กหนุ่มเด็กสาวกลุ่มนี้ช่างไฟแรงกันเสียจริง!!
ส่วนอาจารย์เยวียนเหวินจวิ้นก็มีความอาวุโสน่าเคารพยกย่อง ซ้ำยังมีหน้าตาหล่อเหลาอีกด้วย!!!