ตอนที่ 906 สวนแห่งอิสรภาพ
มันเป็นกรงเล็บที่คล้ายกับกรงเล็บของสัตว์ฟันแทะ กรงเล็บนี้ยื่นออกมาจากกลางอากาศอย่างไม่มีสัญญาณเตือน และมันมีเพียงแต่กรงเล็บเท่านั้น หาได้มีส่วนอื่นของร่างกายปรากฏออกมาไม่
หลังจากนั้น กรงเล็บหนูก็สะบัดบิดเล็กน้อย
ลมหายใจต่อมา…
ลูกธนูในมือกรงเล็บหนูพุ่งออกไป
รถม้าสีดำที่จอดขวางถนนพลันระเบิดกระจายกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ตู้ม!
ร่างที่นั่งอยู่ด้านในห้องโดยสารมีลูกธนูพุ่งปักหน้าอก ลอยกระเด็นออกไปตอกติดอยู่กับเสาหินต้นหนึ่งทางด้านหลัง
ฟ้าว!
แข็งแกร่งเหลือเกิน
เรียกได้ว่าแข็งแกร่งมากเกินไปด้วยซ้ำ
แข็งแกร่งเสียจนเยวียนหนงรู้สึกว่าตนเองต่ำต้อย
ความตกตะลึงที่เกิดขึ้นทำให้เด็กหนุ่มลืมเลือนไปแล้วว่าเมื่อสักครู่นี้ตนเองเกือบจะต้องเสียชีวิตลงแล้ว
เยวียนหนงรู้ดีว่าลูกธนูดอกนั้นมีความน่าสะพรึงกลัวเพียงใด
แต่มันกลับกลายเป็นเพียงลูกธนูธรรมดาดาษดื่นที่เจ้าของกรงเล็บปริศนานั้นสามารถคว้าจับและขว้างปากลับไปได้อย่างง่ายดาย
และความเร็วของลูกธนูยามพุ่งทะลวงกลับไปหารถม้าคันนั้น มีความเร็วยิ่งกว่าความเร็วเสียงเสียอีก
ดังนั้น เมื่อชายฉกรรจ์ในรถม้าถูกลูกธนูปักหน้าอกและลอยออกไปตอกติดอยู่กับเสาหินทางด้านหลังเรียบร้อยแล้ว เยวียนหนงจึงเพิ่งได้ยินเสียงของลูกธนูพุ่งแหวกอากาศตามมานั่นเอง
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มถึงได้กลับมารับรู้ถึงสภาวะ ณ ปัจจุบันอีกครั้ง
ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาเพียงพริบตาเดียว
แต่สำหรับหนึ่งในสิบสุดยอดมือกระบี่รุ่นเยาว์แห่งนครหลวงผู้นี้ เขากลับรู้สึกว่าช่วงเวลานี้ช่างยาวนานเหลือเกิน
เพราะเขาเกือบจะต้องลงไปยมโลกเสียแล้ว
“พี่หนง…”
ตู้กู่อู๋อิงรีบวิ่งเข้ามาช่วยประคองเด็กหนุ่มด้วยความตื่นตกใจ
และแทบจะในเวลาเดียวกันนี้เอง พวกเขาทั้งสองคนก็เห็นสิ่งที่แปลกประหลาดเกิดขึ้น…
แสงสีน้ำเงินกะพริบวูบวาบ
แล้วร่างของอะไรบางอย่างก็ปรากฏกายขึ้นกลางอากาศ
มันเป็นหนูอสูรหางกุดร่างยักษ์ มีความสูงเท่ากับครึ่งเอวมนุษย์ ร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อกำยำ แตกต่างจากหนูอสูรทุกชนิดที่เยวียนหนงกับตู้กู่อู๋อิงเคยพบเจอ
มันตัวใหญ่
มันมีขนสีเงิน
เจ้าหนูตัวนี้เป็นอสูรกลายพันธุ์อย่างนั้นหรือ?
เยวียนหนงกับตู้กู่อู๋อิงได้แต่คิดด้วยความตกตะลึง ก่อนจะนึกขึ้นมาได้ว่าเจ้าหนูประหลาดที่ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าพวกเขานี้มีความร้ายกาจมากกว่าอสูรกลายพันธุ์ทั่วไป
นอกจากมันจะสามารถล่องหนหายตัวได้แล้ว ก็ยังสามารถจับลูกธนูและสังหารผู้มีพลังระดับยอดปรมาจารย์ตอนปลายที่ซ่อนตัวอยู่ในรถม้าได้อีกด้วย
หรือว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรที่มีพลังอยู่ในขั้นเซียน?
ว่าแต่ว่า
ทำไมเจ้าหนูตัวนี้ถึงต้องมาช่วยเขาด้วย?
เยวียนหนงได้แต่คิดแล้วก็สงสัยอยู่ในใจ
ฉับพลันนั้น…
วูบ! วูบ! วูบ!
เจ้าหนูอสูรหางกุดเคลื่อนไหวร่างกายว่องไวเป็นลำแสงสีเงิน
ภายใต้แสงจันทรา ลำแสงของมันเป็นประกายกลางความมืดมิด
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!
ร่างของชายฉกรรจ์ชุดดำอีกสี่คนถูกลากออกมาจากจุดซ่อนตัวในความมืด ก่อนที่พวกมันจะมาล้มลงตายกลางถนนอย่างน่าอนาถใจ
วูบ!
เยวียนหนงกับตู้กู่อู๋อิงเห็นแสงสว่างปรากฏขึ้นเบื้องหน้า
เจ้าหนูอสูรหางกุดมาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
เด็กหนุ่มและเด็กสาวผงะถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
เจ้าหนูผีสางตัวนี้มีความแข็งแกร่งมากเกินไปจนพวกเขาหวาดกลัว
โชคดีที่มันไม่ได้มีเจตนาทำร้ายพวกเขา
และบัดนี้ เยวียนหนงกับตู้กู่อู๋อิงก็ได้ค้นพบอีกหนึ่งอย่างที่แปลกประหลาด…
บนหน้าอกของเจ้าหนูอสูรหางกุดตัวนี้มีกระดานชนวนแผ่นหนึ่งแขวนเอาไว้
หืม?
หมายความว่ามันถูกมนุษย์เลี้ยงดูใช่หรือไม่?
บัดนี้ มันกำลังใช้แท่งสีขาวเขียนด้วยมือขวาและใช้มือซ้ายคอยลบตัวอักษรที่เขียนผิด
ครืด ครืด
‘ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า’
ตัวอักษรของจักรวรรดิเป่ยไห่ปรากฏขึ้นบนกระดาน
เจ้าหนูตัวนี้สามารถเขียนหนังสือได้?
ซ้ำยังเป็นภาษาเป่ยไห่อีกด้วย
หรือว่ามันถูกเลี้ยงดูขึ้นมาโดยชาวเป่ยไห่?
เยวียนหนงหันมองหน้าตู้กู่อู๋อิง พวกเขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น และในเวลาเดียวกันนี้ ทั้งสองต่างก็รู้สึกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้มันช่างมหัศจรรย์มากเกินไป
ทันใดนั้น เจ้าหนูยักษ์สะบัดแขนเล็กน้อย
เคร้ง!
ขวดหยกใบหนึ่งตกลงมาอยู่เบื้องหน้าเด็กหนุ่มเด็กสาวทั้งสองคน
‘ยาแก้พิษ’
เจ้าหนูลบข้อความที่เขียนเอาไว้ก่อนหน้านี้ ก่อนจะเขียนข้อความใหม่ลงไปบนกระดาน
เยวียนหนงเข้าใจทุกอย่างโดยทันที
นี่คือขวดยาแก้พิษสำหรับเขา
แสดงว่าลูกธนูมียาพิษ
บัดนี้ เยวียนหนงและตู้กู่อู๋อิงเงยหน้ามองเจ้าหนูอสูรหางกุดที่ยืนจังก้าอยู่เบื้องหน้า และพวกเขาก็รู้สึกขึ้นมาทันทีว่ามัน… น่ารักจังเลย?
…
“หืม ล้มเหลวอย่างนั้นหรือ?”
ณ สถานทูตจักรวรรดิจี้กวง
องค์ชายอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้รับรายงาน
เขาส่งมือธนูขั้นยอดปรมาจารย์ระดับสามไปถึงห้าคน ส่งผู้ใช้ค่ายอาคมระดับยอดปรมาจารย์ไปอีกหนึ่งคน และส่งมือสังหารที่มีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ระดับเจ็ดไปอีกหนึ่งคน… เพียงเพื่อจับตัวตู้กู่อู๋อิงมายังสถานทูตแห่งนี้ พิจารณาดูเบื้องต้น นี่ออกจะเป็นการใช้กำลังผู้คนมากเกินไปด้วยซ้ำ
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าภารกิจกลับล้มเหลว
เว่ยชงเฟิงมีเหงื่อออกเต็มหน้าผากขณะกล่าวว่า “ตู้กู่อู๋อิงได้รับการคุ้มครองจากยอดฝีมือพ่ะย่ะค่ะ”
“ยอดฝีมือ?”
อวี่เค่อซึ่งกำลังนั่งดื่มนมจากถ้วยพลันแลบลิ้นเลียคราบนมบนริมฝีปากและถามว่า “เขามีพลังอยู่ในขั้นไหน?”
เว่ยชงเฟิงตอบว่า “ดูจากร่องรอยในสถานที่เกิดเหตุแล้ว บุคคลที่สามารถทำให้มือสังหารของเราเสียชีวิตได้ในทันที ต้องมีพลังไม่ต่ำกว่าขั้นยอดปรมาจารย์ตอนปลายแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”
“ยอดปรมาจารย์ตอนปลายอย่างนั้นหรือ?”
อวี่เค่อขมวดคิ้วและยิ้มออกมาเล็กน้อย
คำตอบนี้คล้ายกับเป็นการไขปริศนาบางอย่างในใจของนาง
แสดงว่าตู้กู่อู๋อิงต้องมีสถานะไม่ธรรมดา
องค์ชายอวี่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าและสอบถามว่า “สำนักแสงตะวันมียอดฝีมือระดับนั้นก็มีเพียงตู้กู่จิงหงคนเดียว ส่วนยอดฝีมือคนอื่นก็อยู่ภายใต้การจับตามองของพวกเราทั้งหมด แล้วใครกันที่คอยคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่นาง? นี่หมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
เขาถามออกมาด้วยความสงสัยจากใจจริง
“ให้ผู้อาวุโสลู่ล่ายคอยจับตามองตู้กู่จิงหงเอาไว้อย่างใกล้ชิด แล้วก็สืบข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตู้กู่อู๋อิงมาให้ละเอียดมากที่สุด” อวี่เค่อยกถ้วยนมขึ้นดื่มอีกครั้ง
เว่ยชงเฟิงพยักหน้าเร่งร้อนและเอ่ยถาม “ส่วนแผนการลักพาตัวตู้กู่อู๋อิงนั้น พวกเราสมควรหยุดไว้ก่อนไหมพ่ะย่ะค่ะ?”
อวี่เค่อยิ้มออกมาเล็กน้อย แลบลิ้นเลียริมฝีปากและตอบว่า “ไม่ต้องหยุด ดำเนินการต่อไปได้เลย แต่ระวังหน่อยก็แล้วกัน… ห้ามแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด!!”
เว่ยชงเฟิงรับคำสั่งล่าถอยกลับไป
อวี่เค่อดื่มนมจนหมดถ้วยจึงพูดว่า “ท่านพ่อ วันนี้ลูกอยากไปหาท่านพี่หลิน”
“บัดนี้เขาเป็นตัวแทนของจักรวรรดิเป่ยไห่ ตามกฎระเบียบแล้ว พวกเราไม่ควรพบปะพูดคุยกับศัตรูเด็ดขาด”
องค์ชายอวี่ย้ำเตือน
อวี่เค่อยิ้มออกมาด้วยความใสซื่อบริสุทธิ์ ดวงตาหรี่ลงจนคล้ายกับดวงจันทร์เสี้ยว “ข้าไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิเราสักหน่อย ข้านั้นเป็นเพียงเด็กสาวที่ไร้เดียงสานางนึงเท่านั้น การพบกับท่านพี่หลินในครั้งนี้ คงไม่สร้างความเสียหายอันใดหรอกกระมังเพคะ?”
…
“ท่านประมุขคาดเดาได้ถูกต้องเลยขอรับ”
ในห้องลับ ซางกวนเฟยรายงานด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “พวกของศิษย์น้องปลอดภัยดีแล้ว นางได้รับการคุ้มครองโดยยอดฝีมือท่านหนึ่ง บัดนี้ เจ้าหน้าที่กองลาดตระเวนได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนและทำการสืบสวนถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ ผลการสืบสวนออกมาว่านี่เป็นการทะเลาะวิวาทกันระหว่างสำนักยุทธ์ในนครหลวง…”
ตู้กู่จิงหงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ตราบใดที่บุตรสาวของเขาปลอดภัย เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่สำคัญอีกแล้ว
คิดไม่ถึงเลยว่าคนของจักรวรรดิจี้กวงจะคิดลงมือลักพาตัวบุตรสาวของเขาจริง ๆ
โชคดีที่กู่เทียนเล่อไม่ผิดคำสัญญาและส่งยอดฝีมือมาคอยดูแลความปลอดภัยให้แก่บุตรสาวของเขา
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตู้กู่จิงหงก็รู้ดีว่าสถานการณ์ของตนเองยิ่งอันตรายมากขึ้น
แต่ไม่เป็นไรหรอก
ขอแค่บุตรสาวของเขาปลอดภัยก็พอแล้ว
ชายชรารู้อยู่แล้วว่าผลการสืบสวนจะต้องปัดออกมาเป็นการทะเลาะวิวาทระหว่างสำนักยุทธ์…
นี่คือสิ่งที่คาดเดาได้ไม่ยาก
ตู้กู่จิงหงยิ้มเหยียดหยามออกมาเล็กน้อย
…
วันต่อมา
อากาศขมุกขมัว
อุณหภูมิลดต่ำ
ค่าฝุ่น PM 2.5 ในอากาศอยู่ที่ 5
ดวงตะวันยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้า
บัดนี้ เส้นขอบฟ้าปรากฏเพียงแสงสว่างรำไร
กลุ่มศิษย์จากสำนักศึกษาทั่วนครหลวงมารวมตัวกันด้วยความตื่นเต้น พวกเขายืนเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ขบวนกลุ่มผู้ชุมนุมได้รับการดูแลโดยสมาคมศิษย์สำนักศึกษาระดับสูงประจำนครหลวง และบัดนี้ ขบวนผู้ประท้วงก็กำลังมุ่งหน้าไปทางสวนพฤกษาเทพเจ้า ซึ่งอยู่ห่างจากที่ตั้งสมาคมของพวกเขาไปเพียงช่วงตรอกเดียวเท่านั้น
สวนพฤกษาแห่งนี้มีอีกนามหนึ่งว่า…
สวนแห่งอิสรภาพ
เนื่องจากทุกครั้งที่มีการเดินขบวนประท้วง พวกเขาจะต้องผ่านสวนแห่งนี้เป็นประจำ
ครั้งนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
ภายในสวนพฤกษา กลุ่มแกนนำของผู้ชุมนุม อาทิ หลี่ซิวเยวียนและคนอื่น ๆ ได้มายืนรออยู่ล่วงหน้าก่อนแล้ว
แน่นอนว่าย่อมต้องมีเยวียนหนงกับตู้กู่อู๋อิงด้วยเช่นกัน
อาการบาดเจ็บของเด็กหนุ่มฟื้นฟูดีแล้วจากการรักษาของยาแก้พิษที่หนูอสูรหางกุดตัวนั้นทิ้งเอาไว้ให้ เพียงโรยผงในขวดหยกลงไปบนบาดแผลที่โดนพิษเท่านั้น ผิวหนังที่ได้รับความเสียหายก็หายดีราวกับปาฏิหาริย์
ผู้คนมารวมตัวกันมากขึ้นและมากขึ้น
ก่อนตะวันจะลอยตัวขึ้นจากเส้นขอบฟ้า ก็มีศิษย์จากสำนักศึกษาต่าง ๆ หลายระดับชั้นทั่วนครหลวงมารวมตัวกันกว่า 40,000 ชีวิตแล้ว
บางคนค้นพบได้โดยทันทีว่าการเดินขบวนครั้งนี้มีอะไรบางอย่างแตกต่างจากการเดินขบวนในครั้งก่อน ๆ
ณ จุดนัดพบ ปรากฏหน้าจอถ่ายทอดสดขนาดใหญ่ตั้งอยู่จำนวนมาก ค่ายอาคมทั้งหมดถูกจัดเตรียมเรียบร้อย ดูเหมือนว่ากำลังจะมีการฉายภาพอะไรบางอย่างให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้ดูอย่างทั่วถึง…
คงเป็นหลักฐานพฤติกรรมความชั่วร้ายของหลินเป่ยเฉินกระมัง?
กลุ่มผู้ร่วมชุมนุมพากันตั้งตารอคอยด้วยความตื่นเต้น