ตอนที่ 916 กระบี่เซียนสะเทือนบัลลังก์เทพฉบับปรับปรุงใหม่
“นี่มันกระบวนท่ากระบี่เซียนสะเทือนบัลลังก์เทพของเกาเฉิงฮั่นไม่ใช่หรือ?”
จั่วเซียงหรี่ตาลง ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับคล้ายกับเข้าใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงคาดหวังว่า “ที่แท้เขาก็เลื่อนระดับพลังขึ้นมาได้อีกหนึ่งขั้นแล้ว…”
หืม?
กระบวนท่ากระบี่เซียนสะเทือนบัลลังก์เทพ
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูงเล็กน้อย
อ้อ จริงด้วยสิ
ตอนที่พี่ใหญ่เกาใช้กระบวนท่านี้ออกมาเมื่อครั้งก่อน เขาก็ตะโกนชื่อนี้ออกมาก่อนที่จะเริ่มต่อสู้ไม่ใช่หรือ?
ให้ตายสิ!
แต่กระบี่ทั้ง 16 เล่มที่ลอยตัวอยู่ในอากาศนั้นน่าตื่นตาตื่นใจจริง ๆ พวกมันทรงพลัง แต่ก็ดูมีความแตกต่างจากกระบวนท่ากระบี่เซียนสะเทือนบัลลังก์เทพที่พี่ใหญ่เกาเคยใช้ในวันนั้นเล็กน้อย
ลมหายใจต่อมา…
ครืน! ครืน! ครืน!
พลังลมปราณในจำนวนมหาศาลแผ่กระจายออกมาจากใจกลางเวทีประลอง
มวลพลังนั้นระเบิดออกมาเป็นระลอกคลื่น
ระเบิดออกมาทั้งสิ้น 16 ครั้ง
ทันใดนั้น กระบี่เงินทั้ง 16 เล่มก็พุ่งเป็นลำแสงตรงเข้าไปหาอวี้ซือไป๋ที่ระเบิดเสียงคำรามและโคจรพลังป้องกันเช่นกัน
ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนที่กำลังรับชมถึงตรงนี้พลันพร้อมใจกันเบิกตาโต
โดยเฉพาะยอดฝีมือจากจักรวรรดิเป่ยไห่ หัวใจของพวกเขาแทบจะเต้นออกมาอยู่นอกหน้าอกแล้ว
“เป็นไปไม่ได้!!”
ใครคนหนึ่งอุทานออกมา
เนื่องจากกระบี่เงินทุกเล่มบัดนี้หมดแสงสว่างและเริ่มแตกร้าว
พลังกดดันจางหายไป
แล้วพวกมันก็แตกกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อยในพริบตา
ต้องเข้าใจก่อนว่ากระบี่เงินแต่ละเล่มถูกตีขึ้นมาโดยช่างตีเหล็กชื่อดังระดับปรมาจารย์
แต่บัดนี้พวกมันกลับแตกกระจายปลิวไปในอากาศรอบทิศทางบนสังเวียนเฟิงอวิ๋นที่มีม่านพลังคุ้มครองรอบด้าน
กระบี่ 16 เล่ม แตกหักหมดไม่มีเหลือ
กลายเป็นเพียงใบมีดเศษเล็กเศษน้อย
การโจมตีล้มเหลว
รอบสังเวียนประลองเต็มไปด้วยเสียงอุทานด้วยความไม่อยากเชื่อ
ชาวเป่ยไห่จำนวนมากลุกขึ้นยืนจากที่นั่งด้วยความตกตะลึง
ผู้มีพลังระดับเซียนของจักรวรรดิจี้กวงยังไม่ต้องขยับมือเคลื่อนไหวกระบวนท่าใด เพียงนางระเบิดพลังลมปราณออกมา ก็สามารถป้องกันการโจมตีจากเกาเฉิงฮั่นได้อย่างไม่มีปัญหาแล้วหรือ?
นี่ไม่ใช่หมายความว่า… ระดับพลังของทั้งสองฝ่ายห่างชั้นกันมากเกินไป?
“แย่แล้วสิ”
“นางได้รับพลังเสริมจากคันธนูเทพเจ้าร่ำไห้… หน้าไม่อาย!”
“นี่คงจะเป็นความแตกต่างระหว่างผู้มีพลังขั้นเซียนระดับสองกับระดับสามสินะ?”
ในห้องรับรองเต็มไปด้วยเสียงตะโกนโวยวาย
จั่วเซียงกับเสี่ยวเหยียนมีสีหน้าเคร่งเครียด
หลินเป่ยเฉินยังคงหรี่ตาลง
กระบวนท่าไม้ตายของพี่ใหญ่เกาไม่สามารถทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้เลยหรือนี่?
อีกฝ่ายแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
“เฮ้อ ท่านป้าไป๋คงชนะอีกแล้วสิ…”
องค์หญิงอวี่เค่อผู้เสแสร้งแกล้งเป็นเด็กสาวใสซื่อบริสุทธิ์ส่งเสียงตะโกนเจื้อยแจ้วอยู่ในห้องรับรอง “เซียนกระบี่ขี้เมาจากจักรวรรดิเป่ยไห่อ่อนแอเกินไปแล้ว”
เอกอัครราชทูตเว่ยชงเฟิงอาศัยจังหวะนี้ปรบมือสนับสนุนว่า “ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ มือธนูจ้าวอินทรีของพวกเราเป็นถึงผู้มีพลังระดับเซียนเหรียญเงินขั้นที่สาม ตัวตลกเช่นนี้จะสามารถโจมตีนางได้อย่างไร?”
ในห้องรับรอง ผู้คนจำนวนมากหันมาจ้องมองด้วยแววตาเคียดแค้น
บนสังเวียนเฟิงอวิ๋น
“หากนี่คือท่าไม้ตายที่มีการโจมตีรุนแรงที่สุดของท่าน…”
ม่านพลังสีเงินเบื้องหน้าอวี้ซือไป๋หายวับไปแล้ว แววตาของนางดูผิดหวังมากทีเดียวตอนที่กล่าวต่อ “ถ้าอย่างนั้นก็น่าเสียดายเหลือเกิน ท่านอุตส่าห์เลื่อนระดับขึ้นมาได้แล้วแท้ ๆ แต่ก็ยังทะลวงม่านพลังของข้าไม่ได้อยู่ดี คิดไม่ถึงเลยว่าผู้มีพลังระดับเซียนของจักรวรรดิเป่ยไห่… กลับอ่อนแอถึงเพียงนี้”
“เจ้าแน่ใจหรือ?”
เกาเฉิงฮั่นยิ้มเย็นชา
ทันใดนั้น มวลพลังลมปราณก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของชายวัยกลางคนชุดขาว ราวกับเป็นภูเขาไฟที่ระเบิดลาวาออกมาหลังผ่านการกักเก็บยาวนานหลายร้อยปี
บรรยากาศเปลี่ยนไป สถานการณ์พลิกผันอีกครั้ง
“พี่ใหญ่เกาเอาว่ะเฮ้ย”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายระยิบระยับ
เขาสัมผัสได้ถึงพลังลมปราณที่คุ้นเคย
ครืด!
เสียงของโลหะที่กระจัดกระจายอยู่รอบทิศทางสั่นไหว
เวทีประลองมีม่านพลังกั้นไว้รอบทิศ เศษกระบี่ทั้ง 16 เล่มจึงไม่อาจลอยออกไปนอกเขตการประลอง พวกมันยังคงลอยตัวอยู่ในอากาศรอบทิศทาง ไม่ต่างจากดวงดารากลางท้องฟ้าที่มืดมิด…
ร่างของเกาเฉิงฮั่นพลันลอยขึ้นไปในอากาศ
เขาเปลี่ยนมาถือกระบี่สายฟ้าด้วยมือขวา ยกมันขึ้นจรดหน้าอก และใช้มือซ้ายกดลงไปบนตัวกระบี่อย่างแรง
ถ่ายทอดพลังลมปราณลงไป
เศษกระบี่ที่กระจัดกระจายอยู่รอบทิศทางพลันลอยกลับมาหาร่างของเขา
ไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงที่วิ่งหาเจ้าของ
ไม่ต่างจากดวงดาวที่โคจรรอบดวงอาทิตย์…
สิ่งที่เห็นนี้ทำให้หลินเป่ยเฉินนึกถึงการใช้พลังจากศพคนตายของเหลียงหยวนเตา แต่เกาเฉิงฮั่นเปลี่ยนจากศพคนตายเป็นการรวบรวมพลังจากเศษกระบี่ที่แตกหัก
นี่ต่างหากกระบวนท่ากระบี่เซียนสะเทือนบัลลังก์เทพที่แท้จริง
เศษกระบี่เงินนับพันชิ้นสะท้อนประกายสว่างไสว เพียงไม่กี่ลมหายใจ เศษกระบี่ที่ลอยวนเวียนอยู่รอบกายเกาเฉิงฮั่นก็รวมตัวกันใหม่กลายเป็นกระบี่ยักษ์เล่มหนึ่ง!
มันถูกควบคุมด้วยกระบี่สายฟ้าในมือของเกาเฉิงฮั่น
คราวนี้ พลังกดดันที่แผ่ออกมาจากกระบี่ยักษ์พลันคุกคามไปทั่วพื้นที่เวทีประลองทุกตารางนิ้ว
เกาเฉิงฮั่นมีสง่าราศีไม่ต่างไปจากเทพเจ้าตัวจริง
“อวี้ซือไป๋ เจ้าลองรับกระบี่ของข้าดูอีกสักครั้ง”
เสียงพูดของเกาเฉิงฮั่นดังกังวานรอบบริเวณ สะเทือนฟ้าสะท้านดิน
“กระบวนท่ากระบี่เซียนสะเทือนบัลลังก์เทพ!”
เสียงตะโกนยังไม่ทันขาดหาย
เกาเฉิงฮั่นก็ใช้สองมือกุมด้ามจับกระบี่สายฟ้าตวัดฟาดฟันด้วยความหนักหน่วงสุดแรงเกิด แล้วกระบี่เงินยักษ์ที่ลอยตัวอยู่เบื้องหน้าก็พุ่งทะยานเข้าไปหาอวี้ซือไป๋พร้อมด้วยพลังลมปราณมหาศาล
อานุภาพการโจมตีของกระบี่ยักษ์เล่มนี้มีมากมายกว่ากระบี่เงิน 16 เล่มก่อนหน้านี้หลายสิบเท่า
ชาวเป่ยไห่จำนวนนับไม่ถ้วนรอบสังเวียนประลองมีประกายแห่งความหวังสว่างไสวในดวงตา
และพวกขององค์ชายอวี่ก็ถึงกับมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินเองก็ตกตะลึงแล้วเช่นกัน
พี่ใหญ่เกาแข็งแกร่งขึ้น
นี่คงเป็นกระบวนท่ากระบี่เซียนสะเทือนบัลลังก์เทพฉบับปรับปรุงใหม่สินะ?
“กระบี่ที่ 17 อย่างนั้นหรือ?”
อวี้ซือไป๋ผู้ยืนหยัดอยู่บนสังเวียนเฟิงอวิ๋นมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาที่เย็นชาราวกับผลึกน้ำแข็งของนางในที่สุดก็ปรากฏความมีชีวิตชีวาขึ้นเป็นครั้งแรก
นางยกคันธนูในมือขวาขึ้น
และใช้มือซ้ายทำท่ารั้งสายธนูที่มีแต่ความว่างเปล่าไปทางด้านหลัง
แสงสีเงินเป็นประกายสว่างไสว
ทันใดนั้น บริเวณหัวท้ายของคันธนูกลับมีแสงสีเงินปรากฏขึ้นมาเชื่อมต่อพวกมันเข้าด้วยกัน
และมือของอวี้ซือไป๋ก็กำลังรั้งสายธนูอยู่จริง ๆ
ทั่วร่างกายของนางปกคลุมไปด้วยเปลวไฟสีเงิน
ทว่าเป็นเปลวไฟที่หนาวเย็นยิ่ง
“สวรรค์นำทาง น้ำแข็งหนาวเย็น… เทพเจ้าร่ำไห้ด้วยศรพิฆาต!”
นักรบหญิงผู้มีพลังอยู่ในขั้นเซียนเหรียญเงินระดับสามบริกรรมคาถาแผ่วเบา
พลังลมปราณสายหนึ่งแปรเปลี่ยนเป็นลูกธนูดอกหนึ่งอย่างแช่มช้า
เงาร่างของอวี้ซือไป๋ในขณะนี้มีความสง่างามไม่ต่างจากมวลหิมะกลางฤดูหนาว
ลูกธนูลมปราณสีเงินยวงประทับเข้ากับคันธนูและสายรั้งไม่ช้าไม่เร็ว
แต่ดูจากระดับความเร็วแล้ว คมกระบี่ยักษ์ของฝ่ายตรงข้ามคงเข้ามาถึงตัวนาง ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้แผลงศรอย่างแน่นอน
ทว่า คมกระบี่ยังเข้าไม่ถึงตัว ลูกศรเงินกลับถูกยิงออกไปแล้ว
มันพุ่งทะยานออกไปข้างหน้า ราวกับเป็นลำแสงสีน้ำเงินที่พุ่งออกมาจากท้องฟ้ายามราตรี
ลูกธนูลำแสงพุ่งปะทะปลายกระบี่ยักษ์
การปะทะกันครั้งนี้ มีเพียงยอดฝีมือระดับสูงเท่านั้นที่จะสามารถมองเห็นได้ทันเวลา
ส่วนสำหรับผู้คนธรรมดา กว่าที่พวกเขาจะรู้ตัว ปลายกระบี่ยักษ์ก็หักสะบั้น และตัวกระบี่ที่เหลืออยู่ก็เริ่มเกิดรอยแตกร้าว…
พลังกดดันจากตัวกระบี่ที่พุ่งเข้าหาอวี้ซือไป๋พลันแหวกแยกออกเป็นสองฝั่ง
นางยังคงยืนถือคันธนูอยู่ที่เดิม
เส้นผมสีม่วงปลิวไสวในอากาศ
กระบี่ยักษ์แตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เศษกระบี่เงินปลิวกระจายไม่ต่างจากเถ้าถ่าน
ลำแสงลูกศรสีเงินยังคงพุ่งทะยานไปข้างหน้าไม่หยุดยั้ง
จนกระทั่งมันปะทะเข้ากับกระบี่สายฟ้าที่อยู่ในมือเกาเฉิงฮั่น
ลำแสงลูกธนูปะทะเข้ากับปลายกระบี่สายฟ้า
บัดนี้ กาลเวลาคล้ายหยุดนิ่ง
หัวใจของหลินเป่ยเฉินแทบจะทะลักขึ้นมาอยู่ในลำคอ
พวกเขากำลังจะรู้แล้วว่าฝ่ายใดจะเป็นผู้ชนะ!