ตอนที่ 919 หมอยาพิสดาร
การรักษาผู้บาดเจ็บเกิดขึ้นด้านหลังสังเวียน
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
จั่วเซียงถามด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล
เล่ยอี้อินหรือที่รู้จักกันดีในฐานะหมอหลวงแห่งจักรวรรดิเป่ยไห่ ผู้ได้รับฉายานามว่าหมอยาพิสดาร เดินออกมาจากห้องรักษาคนเจ็บ เมื่อถอดหน้ากากลงค่ายอาคมออกแล้ว ชายชราจึงได้ถอนหายใจยาวแรง
เขามองหน้าบรรดาขุนนางใหญ่และพูดเนิบนาบว่า “ต้องขอบคุณการรักษาของคุณชายหลิน อวัยวะภายในของคนเจ็บจึงยังไม่ถูกทำลาย ดังนั้น บัดนี้คนเจ็บจึงพ้นขีดอันตรายแล้ว”
ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
เกาเฉิงฮั่นถูกเล่นงานด้วยธนูเทพเจ้าร่ำไห้ แต่เขาก็ยังไม่ตาย
นับว่าดวงแข็งเป็นอย่างยิ่ง
“ช้าก่อน ท่านหมายความว่าอย่างไร พ้นขีดอันตราย?”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็ผิดสังเกตอะไรบางอย่าง “แล้วอาการบาดเจ็บของเขาเล่า? สมควรหายดีแล้วไม่ใช่หรือ?”
ไม่มีสิ่งใดที่วงแหวนวารีจะรักษาไม่ได้
หลินเป่ยเฉินจึงมั่นใจว่าตนเองสามารถรักษาพี่ใหญ่เกาได้หายดีแล้ว
หรือว่าลูกธนูจากอวี้ซือไป๋จะมีพลังทำลายล้างรุนแรงมากเกินไป?
เล่ยอี้อินประสานมือคำนับหลินเป่ยเฉินพร้อมกับอธิบายว่า “หากไม่ใช่คุณชายหลินยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ชีวิตของแม่ทัพเกาคงดับสิ้นลงแล้ว ธนูเทพเจ้าร่ำให้มีพลังทำลายล้างรุนแรง ต่อให้แม่ทัพเกาจะได้รับการรักษาจากคุณชาย แต่เขาก็คงยากที่จะฟื้นคืนสติขึ้นมาได้อีก หรือถึงฟื้นสติขึ้นมาได้จริง ๆ พลังวรยุทธ์ของแม่ทัพเกาก็ถูกทำลายหมดสิ้น และแม่ทัพเกาก็ไม่ใช่ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นเซียนอีกต่อไป”
“ว่าไงนะ?”
ได้ยินดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็ต้องอุทานออกมาด้วยความร้อนใจ
ปรากฏว่าสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่เขาคิดเอาไว้มาก
เด็กหนุ่มหลงเข้าใจว่าวงแหวนวารีของตนเองจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเกาเฉิงฮั่นได้สบาย ๆ
นั่นเป็นเพราะว่าตอนที่ต่อสู้กับเหลียงหยวนเตา เกาเฉิงฮั่นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน แต่เมื่อรักษาด้วยวงแหวนวารี แม่ทัพใหญ่ก็ฟื้นคืนสติขึ้นมาโดยไม่มีปัญหา
แล้วครั้งนี้วงแหวนวารีรวมตัวเป็นสีเขียวอยู่เหนือศีรษะของเกาเฉิงฮั่น เหตุไฉนแม่ทัพใหญ่ถึงยังไม่ฟื้นขึ้นมาอีก?
ดูเหมือนประเด็นสำคัญจะเป็นเพราะคันธนูเทพเจ้าร่ำไห้
อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากอาวุธชนิดนี้รุนแรงมากเกินไป
และรักษาได้ยากมากเกินไป
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นมานวดขมับโดยไม่รู้ตัว
“ท่านหมอเล่ยพอจะมีหนทางรักษาบ้างหรือไม่?”
ผู้อาวุโสเสี่ยวเหยียนเลิกคิ้วสูง ถามเสียงทุ้มต่ำ
เล่ยอี้อินส่ายหน้าตอบเสียงหนักใจ “เว้นแต่ว่าเขาจะได้รับการรักษาจากเทพีกระบี่เท่านั้น หรืออีกอย่างก็คือคนเจ็บได้รับการรักษาด้วยโอสถจากดินแดนทวยเทพ หากไม่ใช่สองอย่างนี้เกรงว่า… ข้าคงต้องขอกราบเรียนตามความเป็นจริง อาการของแม่ทัพเกา ไม่มีตัวยาชนิดใดบนโลกมนุษย์จะสามารถรักษาให้หายได้อีกแล้ว”
หลังหยุดชะงักไปเล็กน้อย หมอหลวงก็กล่าวเสริม “แต่ที่สำคัญการรักษาต้องเกิดขึ้นโดยเร็วที่สุด ยิ่งปล่อยให้เนิ่นนานไปมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งรักษายากมากขึ้นเท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำวินิจฉัยจากหมอหลวงแห่งจักรวรรดิเป่ยไห่ ดวงตาของจั่วเซียงกับเสี่ยวเหยียนก็หม่นหมองลงในทันใด
สิ่งที่ท่านหมอหลวงพูดออกมาแทบเป็นไปไม่ได้เลย
นี่หมายความว่าถึงแม้จะรอดชีวิตมาได้ แต่เกาเฉิงฮั่นก็คงไม่มีทางฟื้นคืนสติขึ้นมาได้อีกแล้ว
ผู้มีพลังระดับเซียนเมื่อไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป ก็หาได้มีค่าในสายตาของผู้คนไม่
อาจเทียบไม่ได้กับผู้มีพลังขั้นปรมาจารย์ด้วยซ้ำ
เนื่องจากผู้ที่มีพลังขั้นปรมาจารย์อย่างน้อยก็มีความหวังที่จะเลื่อนระดับพลังได้
แต่ผู้มีพลังระดับเซียนที่สูญเสียวรยุทธ์ คงไม่มีทางกลับไปแข็งแกร่งดังเดิมได้อีก
นี่คือความเสียหายครั้งใหญ่ของจักรวรรดิเป่ยไห่
ขุนนางใหญ่หลายคน อย่างเช่นพวกของไต้อวี่เต๋อ ซึ่งเดิมทีมายืนรอฟังคำวินิจฉัยจากหมอยาพิสดารด้วยความกระตือรือร้น เมื่อได้ยินว่าเกาเฉิงฮั่นสูญเสียวรยุทธ์ไปเกือบทั้งหมด พวกเขาก็หันหลังกลับเดินหนีหายไปทันที
เกาเฉิงฮั่นไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่ ไม่ได้มีอาจารย์หรือลูกศิษย์คนสำคัญ เมื่อสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ นั่นก็หมายความว่าเกาเฉิงฮั่นไร้ค่าหมดความหมายในศูนย์กลางแห่งการแย่งชิงอำนาจโดยสิ้นเชิง
บรรยากาศหน้าห้องรักษาผู้บาดเจ็บพลันแปลกประหลาดไปเล็กน้อย
กลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่เมื่อสักครู่ทยอยเดินหายไปทีละคนสองคน
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มขุนนางใหญ่
กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์
รวมไปถึงกลุ่มองค์ชายจากในวังหลวง
หลินเป่ยเฉินยกมือทำท่าดันแว่นแบบยอดนักสืบจิ๋ว จ้องมองเล่ยอี้อินพร้อมกับสอบถามว่า “พูดอีกอย่างก็คือ ในสถานการณ์เช่นนี้ ท่านไม่สามารถรักษาพี่ใหญ่เกาได้อีกแล้วใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำถามของเด็กหนุ่ม หัวใจของพวกเสี่ยวเหยียนก็คล้ายกับจะแตกสลายลงไปเสียตรงนั้น
เป็นเรื่องแล้วสิ
ทุกคนรู้ดีว่าหมอยาพิสดารเล่ยอี้อินมีทักษะทางการแพทย์ล้ำเลิศที่สุดในยุทธภพ อีกทั้งเขายังมีความมั่นใจในตนเองสูงส่ง เกลียดชังการถูกดูหมิ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูหมิ่นฝีมือรักษาคนไข้ ยามใดที่มีคนสงสัยในความสามารถของเขาเพียงเล็กน้อย เล่ยอี้อินก็ถึงกับต้องอาละวาดโดยไม่เกรงใจผู้ใด
หลินเป่ยเฉินถามคำถามเช่นนี้ออกมา ย่อมต้องเกิดเรื่องขึ้นเป็นแน่แท้
แต่ใครจะรู้เลยว่าเล่ยอี้อินเพียงตอบรับด้วยความสุภาพว่า “ข้าทำได้เพียงบรรเทาผลข้างเคียงจากพลังทำลายล้างของลูกธนูดอกนั้นลงขอรับคุณชาย นี่จึงหมายความว่าถึงแม่ทัพเกาจะไม่ฟื้นคืนสติขึ้นมา แต่อย่างน้อยในระหว่างนี้ เขาก็จะเจ็บปวดน้อยลง…”
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นตั้งคำถามนี้กับเขา เล่ยอี้อินย่อมต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด
แต่สำหรับหลินเป่ยเฉินนั้นต่างออกไป
ไม่ใช่เพราะว่าหลินเป่ยเฉินมีชื่อเสียงโด่งดัง ไม่ใช่เพราะว่าหลินเป่ยเฉินกำลังจะต้องขึ้นไปเผชิญหน้ากับอวี้ซือไป๋บนสังเวียนต่อสู้ในอีกสามวันข้างหน้า
แต่เป็นเพราะว่าวิธีการรักษาที่หลินเป่ยเฉินใช้ช่วยชีวิตเกาเฉิงฮั่นนั้น มันคือสิ่งที่เล่ยอี้อินไม่เข้าใจและอยากจะเรียนรู้ เขามีความหมกมุ่นเรื่องการแพทย์ตั้งแต่เล็กจนโต บัดนี้ จึงรู้สึกเกรงใจเด็กหนุ่มอยู่หลายส่วน
“ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนท่านหมอเล่ยช่วยเตรียมโอสถให้เขาด้วย” หลินเป่ยเฉินว่า หลังจากนั้นจึงได้หันมากล่าวต่อพวกของจั่วเซียง “ข้าอยากจะพาพี่ใหญ่เกากลับไปรักษาตัวที่จวนซางจั้วหยวน และเรื่องราวต่อจากนี้ ข้าจะจัดการเอง”
จั่วเซียงขมวดคิ้วเล็กน้อย กล่าวตอบ “คุณชายสมควรเตรียมตัวสำหรับการประลองในอีกสามวันไม่ดีกว่าหรือ ส่วนแม่ทัพเกาจวนตระกูลจั่วของข้าจะดูแลเอง รอให้ผ่านสามวันนี้ไป…”
“ไม่จำเป็น”
หลินเป่ยเฉินปฏิเสธเสียงแข็ง “แค่ทำตามที่ข้าสั่งก็พอ”
ในอดีต เยว่หงเซียงถึงกับต้องเสียโฉมเพื่อช่วยชีวิตเขามาแล้ว หลินเป่ยเฉินยังไม่ค้นพบวิธีที่จะทำให้ใบหน้าของนางกลับมางดงามดังเดิม บัดนี้ เกาเฉิงฮั่นยินยอมออกไปต่อสู้เพื่อทดสอบระดับพลังของอวี้ซือไป๋ให้เขาได้รับทราบ และท่านแม่ทัพใหญ่ก็ถึงกับได้รับบาดเจ็บสาหัสกำลังจะสิ้นลมหายใจ…
หลินเป่ยเฉินจะปล่อยให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยไม่ได้เด็ดขาด
ครั้งนี้ เขาต้องทำอะไรสักอย่าง
การรักษาเกาเฉิงฮั่นใช่ว่าจะไม่มีความหวัง
ขอแค่เทพีกระบี่ยอมช่วยเหลือก็พอแล้ว
…
ข่าวเรื่องความพ่ายแพ้ของเซียนกระบี่ขี้เมาเกาเฉิงฮั่นกระจายไปทั่วนครหลวงอย่างรวดเร็ว
เช่นเดียวกับภาพการต่อสู้ที่เกิดขึ้น
การประลองครั้งนี้มีการถ่ายทอดสด ผู้ชมทั่วนครหลวงจึงได้รับชมกันอย่างทั่วถึง
สำหรับชาวเป่ยไห่ นี่คือผลการต่อสู้ที่น่าเศร้าใจ
เกาเฉิงฮั่นสร้างชื่อเสียงโด่งดังมายาวนานหลายสิบปี
ทุกคนรู้ดีถึงชื่อเสียงด้านการต่อสู้ในสนามรบของเขา
โดยเฉพาะกระบวนท่ากระบี่เซียนสะเทือนบัลลังก์เทพ หากเปลี่ยนจากเวทีประลองแห่งนี้ไปเป็นสนามรบที่ไหนสักแห่ง เกาเฉิงฮั่นผู้เลื่อนระดับขึ้นมาเป็นยอดฝีมือขั้นเซียนระดับสอง ก็คงสามารถกวาดล้างศัตรูได้ทั่วสมรภูมิในพริบตาเดียว
แต่นั่นกลับยังไม่ดีพอที่จะเอาชนะอวี้ซือไป๋
คันธนูประจำชาติของจักรวรรดิจี้กวงมีความแข็งแกร่งมากเกินไป
กระบวนท่ากระบี่เซียนสะเทือนบัลลังก์เทพไม่สามารถทำอะไรได้เลย
มือกระบี่หลายท่านที่รับชมการต่อสู้ครั้งนี้ทราบดีว่าอวี้ซือไป๋ยังไม่ทันได้เอาจริงเลยด้วยซ้ำ นางก็สามารถชนะได้อย่างง่ายดาย
นี่แสดงให้เห็นถึงระดับพลังที่สูงส่งของมือธนูจ้าวอินทรี
แล้วอีกสามวันต่อจากนี้ ผู้ที่จะต้องขึ้นสังเวียนไปเผชิญหน้ากับนางก็คือหลินเป่ยเฉิน เด็กหนุ่มยังพอมีหวังที่จะเอาชนะได้บ้างหรือไม่?
ผู้คนจำนวนมากได้แต่สวดภาวนา
พวกเขาขอให้มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้น ทุกคนก็เข้าใจดีว่ามันเป็นเรื่องยาก
หลินเป่ยเฉินเป็นเพียงผู้มีพลังระดับเซียนหน้าใหม่
ระดับพลังของเขาอยู่ในขั้นเหรียญทองแดง
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มยังขาดอาวุธที่จะใช้ต่อกรกับคันธนูเทพเจ้าร่ำไห้
แล้วเวลาก็ผ่านไปอีกวัน