ตอนที่ 923 ไสหัวออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้
“อย่าให้พวกสำนักแสงตะวันรอดไปได้แม้แต่คนเดียว”
“ใครก็ตามที่เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับพวกมัน ก็ถือเป็นกบฏแผ่นดินทั้งสิ้น”
“เราต้องประหารชีวิตตระกูลตู้กู่เก้าชั่วโคตร”
“ข้าได้ยินเรื่องราวความชั่วร้ายของสำนักแสงตะวันมาหมดแล้ว เราจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวลไม่ได้…”
เสียงตะโกนด้วยความโกรธแค้นดังมาจากกลุ่มฝูงชน
ในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ จักรวรรดิเป่ยไห่เกิดความตกต่ำเนื่องจากพ่ายแพ้ในการรบต่อจักรวรรดิจี้กวงหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อจักรวรรดิจี้กวงเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับชาวทะเลบุกโจมตีจักรวรรดิเป่ยไห่ ความโกรธแค้นเกลียดชังที่พวกเขามีต่อจักรวรรดิจี้กวงจึงเพิ่มมากขึ้นทวีคูณ
การทรยศประเทศชาติและหันหน้าไปร่วมมือกับจักรวรรดิจี้กวง คือความผิดที่ให้อภัยไม่ได้เป็นอันขาด
และสิ่งที่สำนักแสงตะวันทำลงไปนั้น ก็คือสิ่งที่ทุกคนเกลียดชังมากที่สุด จึงไม่แปลกใจเลยที่ชาวเมืองจะโกรธแค้นถึงขนาดนี้
ณ ประตูกรมมือปราบ
เจ้าหน้าที่มือปราบในชุดเกราะสีเลือดหมูยืนประจำตำแหน่งเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาเนื่องจากการชุมนุมของผู้คนจำนวนมาก
ด้านในกรมมือปราบ หมู่ตึกหลังที่สี่ ห้องสอบสวนลับ
เสนาบดีไต้อวี่เต๋อนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวใหญ่ด้วยท่วงท่าสบายใจ นิ้วมือทั้งสองข้างของเขาประสานกัน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าเล็กน้อย
ผู้ที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามคือเด็กสาวที่เป็นเสมือนเหยื่อในกรงขังของเขา
เหยื่อที่ถูกขังอยู่ในกรง สุดท้ายก็ต้องถูกนักล่าจับกิน
ความแตกต่างเดียวก็คือไต้อวี่เต๋อจะทำอย่างไรให้เหยื่อของเขามีรสชาติอร่อยมากที่สุด
“คุณหนูตู้กู่ เรื่องราวทั้งหมดนี้ชัดเจนแล้ว บิดาของเจ้าเป็นกบฏแผ่นดิน ตราบใดที่เจ้าเป็นบุตรสาวของเขา เจ้าก็ต้องรับโทษตามกันไป ต่อให้ข้าสั่งประหารเจ้าในตอนนี้ ก็คงไม่มีผู้ใดคัดค้านอีกแล้ว เจ้ารู้หรือไม่?”
ตู้กู่อู๋อิงยืนนิ่งเงียบใจกลางห้องสอบสวนในชุดสีขาว
สีหน้าตื่นตระหนกและหมดหวัง
ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่หลงทางกลางพายุใหญ่
ห่างออกไปไม่กี่วา เยวียนหนงถูกล่ามโซ่แขวนอยู่บนผนังเลือดท่วมตัว เข็มแหลมจำนวนมากถูกแทงลงไปตามจุดลมปราณบนร่างกาย แม้เด็กหนุ่มจะมีพลังอยู่ในขั้นยอดปรมาจารย์ แต่ขณะนี้ เขาก็ไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้อีกแล้ว
“ไต้อวี่เต๋อ เจ้าก็รู้ดีว่าท่านประมุขตู้กู่ยอมร่วมมือกับพวกเรา และบอกความลับทั้งหมดออกมาแล้ว…”
เสียงคำรามของเยวียนเหวินจวิ้นดังมาจากอีกด้านหนึ่งของห้อง
เขาก็มีสภาพไม่ต่างไปจากเยวียนหนงผู้เป็นบุตรชาย เสียแต่ว่าไม่ได้ถูกจับแขวนอยู่บนผนังเท่านั้น แต่อาจารย์สำนักศึกษาชื่อดังท่านนี้ถูกคุมตัวโดยมือปราบสองนาย จึงเป็นเรื่องยากที่จะหลุดรอดออกมาได้จากการควบคุม
“หลังกระทำความผิดชั่วร้ายนานหลายปี การบอกความลับเพียงไม่กี่คำจะช่วยลบล้างความผิดของเขาได้หรืออย่างไร?” ไต้อวี่เต๋อหันหน้ากลับมาตอบด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม “อีกอย่างใครจะไปแน่ใจได้ว่าเขาไม่ได้โกหก?”
“ท่านประมุขตู้กู่แสดงความจริงใจออกมาแล้ว บรรดาทวยเทพบนสรวงสวรรค์จะต้องปกปักรักษาดวงวิญญาณของเขา… ไต้อวี่เต๋อ เจ้ายื่นมือเข้ามาแทรกแซงเรื่องราวทางการเมือง การทำเช่นนี้ทำให้ประเทศชาติเสียหาย เจ้านี่แหละคือคนบาปของจักรวรรดิตัวจริง จะต้องมีคนมาจัดการเจ้าแน่นอน…”
เยวียนเหวินจวิ้นพูดด้วยความโกรธแค้น
ก่อนหน้านี้ เขาได้อธิบายเรื่องราวทุกอย่างกับเจ้าหน้าที่สอบสวนทั้งหมดแล้ว
แต่ก็ยังไม่สามารถปกป้องชีวิตของท่านประมุขตู้กู่และสำนักแสงตะวันได้อยู่ดี
หากทุกอย่างเป็นไปตามแผนการที่เยวียนเหวินจวิ้นวางเอาไว้ พวกเขาจะสามารถตอบโต้จักรวรรดิจี้กวงได้อย่างเจ็บแสบ และนั่นจะทำให้สถานการณ์ในสมรภูมิชายแดนเหนือของพวกเขาพลิกกลับมาเป็นฝ่ายมีชัย
แต่แผนการทั้งหมดนั้นก็พังทลายลงไปเพราะความเห็นแก่ตัวของไต้อวี่เต๋อ
“หึหึ เจ้าแน่ใจหรือ?”
ดูเหมือนไต้อวี่เต๋อจะเห็นคำพูดเหล่านี้เป็นเพียงเรื่องตลก
เขาหัวเราะและกล่าวว่า “ข้ารู้ เจ้ากำลังพูดถึงเกาเฉิงฮั่นสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า ก่อนหน้านี้ข้ายังต้องไว้หน้าเขาบ้าง แต่บัดนี้ เกาเฉิงฮั่นกลายเป็นบุคคลไร้ประโยชน์ไปแล้ว มีใครบ้างจะสนใจบุคคลไร้ประโยชน์เช่นนั้น?”
เยวียนเหวินจวิ้นตอบเสียงแข็งว่า “ท่านแม่ทัพเกาเฉิงฮั่นเป็นวีรบุรุษแห่งแผ่นดิน…”
“เขามันก็แค่คนพิการ”
ไต้อวี่เต๋อสวนกลับมาทันควัน “วีรบุรุษแห่งแผ่นดินที่ไม่สามารถออกไปสู้รบได้อีก ย่อมไม่มีประโยชน์ใดๆ อีกแล้ว”
“เจ้า…”
เยวียนเหวินจวิ้นสูดหายใจลึกๆ และกล่าว “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าจะบอกเจ้า นอกจากท่านแม่ทัพเกา ยังมีผู้มีพลังระดับเซียนอีกท่านหนึ่งที่ได้รับการขอร้องให้คอยคุ้มครองตู้กู่อู๋อิง”
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังพูดถึงผู้ใด เจ้ากำลังหมายถึงกู่เทียนเล่อใช่หรือไม่?” ไต้อวี่เต๋อระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ ก่อนจะหยุดชะงักและพูดเน้นย้ำทีละคำว่า “ข้ากำลังรอให้เขามาหาอยู่พอดี”
สีหน้าของเยวียนเหวินจวิ้นเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ไต้อวี่เต๋อเงยหน้าขึ้นมายิ้มเหยียดหยาม “เอาเถอะ ข้าจะไม่พูดจาไร้สาระกับเจ้าอีกต่อไป พวกเรามีหลักฐานเพียงพอที่จะยืนยันว่าเจ้ามีความผิดโทษฐานสมรู้ร่วมคิดกับตู้กู่จิงหงและสำนักแสงตะวัน ขอแค่ข้าออกคำสั่งเพียงคำเดียว เจ้าจะถูกนำตัวไปประหารทันที… เด็กๆ ปิดปากมันไว้”
มือปราบที่ยืนคุมตัวเยวียนเหวินจวิ้นรีบสะกดจุดปิดการพูดของสองพ่อลูกตระกูลเยวียนทันที
สายตาของไต้อวี่เต๋อหันกลับมาจับจ้องมองที่ตู้กู่อู๋อิงอีกครั้ง
เขาเดินเข้ามาใกล้และใช้มือลูบเส้นผมยาวสลวยของเด็กสาวเล็กน้อย ก่อนจะยกปลายผมขึ้นมาสูดดม และเปิดเผยให้เห็นถึงสีหน้าที่ชั่วร้ายเลวทราม
ตู้กู่อู๋อิงยืนตัวสั่นเทา ไต้อวี่เต๋อหันกลับไปมองทางพ่อลูกตระกูลเยวียนผู้พยายามดิ้นรนด้วยความหมดหวัง เห็นดังนั้น เสนาบดีวัยกลางคนก็ยิ้มออกมาอย่างผู้ชนะ
“ฟังให้ดีนะสาวน้อย ข้าไม่ได้มีความอดทนมากนัก ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายกับเจ้า มาเป็นคู่ขาในการฝึกวิชากับข้า แล้วข้าจะให้คนนำศพบิดาของเจ้าไปกลบฝัง รวมถึงข้าจะปล่อยตัวสองพ่อลูกตระกูลเยวียนคู่นี้ไปด้วย มิฉะนั้น เจ้าลองนึกดูก็แล้วกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น…”
ไต้อวี่เต๋อข่มขู่
ตู้กู่อู๋อิงตื่นตระหนกและเสียขวัญ
นางพยายามตั้งสติ
ดวงตาเป็นประกายด้วยความเกลียดชังยามจ้องมองเสนาบดีแห่งกรมมือปราบที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ก่อนถามออกมาน้ำเสียงแผ่วเบา “ข้าจะเชื่อใจท่านได้อย่างไร?”
นางกัดฟันกอดและกล่าวต่อ “ข้าจะยอมทำตามที่ท่านบอก แต่ท่านต้องปล่อยตัวอาจารย์เยวียนและบุตรชายของเขาไปก่อน รวมถึงต้องนำศพบิดาของข้าไปกลบฝังก่อนด้วย”
“เจ้าคิดว่าตนเองมีสิทธิ์มาต่อรองกับข้าอย่างนั้นหรือ?”
ไต้อวี่เต๋ออดหัวเราะออกมาไม่ได้
ช่างเป็นเด็กสาวที่ใสซื่อเหลือเกิน
การฝึกวิชาตามตำราลับของไต้อวี่เต๋อนั้น จำเป็นต้องมีคู่ขาที่พิเศษเฉพาะตัวมากเกินไป ตู้กู่อู๋อิงเป็นเพียงเด็กสาวคนเดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติตรงตามคัมภีร์ทุกประการ หากสามารถเปลี่ยนเป็นใช้สตรีนางอื่นได้ มีหรือที่ไต้อวี่เต๋อจะต้องเสียทั้งแรงและเสียทั้งเวลาขนาดนี้
“ข้ามีเพียงข้อแม้นี้ข้อแม้เดียวเท่านั้น”
ขณะนี้ ตู้กู่อู๋อิงกลับมีความเยือกเย็นมากกว่าก่อนหน้านี้หลายเท่า นางกล่าวต่อไปด้วยจิตใจที่เด็ดเดี่ยวว่า “ท่านเป็นถึงเสนาบดีแห่งกรมมือปราบ มีอำนาจมากมายล้นฟ้า เมื่อท่านปล่อยตัวอาจารย์เยวียนและบุตรชายไปแล้ว หากข้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของท่าน ท่านก็สามารถไปจับกุมตัวพวกเขามาได้ตลอดเวลา สำหรับท่านไม่มีอะไรเสียหายอยู่แล้ว”
โลกภายนอกยังคงมีกู่เทียนเล่อ ขอแค่อาจารย์เยวียนกับพี่หนงสามารถไปพบศิษย์พี่กู่ได้สำเร็จ พวกเขาก็จะปลอดภัย
นี่คือสิ่งเดียวที่นางทำได้
ตู้กู่อู๋อิงคิดอยู่ในใจ
ไต้อวี่เต๋อยื่นมือออกไปเชยคางของเด็กสาวขึ้นมาและส่ายหน้าตอบว่า “ข้าไม่เคยรับข้อเสนอจากใครมาก่อน หากเจ้ายังคงดื้อรั้นอยู่เช่นนี้ ข้าก็คงต้องทำให้ดูเสียแล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น เด็กๆ… ตัดแขน”
เขาหันกลับไปขยิบตาส่งสัญญาณ
มือปราบนายหนึ่งชักกระบี่ออกมาจากข้างเอว
ควับ!
คมกระบี่สาดประกาย
แขนข้างหนึ่งของเยวียนเหวินจวิ้นขาดกระเด็น
“อ๊ากกก…”
แล้วอาจารย์เยวียนก็สลบไปด้วยความเจ็บปวด
“ไม่นะ…”
ตู้กู่อู๋อิงร่ำร้องออกมาด้วยความเสียใจ
“ตัดอีกข้าง”
ไต้อวี่เต๋อหัวเราะเยาะและกล่าวว่า “เจ้ากำลังจะได้รู้ว่าการคิดเจรจากับข้านั้นมีผลลัพธ์อย่างไร…”
มือปราบนายนั้นยกกระบี่ขึ้นอีกครั้ง
แต่ทันใดนั้น…
“ไต้อวี่เต๋อ ไสหัวออกมาหาข้าเดี๋ยวนี้”
เสียงคำรามที่ดังปานฟ้าถล่มแผ่นดินทลายสะท้อนสะเทือนไปทั่วทั้งกรมมือปราบ
นี่คือเสียงแห่งความหวัง
ดวงตาที่มีแต่ความสลดหดหู่ของตู้กู่อู๋อิงพลันกลับมาเป็นประกายระยิบระยับ
นี่คือเสียงของศิษย์พี่กู่
เขามาแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้ จ้าวอวิ๋นชาง ผู้บัญชาการกองลาดตระเวนก็พุ่งตัวเข้ามาคุกเข่ารายงานว่า “กราบเรียนท่านเสนาบดี เกิดเรื่องใหญ่ในจัตุรัสแล้วขอรับ…”