ตอนที่ 928 ข้าถูกใส่ร้าย
เมื่อตรวจสอบจนแน่ใจว่าพวกของเยวียนเหวินจวิ้นปลอดภัยดี หลินเป่ยเฉินก็ขบคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันมาใช้วงแหวนวารีรักษาอาการบาดเจ็บของไต้อวี่เต๋อให้หายดีประมาณ 90 ส่วน
“เลิกแกล้งตายได้แล้ว ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้”
หลินเป่ยเฉินใช้เท้าสะกิดใบหน้าเสนาบดีแห่งกรมมือปราบ
สีหน้าของไต้อวี่เต๋อบอกถึงความทุกข์ระทมอย่างสุดขีดเมื่อทราบว่าตนเองไม่มีทางแกล้งตายได้อีกต่อไป เขาจึงลุกขึ้นนั่งคุกเข่าบนพื้นห้องด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา
บัดนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ตนเองเป็นขุนนางระดับสูงอีกแล้ว
ตำแหน่งศักดิ์ศรีไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
ตราบใดที่ทำให้รอดชีวิตได้ ต่อให้ต้องรับประทานอาจม ไต้อวี่เต๋อก็ยินดียิ่ง
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความพอใจ
พอใจในท่าทีของอีกฝ่าย
เขาหันกลับไปมองหน้าจูจวิ้นหลาน ยิ้มมุมปากและใช้มือเชยคางอีกฝ่ายให้เงยหน้าขึ้นมา “คุณชายจู ไม่คิดเลยนะว่าพวกเราจะได้พบเจอกันอีก”
“เอ่อ…”
จูจวิ้นหลานมีท่าทีลังเลและกระอักกระอ่วนใจ
เพี๊ยะ!
สายแส้ในมืออากวงฟาดเข้ามาอีกครั้ง
‘ตอบคําถาม’
มันเขียนขยุกขยิกใส่กระดานประจำตัว ออกคำสั่งด้วยความเรียบง่าย
จูจวิ้นหลานผู้มีพลังระดับเซียนและมาจากตระกูลใหญ่ ถึงกับต้องหัวเราะออกมาด้วยความละอายแก่ใจ ก่อนก้มหน้าก้มตาตอบว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว พวกเราบังเอิญพบเจอกันอีกแล้วขอรับ… คุณชายหลิน”
นับว่าครั้งนี้พวกเขาบังเอิญพบเจอกันโดยไม่คาดฝันจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งยกมือทาบอกด้วยความประหลาดใจ “อุ๊ต๊ะ! แล้วคุณชายจูมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร? หรือว่าท่านเป็นผู้บงการไต้อวี่เต๋อให้ดำเนินการสังหารข้า?”
ขณะนี้ ไต้อวี่เต๋อตัวสั่นงันงก ไม่กล้าสบตามองผู้ใด
จูจวิ้นหลานรีบปฏิเสธเสียงแข็ง “หามิได้ หามิได้ มันจะเป็นเช่นนั้นไปได้อย่างไร”
เขาปฏิเสธด้วยความร้อนรน
เพื่อแสดงเจตนาบริสุทธิ์
แต่คล้ายจูจวิ้นหลานจะรู้ว่ามันยังดูไม่น่าเชื่อถือมากพอ เขาจึงรีบกล่าวเสริมว่า “คุณชายหลิน ข้าถูกหลอก เป็นเจ้าสุนัขไต้อวี่เต๋อมันหลอกใช้ข้า คุณชายลองสอบปากคำมันดูให้ดีเถิดว่ามันทำเรื่องราวทั้งหมดนี้เพื่ออะไร ข้าขอรับปากกับท่านเลยว่าข้าจะเป็นคนตัดศีรษะเจ้าสุนัขตัวนี้ด้วยมือของข้าเอง”
“จริงหรือ?”
หลินเป่ยเฉินแสดงสีหน้าสงสัยไม่อยากเชื่อ
จูจวิ้นหลานพยักหน้าด้วยความร้อนรน “หากคุณชายไม่เชื่อข้า ลองถามไต้อวี่เต๋อดูก็ได้”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองหน้าไต้อวี่เต๋อ
ไต้อวี่เต๋อริมฝีปากกระตุกระริก
ให้มาถามกับผีน่ะสิ
ใครกันเล่าที่ก่อนหน้านี้บอกว่าต่อให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ตนเองก็จะยืนหยัดอยู่ตรงนี้อย่างไม่หวาดกลัวหลินเป่ยเฉิน?
ใครกันเล่าที่บอกว่าจะเป็นคนจัดการหลินเป่ยเฉินด้วยตัวเอง ขอให้ทุกคนเบาใจได้?
ใครกันเล่าที่รับปากว่าเพียงตนเองแสดงฝีมือ พวกของหลินเป่ยเฉินก็จะต้องตกตายราวกับสุนัขข้างถนนตัวหนึ่ง?
แล้วดูสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้สิ
จูจวิ้นหลานยังมีหน้าเรียกตัวเองว่าเป็นมนุษย์ได้อยู่อีกหรือ?
แต่หากไต้อวี่เต๋อปฏิเสธคำพูดของจูจวิ้นหลาน ในอนาคตข้างหน้า ตระกูลจูก็จะต้องมาตามแก้แค้นเขาจนตกตายไร้แผ่นดินกลบฝัง และความผิดในครั้งนี้ก็มีมากพอที่จะทำให้ตระกูลไต้โดนกวาดล้างยกตระกูล
สุดท้าย ไต้อวี่เต๋อก็ไม่ได้ตอบคำใดออกมา
มีเพียงหยดน้ำตาที่ไหลลงมาจากหางตาเท่านั้น
“ดูสิขอรับ คนผู้นี้ถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความละอายแก่ใจแล้ว”
จูจวิ้นหลานส่งเสียงพูดละล่ำละลัก
หลินเป่ยเฉินหัวเราะหึ ๆ ได้แต่คิดอยู่ในใจว่าจูจวิ้นหลานผู้นี้กลอกกลิ้งเจ้าเล่ห์ยิ่งกว่าตัวเขาเสียอีก “ถ้าอย่างนั้นทำไมท่านต้องพยายามสกัดขัดขวางคนของข้าด้วย?”
จูจวิ้นหลานชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะส่ายหน้าอธิบายด้วยความร้อนรน “ข้าไม่รู้ว่าชายฉกรรจ์ชุดเกราะเงินเหล่านี้เป็นคนของคุณชายหลินขอรับ หากข้ารู้ ข้าก็จะต้องต้อนรับพวกเขาอย่างอบอุ่นแน่นอน… ฮื่อ ข้าผิดไปแล้ว ข้าเสียใจมากจริง ๆ ข้าไม่น่ายื่นมือเข้าไปขัดขวางพวกท่านเลย คุณชายหลิน..”
ไต้อวี่เต๋อกำลังจ้องมองจูจวิ้นหลานด้วยดวงตาเบิกโต
ให้ตายสิ
จูจวิ้นหลานถึงกับไร้ยางอายเพียงนี้เชียวหรือ?
ในโลกนี้มีคนที่ไร้ยางอายถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?
แม้แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังต้องแอบเลื่อมใสอยู่ในใจ
พ่ายแพ้แล้ว
หากสู้กันเรื่องความไร้ยางอาย เป็นเขาที่ต้องพ่ายแพ้ให้แก่จูจวิ้นหลานอย่างราบคาบ
เกออู๋โหยวที่ยืนอยู่ด้านข้างริมฝีปากก็สั่นกระตุกแล้วเช่นกัน
นี่หรือคืออัจฉริยะระดับเซียนจากกลุ่มพันธมิตรจักรวรรดิส่วนกลาง?
ไร้ยางอายสิ้นดี
“ข้าไม่ฟังแล้ว ข้าไม่ฟังแล้ว ในเมื่อเจ้าสกัดขัดขวางคนของข้า เจ้าก็ต้องมอบคำอธิบายออกมา”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นนวดขมับพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “แต่เดี๋ยวจะหาว่าข้าไม่ให้โอกาสท่าน เอาเป็นว่าข้าจะให้ท่านเลือกระหว่างยอมเสียแขนขาอย่างละข้าง กับยอมจ่ายค่าปรับเป็นศิลาบูชา ท่านจะเลือกทางใด”
จูจวิ้นหลานแทบจะกระอักเลือดออกมา
นี่คือเหตุการณ์ที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง
ความรู้สึกที่คุ้นเคย รสชาติที่คุ้นเคย
“ข้า…”
จูจวิ้นหลานสะกดกลั้นความเศร้าในหัวใจ ตอบว่า “ข้าขอชดใช้ความผิดด้วยการจ่ายเป็นศิลาบูชา”
“เลือกได้ดี”
หลินเป่ยเฉินยกนิ้วโป้งด้วยความชื่นชมและถามต่อ “แต่นี่ท่านกำลังคิดว่าข้ารีดไถท่านอยู่ใช่หรือไม่?”
“อะไรนะขอรับ?”
จูจวิ้นหลานทำสีหน้าตกอกตกใจขณะตอบเสียงดัง “ข้าลงมือสกัดขัดขวางคนของท่าน บัดนี้ข้าสำนึกผิดแล้ว ข้าจะไปคิดว่าคุณชายหลินกำลังรีดไถข้าอยู่ได้อย่างไร แต่นี่เป็นความเมตตาจากคุณชายหลินต่างหาก ใครที่กล่าวหาว่าท่านกำลังรีดไถผู้คน ข้าจะไปสังหารมันด้วยตนเอง”
“สมแล้วที่เป็นคุณชายจูจวิ้นหลานผู้ปราดเปรื่อง”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าด้วยความชื่นชมจากใจจริง “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น เรามาคุยเรื่องสำคัญกันเลยดีกว่า”
“หืม?”
จูจวิ้นหลานสะดุ้งโหยง
ยังไม่จบอีกหรือ?
แต่เขาก็ไม่ได้ปฏิเสธ มีแต่ต้องพยักหน้ากล่าวสำทับว่า “คุณชายหลินได้โปรดบอกมา ท่านต้องการสิ่งใด ข้าจะหามาให้อย่างแน่นอน”
“ประเสริฐ”
หลินเป่ยเฉินยกนิ้วโป้งด้วยความชื่นชมอีกครั้งและพูดว่า “เมื่อสองวันก่อน ข้าถูกลอบสังหารโดยคนที่มีนามว่าซุนซิงเจ๋อ เขาเกือบทำได้สำเร็จแล้วเชียว ระหว่างการต่อสู้ ซุนซิงเจ๋อบอกว่าเป็นคุณชายจูจ้างเขามาสังหารข้า ไม่ทราบว่านี่คือเรื่องราวใดกันแน่?”
จูจวิ้นหลานถึงกับตกตะลึงไปแล้ว
ว่าไงนะ?
ซุนซิงเจ๋อลงมือแล้ว?
เกือบทำได้สำเร็จ?
น่าเสียดาย น่าเสียดาย
หากสังหารหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ ปัญหาใหญ่ก็จะหมดไป
“ข้าถูกใส่ร้าย”
จูจวิ้นหลานตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่สะทกสะท้าน “ข้าถูกใส่ร้าย ข้าไม่รู้จักซุนซิงเจ๋อเลยแม้แต่น้อย จูจวิ้นหลานเป็นบุคคลตรงไปตรงมา หากข้าไม่พอใจคุณชายหลิน ข้าย่อมพูดออกมาตรง ๆ เหตุไฉนถึงต้องจ้างวานผู้คนไปลอบสังหารด้วย? นั่นไม่ใช่นิสัยของข้าเลยขอรับ”
“จริงหรือ?”
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูง
“จริงสิขอรับ”
จูจวิ้นหลานพยักหน้ายืนยัน
แต่สีหน้าของเด็กหนุ่มก็ยังคงปรากฏความเคลือบแคลงสงสัยใจอยู่ดี “แล้วเหตุไฉนหลังจากนั้นถึงได้มีนักฆ่าอีกสองคนนามว่าจูอู่เหนิงกับอู๋จิงแห่งเซี่ยซาทยอยปรากฏตัวตามกันมา มิหนำซ้ำ พวกเขายังเป็นผู้มีพลังระดับเซียน และยังบอกเหมือนกันอีกว่าเป็นคุณชายจูจ้างวานมาให้ลอบสังหารข้าอีกแล้ว?”
ให้ตายสิ
จูจวิ้นหลานเกือบจะสบถคำหยาบออกมา
ที่แท้ตัวโง่งมทั้งสามนั่นก็ลงมือแล้ว?
เหตุไฉนเมื่อลงมือแล้วถึงยังสังหารหลินเป่ยเฉินไม่สำเร็จอีก?
อ้อ จริงด้วยสิ
ข้างกายหลินเป่ยเฉินมียอดฝีมืออยู่มากมายเกินไป โดยเฉพาะเจ้าเด็กอ้วนที่กำลังรับประทานน่องไก่ย่างและสองสาวรับใช้ทรงเสน่ห์นั้น รวมไปถึงเจ้าหนูอสูรหางกุดอีกตัว ทั้งสี่ต่างก็มีพลังอยู่ในขั้นเซียนเช่นกัน
ซุนซิงเจ๋อ จูอู่เหนิงและอู๋จิงแห่งเซี่ยซา ไม่ได้ร่วมมือผนึกกำลังบุกสังหาร แต่ต่างฝ่ายต่างแยกย้ายลงมือ จึงล้มเหลวในการสังหารหลินเป่ยเฉิน นี่คือเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก
แต่เจ้าสามคนนั้นก็ใช้ไม่ได้เลย!
ในเมื่อตนเองลอบสังหารไม่สำเร็จ เหตุไฉนถึงต้องเปิดโปงผู้จ้างวานด้วย?
เรื่องนี้ทำให้จูจวิ้นหลานปวดหัวยิ่งนัก
เขาอยากจะร้องไห้ออกมาโดยไม่มีน้ำตา