บทที่ 95 จะมีใครรับได้บ้าง
ในคำพูดของเฉาพั่วเถียนเจือปนด้วยความเหยียดหยามอยู่หลายส่วน
ทำให้อาจารย์หัวหน้าชั้นปีทั้งสามท่านของสถานศึกษากระบี่ที่สาม ขมวดคิ้วเล็กน้อย
แต่ต่อให้จะไม่พอใจสักแค่ไหน พวกท่านเป็นผู้ใหญ่ จะรีบร้อนหาเรื่องเด็กหนุ่มไม่ได้เด็ดขาด
ฮันปู้ฟู่ขยับออกมาข้างหน้า คิ้วที่ขมวดมุ่นอยู่แล้วยิ่งขมวดมากกว่าเดิมด้วยความเดือดดาล “เจ้าจะหาคำตอบอย่างไร?”
เฉาพั่วเถียนแบมือออกมา
เกิดลำแสงสว่างวูบวาบ
แล้วเทียบเชิญสีแดงก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา
คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มกลับมีแหวนเก็บของติดตัวมาด้วย
เมื่อเห็นดังนั้น คณะอาจารย์ก็อดตกตะลึงไม่ได้
ลูกศิษย์หนุ่มจากเมืองไป๋หยุนมีของวิเศษครอบครองถึงขั้นนี้เลยหรือ
แหวนเก็บของเป็นเหมือนเทคโนโลยีชั้นสูง ผลิตขึ้นมาจากการเล่นแร่แปรธาตุที่เป็นปริศนา เพราะฉะนั้น จึงเป็นของหายากยิ่ง แม้แต่ครอบครัวมหาเศรษฐีหรือในกลุ่มตระกูลขุนนาง ก็มีแหวนเก็บของในครอบครองเพียงไม่กี่วงเท่านั้น เป็นเรื่องยากมากที่คนธรรมดาจะมีวาสนาได้จับต้อง แม้แต่คณะอาจารย์อาวุโสของสถานศึกษากระบี่ที่สาม ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นเจ้าของมันด้วยซ้ำ
นี่แสดงให้เห็นว่าไป๋ไห่ชินดูแลเฉาพั่วเถียนดีมากขนาดไหน
“สิ่งที่ข้าอยากจะพิสูจน์ฝีมือพวกเจ้านั้นง่ายมาก หากพวกเจ้าสามารถรับเทียบเชิญนี้ได้ ก็ถือว่ามีคุณสมบัติดีพอที่จะเข้าชมงานประลองกระบี่”
เฉาพั่วเถียนหันกลับมามองหน้าฮันปู้ฟู่แล้วยิ้มเหยียดหยาม “แต่อย่างเจ้าคงไม่มีปัญญาหรอก”
ฮันปู้ฟู่กัดฟันพูดว่า “เลิกกล่าววาจาเหลวไหลได้แล้ว ส่งเทียบเชิญมาซะ”
“เจ้ายังขาดประสบการณ์อยู่อีกมาก อย่าคิดทำอะไรเกินตัวเลยดีกว่า” เฉาพั่วเถียนหัวเราะเยาะ ดวงตาเป็นประกายแวววาว “แต่ในเมื่ออยากได้นัก ก็เอาไปเถิด”
วูบ!
เทียบเชิญสีแดงในมือของเขาค่อยๆ ลอยออกไปข้างหน้า
มันลอยออกไปอย่างเชื่องช้า แต่กลับมีเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นในอากาศ
ฮันปู้ฟู่ถลันกายออกไป เอื้อมมือคว้าเทียบเชิญสีแดงเอาไว้
เขาไม่ทันระวังตัว จึงไม่ได้โคจรพลังลมปราณ เมื่อเทียบเชิญมาอยู่ในมือ เท้าของเขาสัมผัสพื้นห้อง นิ้วมือก็เกิดแสงสว่างวูบวาบ เป็นสัญญาณว่าเพิ่งจะเริ่มโคจรพลังลมปราณเอาตอนนี้
ฮันปู้ฟู่ผู้เป็นยอดอัจฉริยะจากชั้นปีที่ 3 มีความมั่นอกมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ลูกธนูที่ถูกยิงใส่ศีรษะของเขา ฮันปู้ฟู่ก็เคยใช้นิ้วคีบรับเอาไว้ได้มาแล้ว ลำพังเทียบเชิญธรรมดา ไม่ควรเป็นปัญหากับเขาแน่นอน
แต่จังหวะนั้นเอง…
เปรี้ยง!
เสียงระเบิดดังขึ้น
“อ๊าก…”
มือของฮันปู้ฟู่ที่สัมผัสกับเทียบเชิญสีแดงเกิดการระเบิดวูบ เลือดสาดกระจายในอากาศ
ร่างของเด็กหนุ่มลอยกระเด็นถอยหลังไปไกลหลายวา กำลังจะร่วงหล่นกระแทกพื้นด้วยความรุนแรง
“ไม่นะ!”
พานเว่ยหมิน อาจารย์หัวหน้าชั้นปีที่ 3 รีบเข้าไปช้อนรับร่างของลูกศิษย์เอาไว้จากกลางอากาศ เมื่อนำตัวลูกศิษย์กลับลงสู่พื้นได้แล้ว เขาก็รีบโคจรพลังลมปราณเยียวยาอาการบาดเจ็บทันที ดวงตาที่หันมาจ้องมองเฉาพั่วเถียนเต็มไปด้วยความเคียดแค้น
“ดูเหมือนว่าเจ้าไม่สมควรได้รับเทียบเชิญจริงๆ” เฉาพั่วเถียนพูดเสียงห้วนสั้น
เพียงโบกมือเล็กน้อย เทียบเชิญสีแดงก็ลอยกลับไปอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง
ในห้องวัดค่าพลังขณะนี้ บรรยากาศเต็มเปี่ยมไปด้วยความเคร่งเครียดมากขึ้น
ฮันปู้ฟู่เป็นอัจฉริยะจากชั้นปีที่ 3 ทุกคนคาดหวังกับเขาเอาไว้มาก ไม่มีใครคิดเลยว่าเด็กหนุ่มจะรับเทียบเชิญไม่ได้
สีหน้าของคณะอาจารย์ไม่สู้ดีนัก
“มีใครอีกไหม?”
ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ แต่ในตอนนี้ เฉาพั่วเถียนกำลังหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินไม่พูดอะไร
ฮันปู้ฟู่มีระดับฝีมือไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเขา
ฮันปู้ฟู่สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 20 คนสุดท้ายของการค้นหาผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองได้สำเร็จ แสดงว่าระดับฝีมือต้องไม่ธรรมดา แต่กลับไม่สามารถรับเทียบเชิญของเฉาพั่วเถียนได้อย่างเหลือเชื่อ นี่หมายความว่าเด็กหนุ่มผมทองอาจเล่นลูกไม้อะไรบางอย่าง ในเทียบเชิญต้องมีพลังวิเศษที่เป็นเสมือนการโจมตีชนิดหนึ่งแอบแฝงอยู่เป็นแน่
หากหลินเป่ยเฉินรีบร้อนแสดงฝีมือมากเกินไป ก็คงมีชะตากรรมไม่ต่างจากฮันปู้ฟู่แน่นอน
เพราะฉะนั้น ตอนนี้ต้องคอยสังเกตการณ์ไปก่อน
ระหว่างที่หลินเป่ยเฉินกำลังใช้ความคิด เฉาพั่วเถียนก็ยิ้มกว้างเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ พูดว่า “แม่นางคนสวย เจ้าลองดูหน่อยเป็นไร?”
ทันทีที่พูดจบ เทียบเชิญสีแดงก็ลอยออกจากมืออีกครั้ง คราวนี้มันบินข้ามอากาศ ตรงเข้าไปหาเยว่หงเซียงเหมือนอาวุธชนิดหนึ่ง
เยว่หงเซียงพลันสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ได้ยินเสียงดังเช้ง นางชักกระบี่ออกจากฝักแล้ว
ควับ! ควับ! ควับ!
คมกระบี่เป็นประกายวูบวาบ
เงากระบี่ของนางครอบคลุมใส่เทียบเชิญในอากาศสวยงามเหมือนดอกบัวขนาดใหญ่ กลีบของมันเดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิด คล้ายกับว่าอยากจะกลืนกินเทียบเชิญเข้าไปด้านใน
เคล้ง!
เสียงโลหะปะทะกันดังหนักหน่วง
ในอากาศพลันเต็มไปด้วยประกายไฟ
แล้วกระบี่ก็แตกหักเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
กระบี่ในมือเยว่หงเซียงแตกสลายเป็นเศษเสี้ยวหลายสิบส่วน ร่างของนางลอยกระเด็นไปข้างหลัง ตอนที่ฉู่เหินกระโดดเข้าไปรับตัวนางเอาไว้ เด็กสาวก็มีเลือดไหลซึมออกมาจากมุมปากแล้ว
เทียบเชิญสีแดงลอยกลับเข้าไปอยู่ในมือเฉาพั่วเถียนอีกครั้ง
“ดูเหมือนว่าเจ้าก็รับไม่ได้เหมือนกันสินะ”
เฉาพั่วเถียนยิ้มออกมาเล็กน้อย เหยียดหยามโดยไม่ปิดบัง
หลินเป่ยเฉินเห็นเลือดไหลซึมออกมาจากผ้าพันแผลที่ข้อมือของเยว่หงเซียง ปรากฏว่าเมื่อสักครู่นี้ นางพยายามจะรับเทียบเชิญให้ได้อย่างสุดความสามารถ จึงทำให้บาดแผลเก่าบนข้อมือฉีกขาดอีกครั้ง
“พวกเจ้าเป็นอัจฉริยะประจำสถาบันจริงหรือเปล่านี่ ไม่เห็นมีฝีมือโดดเด่นอะไรเลย”
เฉาพั่วเถียนโบกสะบัดเทียบเชิญในมือไปมา ส่ายหัวเหมือนระอาใจและผิดหวังเต็มที่
หลินเป่ยเฉินกำลังจะเปล่งเสียงพูดออกไป
“ข้าจะรับมันไว้เอง”
เสียงของเด็กสาวคนหนึ่งพลันดังขึ้น ที่แท้ก็เป็นไป๋ชินหยุนอัจฉริยะจากชั้นปีที่ 1 นางกระโดดปราดออกไปข้างหน้า พยายามเข้าไปแย่งชิงเทียบเชิญมาจากมือของเฉาพั่วเถียนโดยไม่เปิดโอกาสให้อีกฝ่ายตั้งตัว
“เฮอะ”
เฉาพั่วเถียนแค่นเสียงในลำคอ ขยับมือเล็กน้อย
แล้วเทียบเชิญก็ลอยตรงเข้าไปอยู่ในมือของเด็กสาว
ไป๋ชินหยุนส่งเสียงคำรามในขณะที่ม้วนตัวกลิ้งไปบนพื้นห้อง นางคีบเทียบเชิญไว้ด้วยนิ้วโป้งกับนิ้วกลางในขณะที่มันฉุดกระชากนางหมุนวนไปรอบบริเวณ แต่เมื่อมองดูให้ดี กลับเป็นเด็กสาวต่างหากที่กำลังสะบัดเทียบเชิญไปรอบๆ ราวกับว่าพยายามขจัดพลังอะไรบางอย่างที่อยู่ในเทียบเชิญออกไปให้หมดสิ้น
แววตาของหลิวฉีไห่ อาจารย์หัวหน้าชั้นปีที่ 1 เป็นประกายแวววาวขึ้นมาแล้ว
นี่เป็นการเคลื่อนไหวที่ฉลาดมาก
ไป๋ชินหยุนอาศัยจังหวะโจมตีโดยที่ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันตั้งตัว นางโคจรพลังลมปราณรอเอาไว้แล้ว จึงสามารถขับไล่พลังแฝงที่อยู่ในเทียบเชิญได้สำเร็จ
นี่แสดงให้เห็นว่าเด็กสาวมีวิสัยทัศน์ไม่แพ้ศิษย์รุ่นพี่แม้แต่น้อย
แต่บนใบหน้าของเฉาพั่วเถียนกลับปรากฏรอยยิ้มเย็นชาขึ้นมาแล้ว
พริบตาต่อมา…
วูบ!
ร่างของไป๋ชินหยุนถูกกระชากลอยไปด้านหลังด้วยความเร็วสูงสุด
หลิวฉีไห่กำลังจะทะยานกายเข้าไปช่วย
“ไม่ต้องเจ้าค่ะ”
เด็กสาวจอมเย็นชาตะโกนตอบกลับมาเสียงดัง
เทียบเชิญยังคงถูกหนีบอยู่ด้วยนิ้วมือของนาง แล้วในที่สุด เด็กสาวก็ลอยไปกระแทกกับผนังห้องวัดค่าพลัง เลือดเป็นสายพุ่งออกมาจากปาก มือของนางข้างที่ถือเทียบเชิญฟาดสะบัดเข้ากับผนังห้องอย่างแรง แล้วนิ้วมือที่เรียวยาวของเด็กสาวก็ปรากฏเลือดไหลหยดออกมา
แต่สุดท้ายแล้ว เทียบเชิญก็ยังคงอยู่ในมือนางอยู่ดี
“ข้ารับได้แล้ว”
ไป๋ชินหยุนค่อยๆ ไถลตัวลงมาจากผนัง ใบหน้าซีดขาว แต่ดวงตาเต็มไปด้วยความสะใจ
ทุกคนล้วนตกตะลึงกันไปหมด
เด็กสาวถึงกับยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อรับเทียบเชิญให้ได้
สีหน้าของเฉาพั่วเถียนเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยเช่นกัน ก่อนที่เขาจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ฮ่าฮ่า คิดไม่ถึงเลยว่าผู้มีฝีมือแข็งแกร่งที่สุดของสถานศึกษากระบี่ที่สามจะเป็นเด็กสาวตัวน้อยคนนี้ไปเสียได้ ในเมื่อเจ้าสามารถรับเทียบเชิญได้สำเร็จ เจ้าก็มีคุณสมบัติมากพอที่จะเข้าชมการประลอง เทียบเชิญใบนี้เป็นของเจ้าแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋ชินหยุนก็มีสีหน้าผ่อนคลายลง ร่างของนางทรุดฮวบ หมดสติไปทันที
หลิวฉีไห่ อาจารย์หัวหน้าชั้นปีที่ 1 รับร่างของนางไว้ในอ้อมแขน ดวงตาจ้องมองใบหน้าเด็กสาวด้วยความสงสารจับใจ
ไป๋ชินหยุนเป็นเด็กมีพรสวรรค์ สติปัญญาฉลาดเฉลียวเกินอายุ นับเป็นลูกศิษย์ที่ฉลาดที่สุดในรอบ 15 ปีของสถาบัน
ที่ผ่านมา เด็กสาวสอบเข้าที่นี่ด้วยคะแนนสูงลิ่ว เป็นคะแนนที่มากกว่าเด็กคนอื่นสามถึงสี่เท่า แต่ด้วยความที่อายุยังน้อย พลังวรยุทธ์จึงไม่ได้สูงส่งเท่ากับฮันปู้ฟู่หรือศิษย์รุ่นพี่คนอื่นๆ แต่ถ้าให้เวลากับนางสักหน่อย อีกไม่นานเกินรอ ไป๋ชินหยุนจะต้องกลายเป็นยอดอัจฉริยะประจำสถาบัน ในระดับเดียวกับหลินเป่ยเฉินอย่างแน่นอน