ตอนที่ 19 จิตสังหารเหลือล้น!
เขาเพียงเห็นว่าร่างนั้นหลบลูกศรที่ยิงมาหาด้วยท่วงท่าประหลาด หลังจากลากสัตว์ร้ายเจ็ดแปดตัวมาหาคนกลุ่มนั้น ถึงค่อยถีบขาใช้สองมือเกาะกิ่งไม้ อาศัยแรงเฉื่อยที่พุ่งไปด้านหน้า สองขานางถีบลงไปอย่างแรงจากบนต้นไม้ แน่นอนว่าเป้าหมายคือชายหนุ่มที่ถือคันธนู
“หลบไปเร็ว!”
ชายวัยกลางคนตะโกนอย่างตื่นตระหนก อยากจะเข้าไปดึงอีกฝ่ายหลบออกไป ทว่าสัตว์ร้ายก็พุ่งมา เขาเองยังเอาตัวไม่รอด จะมีมือไหนว่างไปช่วยได้กันเล่า? ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้เพียงเบิกตามองขอทานน้อยถีบขาลงมา
โชคดีที่พอชายหนุ่มได้ยินเสียงตะโกนก็ได้สติในทันใด ร่างกายเขาก้าวถอยตามสัญชาตญาณ หลบขาของเฟิ่งจิ่วที่ถีบลงมาเหนือหัวซึ่งอาจทำให้ถึงตายนั้นได้ แต่เพราะยังหลบช้าไปครึ่งจังหวะใบหน้าจึงถูกถีบไปทีหนึ่ง ทั้งร่างโซเซถอยไปอีกหลายก้าวเพราะเหตุนี้ และตอนนี้เอง สัตว์ร้ายตัวหนึ่งกระโจนเข้ามา สาวน้อยด้านข้างจึงเข้ามาช่วยเขาต้านไว้
“ท่านพี่! ท่านจะยืนเฉยอยู่ทำไม!” เด็กสาวตะโกนด้วยน้ำเสียงกระวนกระวาย ใบหน้าวิตกกังวลอย่างยากจะปิดซ่อน
ชายหนุ่มดึงสติกลับมาในตอนนั้น ความเจ็บที่ร้อนผ่าวบนใบหน้าทำให้ใจเขาทั้งขุ่นเคืองและโกรธเกรี้ยว เขาดึงคันธนูในมือกลับ แล้วปล่อยพลังเร้นลับออกมา พลันสองหมัดรวมพลังโจมตีออกไป ได้ยินเพียงเสียงตูมดังขึ้น สัตว์ร้ายที่กระโจนเข้ามาถูกเขาโจมตีลอยออกไปอย่างไม่นุ่มนวลนัก
“กรร!”
“ตึง!”
สัตว์ร้ายส่งเสียงโหยหวน ร่างล้มลงบนพื้นอย่างรุนแรง สะเทือนจนพื้นสั่นเล็กน้อย
เมื่อเห็นชายหนุ่มชกสัตว์ร้ายลอยไปในหมัดเดียว องครักษ์หลายสิบนายก็ราวกับได้ขวัญกำลังใจ แววตาพวกเขาเปล่งประกาย ก่อนจะตะโกนกันเสียงดัง “คุณชายเก่งกาจนัก!”
ความตื่นเต้นในใจปลุกเร้าให้ลุกสู้อย่างฮึกเหิม ความตื่นตระหนกเพราะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายอย่างกะทันหันก็สงบลงแล้วในเวลานี้ แค่ชั่วขณะหนึ่ง เหล่าสัตว์ร้ายเจ็ดแปดตัวก็ถูกฟันตายไปทีละตัว
เพียงเห็นศพของสัตว์ร้ายล้มระเนระนาด กลิ่นคาวเลือดรุนแรงคละคลุ้งไปทั่ว…
วิกฤตคลี่คลาย ตอนนี้ผู้คนถึงพบว่าบริเวณไม่ไกลก็มีร่างไร้วิญญาณของสัตว์ร้ายเจ็ดแปดตัวนอนอยู่ ชัดเจนมากว่าชายชุดดำเป็นคนฆ่าเพียงลำพัง ทว่าก็ไม่เห็นเงาร่างของชายชุดดำผู้นั้นเสียแล้ว ไม่เพียงเท่านั้น ขอทานน้อยกับท่านอารองของพวกเขาก็หายไปด้วย
“ท่านพี่ ท่านอารองล่ะ?” สาวน้อยมองหารอบๆ ก็ไม่เห็นร่างพวกเขาเลย
ชายหนุ่มยกมือขึ้นเช็ดเลือดตรงมุมปาก แววตาจ้องมองที่ไหนสักแห่งอย่างดุร้าย ไม่พูดไม่จา แต่ก็ยื่นคันธนูส่งคืนให้นาง ก่อนจะสาวเท้าก้าวไปทางด้านซ้าย
พอเด็กสาวกับองครักษ์เห็นเช่นนั้นก็เร่งรีบตามไป
ในป่าที่มีต้นไม้ปกคลุมหนาทึบ รังสีแห่งการฆ่าฟันแผ่กระจาย กลิ่นอายกลางอากาศก็หนาวเย็นไปบ้างเพราะรังสีฆ่าฟันนั้น สายตาคมกริบของชายวัยกลางคนจ้องมองเฟิ่งจิ่วตรงหน้า น้ำเสียงทุ้มต่ำมีจิตสังหารที่เย็นเยือก “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ไม่ต้องดิ้นรนอย่างอาจหาญนักหรอก”
“อย่างนั้นหรือ?” เฟิ่งจิ่วยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม ร่างแฉลบผ่านไปในพริบตา เมื่อยื่นมือออกไป จิตสังหารเหลือล้นแผ่ซ่าน!
ชายวัยกลางคนแค่นเสียงฮึหนักๆ ราวกับกำลังเย้ยหยันความไม่เจียมตัวของเด็กหนุ่ม พลังเร้นลับที่พรั่งพรูไหลเข้าสู่กระบี่ในมือ กระบี่คมกริบปะทะออกไปในชั่วขณะนั้น
“แกร๊ง!”
กริชและกระบี่กระทบกัน เกิดเป็นเสียงชนดังแกร๊งจนมีประกายไฟออกมา แทบจะทันทีที่ปะทะกัน อาวุธในมือทั้งสองคนก็วกกลับมาโจมตีกันอีกครา ผ่านไปหลายกระบวนท่า ก็เห็นเพียงกระบี่ยาวโจมตีไปทางเฟิ่งจิ่วด้วยกำลังที่ดุดันรุนแรง ด้วยความแข็งแกร่งรวดเร็วของพลังกระบี่ หลบได้ไม่ง่ายๆ แน่!
หลิงโม่หานบนต้นไม้ไม่ไกลออกไปมองเห็นเหตุการณ์นี้ คิ้วเขาขมวดเล็กน้อย ช่วงเวลาต่อมาเมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของเฟิ่งจิ่ว แววตากลับสั่นไหว ดูคาดไม่ถึงอยู่เล็กน้อย…
…………………………………………………….
ตอนที่ 20 สยบความแข็งกร้าวด้วยความนุ่มนวล!
ดวงตาเห็นอยู่ว่านางไม่มีทางหลบกระบี่นั้นได้ แต่กลายเป็นว่าเมื่อปลายกระบี่จะแทงเข้าที่อก ร่างกายนางก็เอนไปด้านหลังทันที ก่อนใช้กำลังจากช่วงเอวหมุนตัวกลับไป ไม่เพียงแต่หลบกระบี่ที่คิดปลิดชีวิตได้ กริชในมือก็ยังแทงเข้าหาชายวัยกลางคนด้วยความเร็วที่ป้องกันไม่ทัน
เมื่อเห็นเฟิ่งจิ่วหลบกระบี่นั้นด้วยกำลังจากช่วงเอว ชายวัยกลางคนตื่นตกใจอยู่น้อยๆ ครั้นเห็นรังสีฆ่าฟันที่พุ่งตรงมาเบื้องหน้า ยามนี้ไม่มีเวลาจะโจมตีกลับอีกแล้ว เขาจึงทำได้เพียงถอยหลังอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังช้าไปครึ่งจังหวะ
“เฮือก!”
เขาสูดหายใจเข้า จ้องร่างตรงหน้าด้วยแววตาดุร้ายและน่าขนลุก
แม้เขาจะหลบจุดอันตรายได้ แต่แขนเขากลับถูกกริชฟันเป็นแผลลึกเห็นกระดูก เลือดสีแดงเข้มไหลออกมา ไม่ทันไรก็ซึมผ่านแขนเสื้อ เพราะความเจ็บปวดรุนแรงจากบาดแผล แขนของเขาจึงลู่ลงอย่างหมดแรง สั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้
“ท่านอารอง!”
สาวน้อยร้องตกใจ แล้วเร่งเท้าวิ่งเข้ามา
“ฆ่ามันซะ!” ชายวัยกลางคนตะโกนด้วยเสียงเข้ม เหล่าองครักษ์ขานรับ แต่กลับถูกชายหนุ่มยกมือขึ้นปราม
“เจ้าขอทานนี่ให้ข้าจัดการเอง!” กลิ่นอายบนร่างชายหนุ่มชั่วร้าย มีกลิ่นอายกระหายเลือดอยู่หนาแน่น สายตาที่มองเฟิ่งจิ่วยิ่งดูราวดวงตาของงูพิษ
พอเห็นเด็กสาวพยุงชายวัยกลางคนไปข้างๆ แล้ว แววตาที่สั่นไหวอยู่เล็กน้อยของเฟิ่งจิ่วก็เหลียวมองชายหนุ่มผู้มีกลิ่นอายโหดเหี้ยมแผ่ออกจากร่าง ก่อนเชิดคางขึ้นเบาๆ แล้วกล่าวคำเย้ยหยัน “เจ้ายังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าหรอก”
แม้กลิ่นอายของชายหนุ่มจะหนักแน่นนัก แต่ไม่ใช่ระดับเดียวกับชายวัยกลางคน ชายวัยกลางคนผู้นั้นต่อให้เธออยากฆ่าเขา ก็ยังไม่อาจปลิดชีวิตได้ภายในไม่กี่กระบวนท่า ทว่าชายหนุ่มผู้นี้ไม่เหมือนกัน หากเธอจะปลิดชีพเขาก็ง่ายดั่งพลิกฝ่ามือ
บนต้นไม้ไม่ไกล เมื่อเห็นนางเชิดคางอย่างจองหองและพูดจาเหยียดหยาม หลิงโม่หานแอบส่ายหน้ากับตัวเอง เป็นอย่างที่คิดไว้ อย่างไรก็เป็นเพียงเด็กผู้หญิง
แต่หากดูจากการต่อสู้ของนางกับชายวัยกลางคนเมื่อครู่ เขารู้ว่าหากนางต่อกรกับคนกลุ่มนี้คนเดียวก็ไม่มีปัญหา ด้วยความสามารถของนาง ขอแค่ระมัดระวังยามอยู่ป่าชั้นในนี้ ก็น่าจะไม่มีเหตุร้ายอะไรแล้ว
พอคิดถึงตรงนี้ เขามองไปที่ร่างนั้นอย่างลึกล้ำ แล้วเรียกพลังจากไปอย่างเงียบเชียบ…
“ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า? ฮึ! เช่นนั้นเจ้าลองลิ้มรสความร้ายกาจของข้าให้ดี!” ชายหนุ่มแค่นเสียงหนักๆ พลังเร้นลับบนร่างเอ่อล้น กลิ่นอายพลังเร้นลับสีส้มกระจายออกมาทันใด เขากำสองหมัด ตะโกนเสียงหนักแน่น แล้วก้าวออกไปซัดหมัดโจมตีเฟิ่งจิ่ว
“เอ๋?” เมื่อเห็นกลิ่นอายพลังเร้นลับสีส้ม เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้ว เมื่อครู่พลังกระบี่ของชายวัยกลางคนก็มีกลิ่นอายสีส้มแผ่ออกมารางๆ ไม่นึกเลยว่าวรยุทธ์พลังเร้นลับของชายหนุ่มจะไม่ต่างกับชายวัยกลางคนนัก?
“หมัดห้าชั้น!”
เฟิ่งจิ่วเห็นหมัดนั้นก็ถอยหลังในทันที ยามที่หมัดชายหนุ่มชกต้นไม้ใหญ่หลังจากเธอหลบไป และเห็นรอยหมัดที่ปรากฏบนนั้น เธอแอบอุทานกับตัวเอง
พลังสังหารของวรยุทธ์พลังเร้นลับประกอบกับวิชาหมัดช่างน่าตื่นตะลึงโดยแท้ ฝ่ายตรงข้ามใช้หมัดโจมตี ทุกท่วงท่าทั้งแข็งแกร่งและดุดัน ด้วยกำลังของเธอ หากใช้ความรุนแรงปะทะความรุนแรงไม่ได้ผลแน่ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็สยบความแข็งกร้าวด้วยความนุ่มนวลซะ!
ดวงตาเธอเป็นประกาย ขณะที่ถอยหลังอย่างรวดเร็วก็เก็บกริชในมือไป
หลังจากสาวน้อยช่วยท่านอารองของนางพันแผลไว้ดีแล้ว ก็เห็นเฟิ่งจิ่วเก็บกริช จึงอดเยาะเย้ยไม่ได้ “ท่านอารองเจ้าคะ ขอทานน้อยคนนั้นคงกลัวเสียแล้วกระมัง? นึกไม่ถึงเลยว่าขนาดกริชในมือก็ยังเก็บไป? เขาคิดว่าแค่มือเปล่าก็จะเอาชนะพี่ข้าได้รึ?”
ชายวัยกลางคนกลับมองเฟิ่งจิ่วด้วยท่าทางเคร่งขรึม สายตาเพ่งมองน้อยๆ รู้สึกเพียงว่าในใจมีความไม่สงบอยู่รางๆ…
…………………………………………………….