ตอนที่ 251 ภูตหมอตัวจริงตัวปลอม!
ทว่าสายตาของบุรุษชุดแดงกลับจับจ้องบนร่างเฟิ่งจิ่วที่อยู่ในชุดสีแดงงดงามเหมือนๆ กัน
เมื่อเฟิ่งจิ่วที่เดิมทีสายตามองอยู่บนร่างผู้นำตระกูลหลิ่วรู้สึกถึงแววตาอันเร่าร้อนที่จ้องมา จึงมองไปทางสายตานั้นตามสัญชาตญาณ ชณะดวงตาสบเข้ากับบุรุษที่ใส่ชุดแดงสวมหน้ากากลายดอกลำโพง ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ยามที่เห็นชายผู้นั้นใช้สายตาที่มีความโลภและสมเพชมองที่เธอ แววตาก็เย็นชาน้อยๆ ตอนแรกที่มาถึงเมืองลิ่วเต้าได้ยินว่าที่นี่มีภูตหมออยู่ ไม่นึกเลยว่าวันนี้จะได้พบกัน
ดูท่าทาง เหมือนเป็นพวกบ้ากาม หนำซ้ำ ยังชอบผู้ชายด้วยกันอีก
สายตาหันมอง จับจ้องไปบนร่างเจ้าเมืองผู้นั้น พินิจมองอย่างเงียบสงบเยือกเย็น เจ้าเมืองเมืองลิ่วเต้า ว่ากันว่าเพิ่งบรรลุขั้นมาก่อนหน้านี้ไม่นาน ข้ามผ่านธรณีประตูที่ไม่อาจก้าวข้ามมาเนิ่นนาน เป็นผู้ฝึกตนระดับสร้างรากฐานขั้นสมบูรณ์ เหลืออีกหนึ่งก้าวก็จะกลายเป็นผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลัง
เมื่อผู้นำตระกูลหลิ่วที่เดิมยังสีหน้าโกรธเคืองและมืดมนเห็นท่านเจ้าเมืองกับบุรุษชุดแดงที่สวมหน้ากาก นัยน์ตาระรื่น เปล่งเสียงไถ่ถาม
“ท่านเจ้าเมือง หรือว่าท่านนี้จะเป็นใต้เท้าภูตหมอที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่ช่วงนี้?”
“ถูกต้อง เป็นภูตหมอนั่นแหละ”
ท่านเจ้าเมืองฉางพยักหน้า มองไปทางคนข้างกาย และพอคำพูดเขาเอ่ยออกมา ผู้คนโดยรอบก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันใด
“จริงด้วย! ได้ยินว่ายาของภูตหมอใกล้เคียงกับยาเทวะ กินแล้วเห็นผล หากขอยาบรรลุขั้นจากเขาได้สักขวด ต่อให้จ่ายราคาสูงเทียมฟ้าข้าก็ไม่เสียดายหรอก!”
“ใช่แล้ว ข้าได้ยินว่าท่านเจ้าเมืองกินยาของภูตหมอถึงได้ทะลุเข้าระดับสร้างรากฐานขั้นสมบูรณ์ ตอนนี้ขาดอีกก้าวเดียวก็บรรลุถึงวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลัง หากทำได้ ข้าจะไปขอยากับท่านภูตหมอบ้าง จ่ายเงินเท่าไหร่ไม่ว่ากัน!”
“เจ้าก็คิดไป แม้แต่ตระกูลข้ายังไม่อาจเอื้อม แล้วเจ้าจะขอมาสักขวดได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้แน่ เจ้ารู้หรือไม่ ท่านเจ้าเมืองใช้เส้นสายไปเท่าไหร่ถึงจะได้ยาขวดนั้นมา? ยาภูตหมอ ต่อให้มีเงินก็ซื้อไม่ได้หรอก”
แค่เห็นภูตหมอปรากฏตัว เหล่าลูกหลายตระกูลบริเวณรอบๆ แต่ละคนต่างถกเถียงกันขึ้นมา บ้างก็ส่งคนกลับตระกูลไปรายงานอย่างรวดเร็ว เพื่อบอกหัวหน้าตระกูลในบ้านว่าภูตหมออยู่หน้าหอเมฆาทรงเกียรติแห่งนี้
ส่วนบุรุษชุดแดงที่เห็นผู้คนรอบข้างจับจ้องบนร่างตนด้วยสายตาเคารพนับถืออย่างปลาบปลื้ม เวลานี้จึงอดไม่ได้ที่จะผุดเผยรอยยิ้มและเชิดคางขึ้นเบาๆ ในดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกเหนือกว่า เริงใจไปกับความเคารพชื่นชมของผู้คนในยามนี้
เฟิ่งจิ่วที่เห็นภาพนี้ชำเลืองมองบุรุษชุดแดงผู้นั้น ยกมุมปากขึ้นหัวเราะ ไม่เห็นดีเห็นงามด้วยอย่างยิ่ง
เจ้าภูตหมอตัวปลอมนี่ยังมีหน้ามาภูมิอกภูมิใจรู้สึกดีกับตัวเองอยู่ตรงนั้นอีก? ช่างไร้สาระเสียจริงเชียว!
ทว่าเสียงหัวเราะที่ไม่เห็นด้วยของนาง กลับนำมาซึ่งความไม่พอใจของผู้คนรอบๆ โดยเฉพาะท่านผู้นำตระกูลหลิ่วที่รีบร้อนแสดงความเป็นมิตรกับภูตหมอ ยิ่งมองเฟิ่งจิ่วด้วยความขุ่นเคือง แผดเสียงดังสนั่น
“ต่อหน้าท่านเจ้าเมืองกับภูตหมอเจ้าเด็กจองหองนี่ยังกล้าอวดดีอีกรึ? ทหาร! จับมันมาฆ่าทิ้งซะ!”
“ช้าก่อน ท่านผู้นำตระกูลหลิ่ว” ท่านเจ้าเมืองเอ่ยปากบอก ห้ามปรามการกระทำของพวกเขา
“ท่านเจ้าเมือง นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?” ท่านผู้นำตระกูลหลิ่วสีหน้าหมองเล็กน้อย นึกว่าเขาคิดจะปกป้องหนุ่มน้อยชุดแดง ด้วยเหตุนี้น้ำเสียงจึงหม่นลง
และตอนนี้เอง บุรุษชุดแดงที่สวมหน้ากากก็เดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าเฟิ่งจิ่ว จ้องมองใบหน้าหล่อเหลาที่ไม่มีใครอาจเทียบ ความตื่นเต้นปรารถนาในดวงตาก็ยิ่งยากจะเก็บซ่อน
เขาไม่ปริปากอะไรเลย พอเอ่ยปาก ก็ทำให้ผู้คนรอบข้างเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง สีหน้ายากจะเชื่อถือ…
………………………………………………….
ตอนที่ 252 ข้าอ่อนไหวง่ายดายนัก!
“มากับข้าดีหรือไม่เล่า? ข้ารับประกันว่าชีวิตเจ้าจะไร้กังวล ซ้ำยังอนุญาตให้ใช้ยาได้ตามใจชอบด้วยนะ”
ได้ยินคำพูดนี้ แม้แต่ท่านผู้นำตระกูลหลิ่วยังมองบุรุษชุดแดงที่สวมหน้ากากด้วยสีหน้าตกตะลึง และแปลกประหลาดใจ
นี่ คำพูดนี้หมายความเช่นไร? ให้เด็กหนุ่มชุดแดงไปกับเขา? ไปทำอะไรกัน? คำพูดนี้ พวกเขาคิดมากไปเองกระมัง?
แต่ว่า เมื่อทุกคนเห็นภูตหมอที่สวมหน้ากากจ้องเด็กหนุ่มชุดแดงผู้นั้นด้วยสองตาเปลือยเปล่าที่มีความละโมบ แต่ละคนต่างก็มีเส้นเลือดสีดำปูดขึ้นตรงขมับ
ดูท่า พวกเขาไม่ได้คิดมากไป แต่ภูตหมอผู้นี้หมายความเช่นนั้นมาแต่ไหนแต่ไร
ทว่า มาฝันหวานถึงเด็กหนุ่มชุดแดงต่อหน้าฝูงชน การกระทำของภูตหมอผู้นี้ช่างทำให้คนหมดคำพูดเหลือเกินจริงๆ
ส่วนเฟิ่งจิ่วที่ได้ยินคำพูดนั้นกลับส่งเสียงหัวเราะ น้ำเสียงทั้งสดใสและหวานหู แต่พอฟังโดยละเอียดกลับฟังออกถึงความเย็นชาและไอสังหารในน้ำเสียง
แต่เห็นนางเล่นมีดสั้นในมือ เลิกคิ้วขึ้นเบาๆ ชำเลืองมองบุรุษชุดแดง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่มีการเยาะเย้ยสามส่วนและเกียจคร้านอีกเจ็ดส่วน
“เจ้าเป็นใครกัน?”
“ข้าคือภูตหมอ เป็นนักปรุงยา ขอแค่เจ้ามากับข้า ก็จะได้ประโยชน์ที่เจ้าไม่อาจจินตนาการถึง”
แววตาละโมบที่เปลือยเปล่ามองตรงมาบนร่างเฟิ่งจิ่ว สายตาเลื่อนลงไปทีละน้อย มองวนไปมาบนร่างเขา สายตานั้น ช่างล่วงเกินกันยิ่งนัก ทำให้ไม่ชอบใจเป็นที่สุด
เฟิ่งจิ่วยกมุมปากขึ้น มอง ‘ภูตหมอ’ ที่นัยน์ตาเต็มไปด้วยความปรารถนา ในดวงตาสดใสฉายประกายผ่านไป บนใบหน้ารูปงามไร้ใครเทียบเทียมมีรอยยิ้มทรงเสน่ห์เบ่งบานอยู่ พูดด้วยท่าทางเหนียมอายเล็กน้อย “อย่ามองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นสิ ข้าอ่อนไหวง่ายนักนะ”
พอพูดออกมาเช่นนี้ ผู้คนรอบๆ ก็มีสีหน้าตะลึงงันกันทันใด มองเด็กหนุ่มชุดแดงใช้ท่าที น้ำเสียง และคำพูดเช่นนั้นตอบรับคำของภูตหมอ
นี่ เด็กหนุ่มชุดแดงคงไม่ได้หมายความเช่นนั้นกระมัง?
และเวลาเดียวกันนี้ ณ ที่พำนักแห่งหนึ่งในเมืองลิ่วเต้า อิ่งอีลนลานพุ่งเข้ามา พลางตะโกนว่า “นายท่าน! นายท่านขอรับ! เกิดเรื่องแล้ว!”
ฮุยหลางรั้งเขาไว้ รีบถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? เจ้าออกไปถามไถ่หาเบาะแสภูตหมอไม่ใช่หรือ? ทำไมถึงกลับมาเร็วเพียงนี้?”
“ก็ใช่ไง! ดังนั้นถึงได้บอกว่าเกิดเรื่องแล้ว!” อิ่งอีผลักเขาออก พลางถาม “นายท่านยังอยู่ในห้องหรือไม่?”
“อยู่สิ เขาอยู่ตลอดยังไม่ออกมาเลย”
ฮุยหลางตอบรับ แล้วถามอย่างอดไม่ได้ “เกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ?”
อิ่งอีไม่ตอบเขา แต่ตะโกนลั่นไปยังประตูห้องที่ปิดสนิท “นายท่าน ภูตหมอเกิดเรื่องขึ้นแล้วขอรับ! มีคนจะฆ่าเขา!”
แทบจะสิ้นสุดคำพูดนี้ ก็เห็นประตูห้องเปิดออก เจ้าตำหนักยมราชในชุดคลุมสีดำทั่วร่างมีกลิ่นอายทรงอำนาจกระจายอยู่ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าทั้งสอง
แต่เห็นใบหน้าเขามืดหมอง ดวงตาเยือกเย็นน่าสะพรึง สายตาจับจ้องบนร่างอิ่งอี เอ่ยถามเสียงเข้ม “เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าน้อยเป็นห่วงนายท่าน ดังนั้นจึงออกไปตรวจสอบให้เป็นพิเศษ ตอนกำลังจะกลับมา ได้ยินข่าวว่าภูตหมอโผล่มาที่หอเมฆาทรงเกียรติพร้อมกับท่านเจ้าเมืองเมืองลิ่วเต้า หนำซ้ำยังคล้ายว่าจะเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นที่หอด้วยขอรับ”
เขามองท่านเจ้าตำหนักแวบหนึ่ง บอกว่า “หนุ่มน้อยชุดแดงคนหนึ่งสังหารผู้อาวุโสสามของตระกูลหลิ่วในเมือง ตระกูลหลิ่วจึงนำพลม้ากองใหญ่มาปิดล้อมหอเมฆาทรงเกียรติไว้ บอกว่าจะสังหารเด็กหนุ่มชุดแดง ตามคำอธิบายของชาวบ้าน ข้าน้อยเดาว่าเด็กหนุ่มชุดแดงนั่นเกรงว่าจะเป็นภูตหมอขอรับ!”
“อะไรนะ? จะสังหารภูตหมอรึ?”
ฮุยหลางส่งเสียงอุทาน เห็นสีหน้านายท่านเขาเปลี่ยนไป เงาร่างก็พุ่งออกไปทันที
………………………………………………….