ตอนที่ 253 ภาพนองเลือด!
ทั้งสองเห็นท่าทาง ก็คืนสติรีบตามไปทันที!
สังหารภูตหมอรึ? คนตระกูลหลิ่วนี่ชักจะกล้าเกินไปแล้ว ไม่กลัวนายท่านเขาจะฆ่าล้างยกตระกูลรึ?
เพราะความเร็วนายท่านเขาไวนัก เงาร่างเขาจึงหายไปแทบจะในชั่วพริบตา ด้วยเหตุนี้ ฮุยหลางจึงเอ่ยปากถาม “อิ่งอี ภูตหมอนั่นทำไมถึงวิ่งแจ้นไปหอเมฆาทรงเกียรติเสียเองเล่า? เจ้าตรวจสอบหรือยังว่าเกิดอะไรขึ้นกับนายท่าน?”
“ทำไมถึงไปหอเมฆาทรงเกียรติข้อนี้ข้าไม่รู้หรอก รู้เพียงว่า เจ้าเด็กภูตหมอนี่ช่างอาจหาญเสียเหลือเกิน นึกไม่ถึงว่าหลังเชิดเงินนายท่านไปก้อนหนึ่งก็หนีไป ข้าเดาว่าเขาคงรู้ถึงตัวตนนั้นของนายท่านแล้ว”
“อะไรนะ? เชิดเงินนายท่านรึ?”
ฮุยหลางอุทานอย่างตื่นตกใจ “มิน่านายท่านถึงกลับมาทั้งสีหน้าบูดบึ้งเพียงนั้น ที่แท้เป็นเพราะถูกภูตหมอหลอกหรอกรึ?”
อิ่งอีเอ่ยอย่างประหลาดใจ “ใช่สิ! ข้าถึงยอมรับเจ้าเด็กนี่ไม่ได้ ทำให้นายท่านลำบากมากมายเพียงนี้ยังจะใช้ชีวิตโลดโผนอย่างดีๆ ได้อยู่อีก ไม่รู้จริงๆ ว่าวิเศษวิโสมาจากไหน เอาตัวรอดเก่งเกินไปแล้ว”
ขณะที่เจ้าตำหนักยมราชกับอิ่งอีและฮุยหลางทางด้านนี้กำลังปรี่ไปยังหอเมฆาทรงเกียรติ ที่หน้าประตูใหญ่ บรรยากาศก็กำลังเหน็บหนาวอยู่ชั่วขณะหนึ่ง
แต่ละคนต่างมีสีหน้าดูไม่ได้เพราะท่าทางเขินอายกับคำพูดที่ทำให้คนคิดลึกของเด็กหนุ่มชุดแดง แน่นอนว่ายกเว้นไว้คนหนึ่ง
‘ภูตหมอ’ ที่สวมหน้ากากตื่นเต้นใจเพราะคำพูดเฟิ่งจิ่ว มองรอยยิ้มงดงามทรงเสน่ห์ที่ผลิบานอยู่ตรงริมฝีปากหนุ่มน้อย รวมถึงใบหน้าหล่อเหลาไม่อาจมีใครเทียบที่แต่งแต้มด้วยความเหนียมอาย อดไม่ได้ที่จะสาวก้าวมาเบื้องหน้าเด็กหนุ่ม แล้วมองอย่างลิงโลดใจด้วยแววตาจ้องตรงมาที่มีความชั่วร้ายอันไร้สิ่งปกปิด
ท่าทางมีเสน่ห์ของเด็กหนุ่มทำให้ใจเขาเต้นแรงอย่างบ้าคลั่ง กระแสไอร้อนผุดขึ้นในหัวใจ เขาจึงอดใจไม่ไหวที่จะเอื้อมมือออกไปโอบเอวเด็กหนุ่มไว้ “ในเมื่อเจ้ายินยอม…อ๊าก!”
เขาพูดยังไม่ทันจบ ที่ดังขึ้นกลับเป็นเสียงกรีดร้องรุนแรงเสียแทน น้ำเสียงนั้นเล็กแหลมบาดหู ตวัดตัดพังทลายความสงบนิ่งกลางอากาศ ทำลายซึ่งความเงียบ ลอยเข้าสู่หูผู้คนโดยรอบอย่างชัดเจน และทำให้ทุกคนที่นิ่งงันพลันตื่นตกใจ!
“กรี๊ด!”
“อ๊า…”
“อ๊าก!”
เสียงอุทานประหลาดใจกระจายไปบริเวณรอบๆ วุ่นวายโกลาหลอยู่บ้างอย่างเห็นได้ชัด บางคนยังปิดปากไว้ทั้งร่างกายสั่นเทิ้ม
ทุกคนเห็นภาพโชกเลือดที่โหดร้ายกระหายเลือด ก็พากันหนาวสั่นสะท้าน แต่ละคนอดไม่ได้ที่จะถอยไปสองสามก้าว แล้วมองเด็กหนุ่มชั่วร้ายที่ท่าทางงดงามร้ายกาจด้วยความหวาดผวาและอัศจรรย์ใจ
“ก็บอกแล้วไง อย่าใช้สายตาเช่นนั้นมองข้า ข้าอ่อนไหวง่ายดายนัก เจ้ากลับไม่เชื่อ”
หนุ่มน้อยรูปงามที่ยืนรับลมท่าทางเยือกเย็นชั่วร้าย ไอสังหารกระหายเลือดกระจายอยู่บนร่าง ทว่าคำพูดที่เอ่ยออกมากลับทำอะไรไม่ถูกและไร้เดียงสาอย่างชัดเจน
ทว่า ที่ทำให้ทุกคนเสียขวัญและประหลาดใจในตอนนี้กลับไม่ใช่ไอสังหารบนร่าง แต่เป็นนิ้วมือที่เปื้อนเลือด…
เพราะก่อนหน้านี้สายตาผู้คนต่างจับจ้องบนร่างหนุ่มน้อยชุดแดงกับภูตหมออยู่ตลอด ด้วยเหตุนี้จึงเห็นเด็กหนุ่มทำลายหน้ากากภูตหมอร่วงไป แล้วควักดวงตาทั้งสองนั้นออกมาโยนลงบนพื้นเสียดื้อๆ…
เขา เขาควักลูกตาภูตหมอออกมา!
ท่ามือร้ายกาจ และทักษะที่ทำให้คนแปลกใจเสียจนไม่ทันได้ห้ามปราม พวกเขาจึงทำได้เพียงมองภาพนองเลือดอันเหี้ยมโหดนั้นเกิดขึ้นตรงหน้าอย่างนิ่งดูดายทั้งหัวใจสั่นไหว…
“อ๊า… ตาข้า… ตาข้า…ข้าจะฆ่าเจ้าซะ! ข้าจะฆ่าเจ้า!”
สองมือ ‘ภูตหมอ’ กุมดวงตาที่เลือดไหลอาบพลางกรีดร้องโหยหวน เมื่อปล่อยมือออก บางคนก็อาเจียนขึ้นมาอย่างไม่อาจกลั้นไว้ได้…
………………………………………………….
ตอนที่ 254 เฝ้ามองอยู่มุมมืด!
เห็นเพียงบนใบหน้าที่อาบเลือดนั้นมีสองโพรงเลือดน่าสะพรึงกลัวยิ่ง ไร้หน้ากากปกปิด ท่าทางบ้าคลั่งบนหน้าจึงตกสู่สายตาผู้คน ประกอบกับโพรงอาบเลือดสองหลุมนั้น ทำให้ใจทุกคนต่างสั่นไหวอย่างอดไม่ได้
โชคดีที่นี่ยังเป็นตอนกลางวัน หากเป็นกลางคืน คนต้องตกใจตายได้แน่นอน
เขาตีโพยตีพายวุ่นวายราวกับเป็นบ้า มีดสั้นที่ไม่รู้ว่าดึงออกมาจากตรงไหนสะบัดร่ายรำอย่างสะเปะสะปะ น้ำเสียงเล็กแหลมฟังแล้วบาดลึกอยู่บ้างในหูทุกคน
ผู้คนรอบข้างล้วนไม่ขยับเขยื้อน ไม่มีใครก้าวออกไป เพราะต่างตกใจกับภาพนองเลือด และฝีมือของเด็กหนุ่ม
นั่นคือภูตหมอนะ! ภูตหมอที่ชื่อเสียงโด่งดังอยู่ช่วงนี้! เขา เขากล้าควักลูกตาภูตหมอเลยรึนี่!
สถานการณ์เช่นนี้ เป็นสิ่งที่ทุกคนไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลย ส่วนภูตหมอที่สูญเสียดวงตาทั้งคู่ไป แม้ยาที่ปรุงจะเยี่ยมยอด พอกลายเป็นคนตาบอด ทั้งหมดนั้นก็เปล่าประโยชน์…
“ข้าจะฆ่าเจ้า! ฆ่าเจ้าซะ! ฆ่าเจ้า…”
เขาร้องเอะอะโวยวายพลางโบกสะบัดมีดสั้น กลับโดนเฟิ่งจิ่วถีบล้มลงบนพื้น
“ผัวะ!”
“อ๊ะ!”
เขาล้มไปบนพื้น แผดเสียงเจ็บปวด และกรีดร้อง กลับไม่มีใครก้าวเข้าไปประคองหรือช่วยเหลือ เพราะทุกคนรู้ แม้ว่าเขาเป็นภูตหมอ เวลานี้ ก็ไม่มีค่าอะไรอีกแล้ว
ขณะที่เขากำลังตะโกนลั่นพลางทำท่าทางจะตะเกียดตะกายลุกขึ้นมา เท้าข้างหนึ่งก็เหยียบบนแผ่นหลัง กดเขากลับพื้นดินไปอีกครั้ง
“เจ้าเป็นภูตหมอไม่ใช่หรือ? ทำไม? มีฝีมือแค่นี้รึ?”
น้ำเสียงเนิบนาบเบาๆ ที่มีความเย็นเยียบเปล่งออกจากปากเธอ ลำพังใช้เท้าแค่ข้างเดียว ก็ทำให้คนบนพื้นลุกขึ้นมาไม่ได้แล้ว
“อ๊าก! อ๊าๆๆ!”
เขาดิ้นรนขัดขืน พลางตะโกนโวยวาย แต่ภาพดำมืดเบื้องหน้า ความตื่นตระหนกที่ไม่สามารถแปรเปลี่ยนได้ ทำให้ตัวเขาตกอยู่ในความบ้าคลั่ง กลิ่นอายพลังวิญญาณที่เร่งเร้าอยู่ในร่างคิดจะระเบิดร่างลากเฟิ่งจิ่วไปตายด้วยกัน
แต่ว่า เมื่อพลังวิญญาณบนร่างเขาพรั่งพรู เฟิ่งจิ่วที่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติมือหนึ่งใช้กลิ่นอายพลังเร้นลับยกร่างคนบนพื้นขึ้นเหวี่ยงไปกลางอากาศ ขณะที่ถูกโยนขึ้นไปในอากาศ เพียงได้ยินเสียงครืนลอยมา เสียงระเบิดก็ดังขึ้นตาม และสิ่งที่ร่วงมาพร้อมกันคือคราบเลือดเศษเนื้อ…
ทว่าในมุมมืด ฮุยหลางกับอิ่งอีที่มาถึงได้สักพักกลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ บนหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกตกใจ
แม่เจ้าช่วย!
นึกไม่ถึงว่าภูตหมอจะฮึกเหิมเพียงนี้ พอลงมือขึ้นมาก็ไม่ออมมือกันเลยสักนิดจริงๆ
เมื่อเห็นภูตหมอตัวปลอมถูกควักลูกตาและระเบิดร่างตายไปในที่สุด ฮุยหลางก็ตบๆ กลางอกที่เต้นแรงตึกตัก แอบคิดว่า ‘ที่แท้ภูตหมอก็ออมมือให้เขา หากร้ายขึ้นมาจริงๆ เกรงว่าจะมีจุดจบเช่นภูตหมอตัวปลอมคนนี้แน่’
เวลานี้ฮุยหลางโชคดียิ่งนัก จากนี้จะไม่ไปยุแหย่เขาอีกแล้ว ไม่เช่นนั้น กลัวว่าถึงเวลานั้นคงไม่ใช่แค่ทำให้อ่อนปวกเปียกไปสองสามวัน แต่อาจจะถูกเฉือนทุกๆ นาทีเลยก็ได้!
ส่วนอิ่งอีก็มองไปทางนายท่านที่แอบมองอยู่ข้างๆ เหมือนกับพวกเขาด้วยความกังวลใจเล็กน้อย แอบคิดว่า ‘ฝีมือภูตหมอยอดเยี่ยม ซ้ำลูกเล่นยังร้ายกาจ นายท่านกับเขาอยู่ด้วยกัน เกรงว่าจะไม่ค่อยปลอดภัยสักเท่าไหร่นะ!’
ยิ่งไปกว่านั้น ภูตหมอไฟแรงเช่นนี้ นายท่านจะข่มเขาไว้ได้เช่นไร? ดูจากสถานการณ์ นายท่านอาจจะตกเป็นเบี้ยล่างเมื่อไหร่ก็ได้
คิดไปคิดมา อิ่งอีก็มองที่เจ้าตำหนักยมราช เอ่ยถามกดเสียงเบาลง “นายท่าน พวกเราจะไปออกไปจริงๆ รึขอรับ?” หลบดูอยู่ตรงนี้ จะดีจริงๆ รึ?
“ลองดูไปก่อนค่อยว่ากัน”
ดวงตาลึกล้ำของเจ้าตำหนักยมราชจับจ้องบนเงาร่างสีแดงนั้นที่ซุกซนเปิดเผย อาจเพราะเป็นครั้งแรกที่เห็นมุมแบบนี้ของนาง ด้วยเหตุนี้ จึงอยากจะเข้าใจตัวตนนางที่เขาไม่เคยรู้จักให้มากขึ้นบ้าง
………………………………………………….