ตอนที่ 315 พาหมอมา!
“ท่านผู้เฒ่า ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าส่งจดหมายไปให้พี่สาวแล้ว หลังนายท่านได้รับข่าวจะรีบกลับมาโดยเร็ว ด้วยทักษะการแพทย์ของนายท่าน ผู้นำตระกูลต้องไม่เป็นอะไรแน่นอนขอรับ” เหลิ่งหวาปลอบโยนด้วยเสียงอบอุ่นพร้อมรินน้ำชาให้เขาใจเย็นลง
กวนสีหลิ่นเดินไปข้างหน้าหลังเห็นริมฝีปากพ่อบุญธรรมที่ขึ้นสีม่วงคล้ำก็รีบเอ่ยถาม “ท่านปู่ ท่านพ่อบุญธรรมถูกพิษได้ทานยาแก้ไปก่อนหรือยังขอรับ?”
“กินแล้ว ตอนที่ข้าหาเขาพบก็ให้เขากินไป ยังดีที่แม่หนูเฟิ่งทิ้งไว้ให้เผื่อฉุกเฉิน มิเช่นนั้นเกรงว่าเขาคงทนกลับมาไม่ไหว” หลังผู้เฒ่าได้ฟังคำพูดเหลิ่งหวาถึงจะผ่อนคลายจิตใจลง แต่ในใจยังคงเป็นห่วงไม่สิ้นสุด
ถึงอย่างไรเฟิ่งเซียวก็บาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ หนำซ้ำยังถูกพิษ พิษนั้นเหมือนจะรุนแรงมาก เขากรอกยาแก้ให้ไปกลับยังรักษาพิษนั้นไม่ได้ ทำได้เพียงระงับมันไว้และรอแม่หนูเฟิ่งกลับมาค่อยลองดูว่าจะมีวิธีอื่นหรือไม่
กวนสีหลิ่นครุ่นคิด บอกว่า “ด้วยวรยุทธ์ท่านพ่อบุญธรรมยังบาดเจ็บจนเป็นเช่นนี้ พลังของศัตรูต้องแกร่งมากแน่ๆ แต่ในเมืองอวิ๋นเยวี่ยคนที่สามารถมีวรยุทธ์เช่นนี้และมีความบาดหมางกับพ่อบุญธรรมจะเป็นใครได้?”
ผู้เฒ่าเฟิ่งส่ายหน้า “ตอนนั้นข้าต้องพาเขากลับมาจึงยังไม่ได้ตรวจดูสภาพที่เกิดเหตุ แต่ปล่อยกององครักษ์ไปค้นหาแล้ว หวังว่าจะหาเบาะแสได้บ้าง!”
“ท่านผู้เฒ่า ท่านอ๋องสามมาขอพบขอรับ” เสียงองครักษ์ลอยมาจากด้านนอก
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผู้เฒ่าก็บอกกับกวนสีหลิ่นว่า “เจ้าลองออกไปดูหน่อย ขวางเขากลับไป ตอนนี้ข้าไม่อยากพบใครทั้งนั้น”
“ขอรับ” กวนสีหลิ่นขานรับ กำชับเหลิ่งหวาดูแลท่านผู้เฒ่าให้ดีถึงจะสาวก้าวเดินออกไปขณะเดียวกันก็ปิดประตูห้องลง
ด้านนอก เมื่อมู่หรงอี้เซวียนที่ถูกขวางไว้นอกเรือนเห็นกวนสีหลิ่นเดินออกมาจากห้อง ดวงตาฉายแววเล็กน้อย ไม่นึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างกวนสีหลิ่นกับตระกูลเฟิ่งจะสนิทสนมกันเช่นนี้ เขาถูกขวางไว้ด้านนอกแต่กวนสีหลิ่นกลับสามารถเข้าออกได้อิสระโดยไม่มีการห้ามปราม
“ท่านอ๋องสาม”
กวนสีหลิ่นประสานมือคารวะ มองเขาพลางพูด “เกิดเรื่องขึ้นในจวน ตอนนี้ทุกคนล้วนเป็นกังวลและวุ่นวายกันอย่างยิ่ง ขออภัยที่ไม่สามารถต้อนรับท่านอ๋องสามได้”
ได้ยินคำไล่แขกที่คลุมเครือ มู่หรงอี้เซวียนก็ไม่ถือสาหาความกับเขา แต่เอ่ยว่า “ข้าได้ยินข่าวบอกว่าเกิดเรื่องกับท่านอาเฟิ่งจึงรีบเข้ามา เสด็จพ่อข้าหลังได้รับข่าวก็ส่งท่านหมอสองคนมาดูว่าจะช่วยเหลืออะไรได้หรือไม่ ทักษะการเพทย์พวกเขานับว่าสูงสุดในเมืองอวิ๋นเยวี่ย หากข้าเข้าไปไม่สะดวกก็ให้ท่านหมอทั้งสองเข้าไปช่วยดูเถอะ!”
ได้ยินเช่นนี้ แววตากวนสีหลิ่นมองผ่านบนร่างชายวัยกลางคนกับชายชราด้านหลังเขา ชะงักไปเล็กน้อยพักหนึ่ง บอกว่า “รอสักครู่ ข้าจะลองเข้าไปถาม”
ไม่รู้ว่าเสี่ยวจิ่วจะรีบกลับมาเมื่อไหร่ หากท่านปู่ไม่มีความเห็นอะไรก็จะให้ท่านหมอสองคนนี้ไปดูอาการพ่อบุญธรรมก่อน
มู่หรงอี้เซวียนพยักหน้า มองเขากลับไปห้องนั้นอีกครั้ง ไม่นานนักก็เดินออกมา
“เชิญเข้ามา!” กวนสีหลิ่นมายังข้างกายมู่หรงอี้เซวียนทำท่ามือเชื้อเชิญ
เวลานี้ มู่หรงอี้เซวียนถึงจะพาหมอสองคนนั้นเข้าไปในห้อง เห็นท่านผู้เฒ่านั่งอยู่ข้างเตียงเหนื่อยล้าและกังวลใจ ส่วนเฟิ่งเซียวบนเตียงก็นอนตะแคงหันหน้าออกมา สีหน้าปรากฏสีม่วงเข้ม ริมฝีปากขึ้นสีม่วงคล้ำ อาการดูแล้วไม่ดียิ่งนัก
เห็นภาพเช่นนี้เขาก็หดหู่ใจ ไม่นึกว่าอาการจะหนักหนาเช่นนี้ ใครกันแน่ที่ใจกล้าเพียงนี้? ถึงกับกล้าทำร้ายเฟิ่งเซียวเป็นสภาพนี้ในเมืองอวิ๋นเยวี่ย?
“พวกเจ้ารีบเข้าไปดูเร็ว” มู่หรงอี้เซวียนส่งสัญญาณให้ท่านหมอทั้งสองเข้าไป
………………………………………
ตอนที่ 316 เฟิ่งจิ่วกลับบ้าน!
รอหมอสองท่านเข้าไป มู่หรงอี้เซวียนก็มาคารวะเบื้องหน้าท่านผู้เฒ่า ถามว่า “ท่านปู่เฟิ่งได้ตรวจสอบหรือยังว่าเป็นฝีมือใคร?”
ผู้เฒ่าส่ายหน้า ถอนใจกล่าว “ไม่เลย ตอนนั้นข้าสนแต่จะพาเฟิ่งเซียวกลับมา จึงยังไม่ตรวจดู ยามนี้เขาเป็นลมหมดสติชีวิตแขวนบนเส้นด้าย ไหนเลยจะยังมีกะใจไปไล่ตรวจสอบเรื่องนี้?”
“ท่านปู่เฟิ่งอย่าได้กังวลเกินไปนัก ท่านอาเซียวเป็นคนดีฟ้าต้องคุ้มครองจะต้องไม่เป็นไรแน่ขอรับ” เขาปลอบโยนเสียงอบอุ่น มองไปยังท่านหมอทั้งสองที่ถอยออกมาหลังจับชีพจร เห็นสีหน้าพวกเขาต่างหนักใจเล็กน้อย จึงเอ่ยถาม “เป็นยังไงบ้าง?”
ท่านหมอทั้งสองมองหน้ากันแวบหนึ่ง แล้วคารวะไปทางพวกเขา บอกว่า “เรียนท่านอ๋องสาม ท่านผู้เฒ่า แม่ทัพเฟิ่งบาดเจ็บสาหัส หนำซ้ำตรงอกยังมีเลือดคั่งไม่ไหลเวียน ในร่างกายมีพิษร้ายแรง ข้าน้อยกลัวทักษะไม่ชำนาญพอจึงไม่กล้ารักษาขอรับ”
มู่หรงอี้เซวียนได้ยินคำพูดนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้น ถามว่า “หรือจะไม่มีทางอื่นแล้ว?”
ท่านหมอทั้งสองครุ่นคิด ผงะไปสักพัก ตอบว่า “หากตามหาภูตหมอได้ก็อาจมีโอกาสรอด แต่ภูตหมอคนนั้นเป็นเทพมังกรเห็นหัวไม่เห็นหาง ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวอยู่ที่ไหน ต่อให้หาเขาพบก็เป็นดั่งน้ำไกลที่ช่วยไฟใกล้ตัวไม่ได้ขอรับ”
ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าฟังที่ท่านหมอในจวนเคยบอก ตอนนี้ยังได้ยินคำพูดสองคนนี้อีก จึง0เตรียมใจไว้แล้ว ความต่างไม่ถึงกับมากเกินไปเสียจนทำให้เป็นกังวล แต่ท่าทางโศกเศร้ายังคงบีบหัวใจคนที่เห็น
“ในเมื่อไม่มีทางรักษาก็เชิญพวกท่านกลับไปก่อนเถอะ! ตอนนี้พ่อบุญธรรมข้าเป็นเช่นนี้ในจวนจึงไม่สะดวกรับแขกจริงๆ ขอท่านอ๋องสามแสดงความขอบคุณต่อท่านผู้ครองแค้วนแทนพวกเราด้วย” กวนสีหลิ่นพูดจบก็ทำท่ามือเชิญพวกเขาสามคนออกไป
หลังมู่หรงอี้เซวียนมองกวนสีหลิ่นก็บอกกับท่านผู้เฒ่าว่า “ท่านปู่เฟิ่ง งั้นข้าจะกลับไปก่อน และจะส่งคนไปสอบถามหาที่อยู่ของภูตหมอเสียหน่อย หากมีข่าวคราวจะส่งคนไปเชิญเขามาทันทีแน่นอน”
“เจ้าจิตใจดีนัก” ผู้เฒ่าพยักหน้าก็เห็นสามคนนั้นถอยออกไปหลังจากคารวะ
มู่หรงอี้เซวียนที่ออกจากประตูใหญ่จวนให้ท่านหมอทั้งสองกลับไปรายงานตัวก่อน ส่วนตนเองมุ่งหน้าไปตลาดมืดเพื่อจะสอบถามหาที่อยู่ของภูตหมอ หากภูตหมอกลับถึงเมืองอวิ๋นเยวี่ยแล้วท่านอาเซียวอาจยังมีโอกาสรอดได้
ทว่าระหว่างทางที่เขาเดินไปตลาดมืดก็พบคนของตลาดมืดต่างรีบเร่งไปยังจวนตระกูลเฟิ่ง เห็นเช่นนี้ฝีเท้าเขาชะงักลงเล็กน้อย หันกลับมองตามร่างนั้นไป แล้วมายังจวนตระกูลเฟิ่งอีกครั้ง
ส่วนภายในพระราชวัง ผู้ครองแคว้นในตำหนักยามนี้กำลังถามไถ่ว่า “อาการเฟิ่งเซียวเป็นเช่นไร?”
“กราบเรียนท่านผู้ครองแคว้น อาการท่านแม่ทัพเฟิ่งไม่สู้ดีอย่างมาก ไม่เพียงบาดเจ็บภายในสาหัส หนำซ้ำยังถูกพิษร้ายแรง คงเพราะมียากดบรรเทาพิษในร่างไว้ มิเช่นนั้นเกรงว่าคงทนมาถึงตอนนี้ไม่ได้ แต่แม้เป็นเช่นนั้น พวกเราสองคนจับชีพจรตรวจก็ยังไม่กล้ารักษาให้เขาพะยะค่ะ”
“โอ้? พูดเช่นนี้อาการบาดเจ็บเขาสาหัสมากจริงๆ สินะ?” ผู้ครองแคว้นขมวดคิ้วสอบถาม
ท่านหมอทั้งสองมองหน้ากัน ผงะไปเล็กน้อยสักพัก บอกว่า “หากไม่มีปาฏิหาริย์ เขาทนไม่พ้นคืนนี้แน่พะยะค่ะ”
หลังผู้ครองแคว้นบนตำแหน่งที่นั่งอาวุโสได้ยินคำพูดนี้ก็เอนกายไปบนบัลลังก์มังกร กล่าวพึมพำว่า “ปาฏิหาริย์? โลกใบนี้มีปาฏิหาริย์มากมายเพียงนั้นเสียที่ไหน…”
แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าร่างสีขาวกำลังกลับถึงจวนตระกูลเฟิ่งอย่างเงียบเชียบ มายังภายในเรือนเฟิ่งเซียวในสถานการณ์ที่ไม่ทำให้ใครแตกตื่น
เหล่าทหารอารักขาที่เฝ้าอยู่รอบๆ นอกเรือนเห็นเพียงร่างขาวๆ แวบผ่าน ขณะกำลังจะลงมือกลับเห็นว่าคนที่มาคือคุณหนูใหญ่ที่จากบ้านไปหลายวัน
……………………
Related