ตอนที่ 321 ส่งมอบอำนาจเกษียณตำแหน่ง?
“รอพ่อหลานฟื้นขึ้นมา หากคนที่ลอบสังหารเป็นผู้ครองแคว้นจริง เราก็ส่งมอบอำนาจแล้วลาออกเถอะ!”
ได้ยินคำพูดนี้เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วขึ้น เกินคาดนิดหน่อยว่าสิ่งที่เขานึกถึงจะเป็นการส่งมอบอำนาจและลาออกจากตำแหน่ง
คล้ายจะมองออกถึงความสงสัยประหลาดใจในใจนาง ผู้เฒ่าถอนใจพูดอธิบายว่า “ปีนั้นปู่ทวดหลานเคยมีคำสั่งเสียไว้ หากลูกหลานถึงยามที่ผู้เหนือกว่าคิดจะสังหารตระกูลเฟิ่งเราจริงๆ ก็เป็นโอกาสที่จะส่งมอบอำนาจเกษียณตำแหน่งและลี้ภัย ปู่ทวดหลานกับปู่ของผู้ครองแคว้นมีมิตรภาพต่อกันยิ่งชีพจึงเคยทิ้งคำพูดไว้ว่าลูกหลานจวนเราจะเป็นศัตรูกับตระกูลมู่หรงไม่ได้”
“หากเขาจะฆ่าเราก็ต้องปล่อยให้ฆ่าโดยไม่ตอบโต้หรือเจ้าคะ?” เธอขมวดคิ้วเล็กน้อยอย่างไม่เห็นด้วยเท่าไหร่นัก
“ปู่ทวดหลานไม่ใช่คนโง่เขลาเช่นนั้น เขาเคยพูดว่า ครั้งแรกได้แต่ห้ามมีครั้งที่สอง หากถอยแล้วถอยอีกยังไม่ยอมรามือก็ไม่จำเป็นต้องนึกถึงมิตรภาพครั้งเก่าอีก ด้วยเหตุนี้รอพ่อหลานฟื้นขึ้นมาหากเป็นหลานว่าจริง พวกเราก็ส่งมอบอำนาจเพื่อแสดงความจำนนเถอะ!”
พูดถึงตรงนี้ เขาก็ถอนหายใจ “ปู่เพียงหวังว่าเราจะคาดการณ์ผิดไป หากเป็นเช่นนี้จริงก็น่าผิดหวังเหลือเกิน”
เฟิ่งจิ่วครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน บอกว่า “ท่านปู่ ไม่ว่ายังไงตอนนี้รอท่านพ่อพ้นขีดอันตรายก่อนค่อยว่ากัน วันนี้ท่านเหนื่อยแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ! ตรงนี้มีหลานกับพี่เฝ้าไว้ก็พอ”
“จริงด้วยท่านปู่ ตรงนี้พวกเราเฝ้าก็ได้ขอรับ” กวนสีหลิ่นพูดจบ บอกกับเหลิ่งหวาข้างๆ ว่า “เจ้าประคองท่านผู้เฒ่ากลับไปพักผ่อนที”
“ขอรับ”
เหลิ่งหวาขานรับแล้วเข้าไปประคองแขนผู้เฒ่าไว้ กล่าวด้วยเสียงอบอุ่น “ท่านผู้เฒ่า ข้าจะส่งท่านกลับไปพักผ่อนนะขอรับ!”
“ก็ดี งั้นปู่กลับไปพัก ค่ำๆ จะเข้ามาดู” ผู้เฒ่าลุกยืนขึ้น บอกว่า “เดิมทีปู่เก็บตัวฝึกบำเพ็ญเกือบจะได้บรรลุขั้นแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็ผุดรอยยิ้มจางๆ บอกว่า “แม้ท่านปู่ยังไม่บรรลุจากระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดไปถึงระดับจักรพรรดินักรบ แต่ไม่ว่ายังไงก็เข้าสู่ระดับบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดช่วงที่สาม กำลังเช่นนี้ในยามนี้อาจจะดีที่สุดแล้วเจ้าค่ะ”
ผู้เฒ่าพยักหน้า “ไม่เลว ตอนนี้ในจวนเราเกิดเรื่องเช่นนี้ หากปู่บรรลุขั้นกลายเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดินักรบ เกรงว่า… เฮ้อ! ค่อยว่ากันทีหลังเถอะ!” เขาถอนใจแล้วสาวก้าวเดินออกไป
คืนนี้เฟิ่งจิ่วเฝ้าอยู่ข้างกายเฟิ่งเซียว และเป็นดั่งที่เธอกังวล ถึงตอนค่ำเขาก็ไข้ขึ้นเพราะบาดแผลจริงๆ ยังดีที่เตรียมการไว้ก่อนจึงช่วยลดไข้ให้เขาพลางค่อยๆ เปลี่ยนยาตรงบาดแผล ในที่สุดถึงเวลาเที่ยงคืนอุณหภูมิถึงจะกลับมาเป็นปกติ
“เสี่ยวจิ่ว อุณหภูมิร่างกายพ่อบุญธรรมเป็นปกติแล้ว เจ้าก็พักผ่อนเถอะ!” เขารินน้ำให้ เห็นนางยุ่งวุ่นวายอยู่หน้าเตียงตลอดคืนไม่หยุดพักจึงทุกข์ใจอยู่บ้างอย่างอดไม่ได้
นางเพิ่งอายุสิบหกกลับต้องแบกรับภาระหน้าที่ของทั้งจวน ต้องรักษาพ่อ ดูแลผู้เฒ่า ซ้ำยังต้องทำให้ทั่วทั้งจวนมั่นคง แล้วต้องคอยป้องกันผู้ครองแคว้นโจมตีจวนอีก นางที่เป็นเช่นนี้เขาเห็นยังรู้สึกเจ็บปวดใจเลย
เธอนั่งลงข้างเตียงช่วยท่านพ่อดึงผ้าห่มขึ้นสูง บอกว่า “ถึงอุณหภูมิจะลดแล้ว แต่แผลภายในร้ายแรงนักพิษในร่างก็ยังขับออกไม่หมด ไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะฟื้นขึ้นมาได้รึเปล่า”
“เจ้าอย่าได้กังวลไปนัก พ่อบุญธรรมเป็นคนดีฟ้าคุ้มครองจะต้องไม่เป็นอะไรแน่” แม้พูดถึงเพียงนี้แต่เขาก็รู้ว่าแผงอกที่ถูกกระแทกแตก อวัยวะภายในเสียหายร้ายแรง ต่อให้ทานยาอายุวัฒนะที่นางปรุงกลั่นเพื่อรักษาชีวิต แต่สถานการณ์จะเป็นเช่นไรยังต้องดูว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาได้หรือไม่
………………………………………
ตอนที่ 322 เป็นหรือตาย?
ตอนนี้เอง ประตูห้องถูกเคาะเบาๆ เสียงเหลิ่งซวงลอยมาจากด้านนอก
“นายท่าน”
“เข้ามา”
เฟิ่งจิ่วกับกวนสีหลิ่นในห้องมานั่งลงยังข้างโต๊ะด้านนอกพร้อมๆ กัน จึงเห็นเหลิ่งซวงในชุดสีดำมือถือภาดเดินเข้ามา
“นายท่าน คุณชาย นี่คือข้ามต้มรังนกที่ท่านผู้เฒ่าให้คนต้มมาเจ้าค่ะ” นางยกข้าวต้มรังนกสองชามมาตรงหน้าทั้งสองถึงจะถอยไปข้างๆ
“ท่านปู่ข้าหลับแล้วรึ?” เฟิ่งจิ่วทานข้าวต้มรังนกพลางเอ่ยถาม
“อาหวาเฝ้าท่านผู้เฒ่าอยู่ทางนั้น บอกว่าเขาหลับไปแล้วเจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงพูดจบเสียงก็ชะงักไป บอกว่า “หัวหน้ากององครักษ์หกคนนั้นมารอพบนายท่านอยู่ด้านนอกเจ้าค่ะ”
เฟิ่งจิ่วกินข้าวต้มรังนกก่อนจะเลื่อนชามไปข้างๆ บอกว่า “ให้พวกเขาพักอยู่ในจวนก่อน รอข้าว่างค่อยไปพบ”
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับ ออกไปส่งต่อคำพูด
หลังทั้งหกคนที่คอยอยู่ด้านนอกได้ยินคำพูดนั้นก็มองหน้ากันแล้วออกไปก่อน พวกเขาได้ยินข่าวว่าผู้นำตระกูลเกิดเรื่องจึงรับกลับมา เดิมทีนึกว่าคุณหนูใหญ่ไม่อยู่กลับไม่คิดว่าที่แท้นางกลับมา
แต่ไม่รู้ว่าอาการผู้นำตระกูลตอนนี้เป็นยังไงบ้าง? พ้นช่วงอันตรายไปหรือยัง?
แม้ทั้งแปดคนจะออกนอกจวนกลับยังไปไม่ไกล แต่เฝ้าอยู่รอบๆ เรือนเหมือนกับเหล่าทหารอารักขาในจวน คอยปกป้องอย่างเงียบเชียบไร้เสียง
คืนนี้ไม่ต้องพูดถึงเฟิ่งจิ่วที่ไม่ได้นอน แม้แต่มู่หรงป๋อในพระราชวังก็ไม่อาจนอนสนิท กังวลใจอยู่ตลอดทั้งคืนไม่รู้ว่าเฟิ่งเซียวเป็นยังไงบ้าง? ตายไปแล้ว? หรือยังไม่ตาย?
ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้นในตอนนั้นเฟิ่งเซียวฟังเสียงเขาออก หากเขายังไม่ตาย เกรงว่า…
นึกถึงตรงนี้ เขาลุกยืนขึ้นเดินวนไปวนมาอยู่กลางห้องบรรทม นั่งไปก็ไม่สงบใจ เพียงหวังให้ฟ้าสว่างเร็วขึ้นบ้างจะได้ส่งคนไปสอบถามข่าวคราวเสียหน่อย
เดิมทีเขาคิดจะส่งคนเข้าไปคืนนี้เพื่อเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้น กลับหยุดความคิดไปหลังได้ยินถึงการคุ้มกันอย่างเข้มงวดของจวนตระกูลเฟิ่งในยามนี้ หากคืนนี้ส่งคนเข้าไปลอบสังหาร เกรงว่าจะทำให้พวกเขาสงสัยขึ้นมา
หลังผ่านการใคร่ครวญหลายครั้งจึงทำได้เพียงหยุดความคิดนั้นไว้
เหมือนกับพวกเขา คืนนี้มู่หรงอี้เซวียนในจวนอ๋องก็นอนไม่หลับเช่นกัน ท่าทางการกระทำของเสด็จพ่อวันนี้ทำให้เขาเคลือบแคลงใจอยู่บ้าง ด้วยกลัวว่าเรื่องที่เฟิ่งเซียวโดนโจมตีจะเกี่ยวข้องกับเขาจริงๆ หากเป็นเช่นนี้…
ไม่! เขาอาจจะคาดการณ์ผิดไป เสด็จพ่อคงไม่ทำเรื่องที่หุนหันพลันแล่นโดยไม่นึกถึงผลที่ตามมาเช่นนั้น
ทว่าในใจกลับมีเสียงหนึ่งกำลังบอกเขาว่าเรื่องนี้เป็นไปได้มากที่จะเป็นฝีมือเขา เพราะตอนนั้นเขาก็อยากฆ่าเฟิ่งเซียว หากเฟิ่งเซียวตายไปในตอนนั้น หลังจากนั้นทั้งหมดจะตกอยู่ในการควบคุมของเขา และยิ่งไม่มีสถานกาณ์น่ากังวลกระวนกระวายเช่นตอนนี้เกิดขึ้น
กลุ่มอำนาจแต่ละฝ่านในเมืองอวิ๋นเยวี่ยต่างกำลังครุ่นคิด หากเฟิ่งเซียวล้มลงเช่นนี้ จวนตระกูลเฟิ่งจะเป็นเช่นไร? หากเฟิ่งเซียวจากไปตอนนี้ จวนตระกูลเฟิ่งจะกลับเข้าราชวงศ์หรือถูกครอบครองโดยเครือญาติ?
ถึงอย่างไรหากไม่มีเฟิ่งเซียวปกปักษ์จวนไว้ ลำพังพึงแค่ผู้เฒ่าเฟิ่งที่แก่ชรากับเฟิ่งชิงเกอที่อายุเพียงสิบหกก็คุ้มกันจวนตระกูลเฟิ่งที่ใหญ่โตได้ไม่ไหว และท้ายที่สุดจวนตระกูลเฟิ่งนี้จะเป็นเช่นไร? พวกเขาตอนนี้ฉงนใจอย่างมาก ด้วยเหตุนี้จึงต่างสนใจความเป็นความตายของเฟิ่งเซียว
จนกระทั่งเวลาฟ้าสว่างวันต่อมา เหล่าตระกูลและกลุ่มอำนาจก็แทบจะส่งคนออกไปสอบถามคราวทันที…
แต่ที่ทำให้แปลกใจคือภายในจวนตระกูลเฟิ่งนึกไม่ถึงว่าจะไม่มีเสียงร้องไห้เศร้าโศก หน้าประตูใหญ่ไม่แขวนโคมไฟขาว และไม่มีการส่งข่าวว่าเฟิ่งเซียวสิ้นใจ
เช่นนั้น เขารอดแล้ว?
และยังมีชีวิตอยู่รอดต่อหลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสและพิษรุนแรงเช่นนั้น?
………………………
Related