ตอนที่ 335 กังวลใจไปเสียเปล่า!
เฟิ่งจิ่วเลิกคิ้วยิ้มหยันพลางกล่าวแดกดัน “ความสัมพันธ์ทางสายเลือด? พวกท่านยังกล้าเอ่ยถึงความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับข้าอีก คิดว่าท่านพ่อข้าล้มป่วยแล้วจะรังแกจวนตระกูลเฟิ่งได้ง่ายๆ จริงรึ จะดูแลตระกูลเฟิ่ง? พวกท่านคู่ควรหรือ?”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าคนบ้านรองเปลี่ยนไปอีกครั้ง มองสาวน้อยที่เฉยชาพูดจาเฉียบคมและไม่ปิดบังอะไรอีกผู้นี้ ยามนี้พวกเขาถึงจะรู้ว่าเดิมทีนางตบตาพวกเขาเล่นมาตั้งแต่ต้น!
แต่ไหนแต่ไรนางไม่เคยคิดจะให้พวกเขาเข้ามารับช่วงตระกูลเฟิ่งต่อ และไม่เคยคิดให้มาดูแลจวนตระกูลเฟิ่ง! นางแค่จงใจลูบคมทำให้พวกเขาอับอาย!
“เฟิ่งชิงเกอ! ดี! ดีมาก!”
ชายวัยกลางคนโกรธจนกัดฟันกรอด ส่งลูกชายที่บาดเจ็บหมดสติให้คนด้านหลังไปดูแล ส่วนตนเดินก้าวยาวไปหานาง พูดเสียงเกรี้ยวกราดว่า “วันนี้ข้าจะสั่งสอนเจ้าแทนเฟิ่งเซียวเอง!”
เห็นชายวัยกลางคนเดินไปหานาง องครักษ์ทั้งแปดเปลี่ยนสีหน้าเล็กน้อย บอกว่า “เขาคือคนตระกูลสายรองที่เพิ่งบรรลุระดับบรรพชนนักรบเมื่อเดือนก่อน ต่อให้คุณหนูใหญ่ฝีมือดีเท่าใดก็แค่ความรู้สึกไว เกรงว่าเจอกับเขาคงเสียเปรียบ”
“พวกเราเข้าไปช่วยเถอะ! กล้าสบประมาทคุณหนูใหญ่ในเขตจวนตระกูลเฟิ่ง นี่มันรนหาที่ตายชัดๆ!”
“จริงด้วย เห็นพวกเราเป็นแค่ของประดับรึไง?”
“ไป!”
พวกเขาแผดเสียง กำลังจะเดินหน้าไป เวลานี้เองกลับเห็นเหลิ่งซวงเดินเข้ามาขวางทางไว้
“พวกเจ้าอย่าไปสร้างความวุ่นวายให้นายท่าน”
เสียงเย็นเยียบเสริมด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึกนั้น ทำให้นางดูเป็นสาวงามที่เหมือนภูเขาน้ำแข็ง ส่วนชุดสีดำรัดรูปก็ยิ่งเพิ่มความเฉยชา ลดความอ่อนโยนของสาวน้อยลงไปบางส่วน มีเพียงความหนาวเหน็บเท่านั้น
“เขาเป็นถึงระดับบรรพชนนักรบ นายท่านจะรับมือไหวรึ?” หลัวอวี่ตกใจเล็กน้อย เมื่อถามเช่นนี้ออกไปในใจก็เหลือเชื่ออยู่บ้าง
เหลิ่งซวงอยู่ข้างกายนายท่านมาค่อนข้างนาน หากนายท่านสู้ไม่ไหวนางน่าจะปรี่เข้าไปคนแรกแล้ว แต่ตอนนี้กลับมาห้ามปรามพวกเขา คิดได้เพียงว่า…
กำลังนายท่านมากพอจะต่อกรกับชายวัยกลางคนระดับบรรพชนนักรบคนนั้น?
เฮือก! จะเป็นไปได้หรือ
นึกถึงตรงนี้เขาก็สูดหายใจเข้า มองไปทางร่างสีขาวนั้นด้วยสายตาตกตะลึง
คนอื่นๆ ได้ยินคำพูดนี้ ก็มองไปทางร่างสีขาวนั้นด้วยแววตาที่มีความเหลือเชื่อหลายส่วน
พวกเขาเคยเห็นเสน่ห์แพรวพราวยามนางสวมชุดแดง นั่นคือความหยิ่งผยองที่ช่างเอาแต่ใจ สิ่งที่กระจายอยู่ทั่วร่างคือประกายแสงแห่งความมั่นใจและสูงส่ง วันนี้นางสวมชุดขาวอยู่บนลาน ตอนแรกที่เห็นให้ความรู้สึกอ่อนโยนไร้พิษภัย ราวกับแกะน้อยเชื่องๆ ไม่ก้าวร้าวเลยสักนิด
แต่นี่เป็นเพียงภาพลวงตาที่ให้คนเห็นในคราแรก มิเช่นนั้นชายหนุ่มคนก่อนหน้าคงไม่กรีดร้องครวญครางเช่นนั้น
พอนึกถึงไม้นั้นที่นางตวัดโจมตีลงไป พวกเขาก็สั่นเทิ้มทั้งร่าง กลืนน้ำลายหนีบสองขาแน่นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
เป็นห่วงนาง? พวกเขาอาจจะกังวลใจไปเสียเปล่าแล้วจริงๆ
ส่วนในลานฝึกยุทธ์ เฟิ่งจิ่วที่ถือไม้พลองไว้มองชายวัยกลางคนสาวเท้าเข้ามาอย่างฉุนเฉียว เมื่อฝ่ามือยกขึ้นตบมาทางใบหน้าเธอพร้อมกับพลังลึกลับ
เธอเลิกคิ้วขึ้น โยนไม้พลองในมือไปด้านหลังแล้วใช้มือเปล่าโจมตีทันที ก่อนจะคว้าข้อมือที่สะบัดตบมาไว้ด้วยความเร็วไม่ธรรมดา
เท้าก้าวเคลื่อนไหวผิดตำแหน่ง ทันทีที่แวบผ่านไปด้านข้าง ก็บิดข้อมือที่คว้าไว้ไปด้านหลัง บิดจนหักเสียงดังกร๊อบ ขณะเดียวกันมืออีกข้างก็จับตรงหัวไหล่แล้วดึงทั้งแขนเขาลงมา
“อ๊าก!”
ความเจ็บปวดรุนแรงถาโถมมาโดยไร้สัญญาณเตือน ทำให้ชายวัยกลางคนส่งเสียงร้องแหลม ที่มากยิ่งกว่าคือความตกใจและเสียขวัญ…
………………………………………………….
ตอนที่ 336 อึ้งไปแล้ว!
ท่ามกลางเสียงกรีดร้องเจ็บปวดของเขา สิ่งที่แว่วมาจากรอบๆ คือเสียงสูดหายใจด้วยความเหลือเชื่อ ผู้คนที่มุงดูเบิกตาโตมองภาพนี้อย่างยากจะเชื่อ หากไม่ได้เกิดขึ้นตรงหน้าพวกเขาจริงๆ จะอย่างไรก็ไม่มีทางเชื่อ นึกไม่ถึงว่าระดับบรรพชนนักรบผู้ทรงเกียรติคนหนึ่ง…จะถูกกำราบในหนึ่งกระบวนท่าเช่นนี้
“อ๊าก!”
เข่าชายวัยกลางคนถูกเตะไปทีหนึ่ง ขาจึงงอคุกเข่าลงไป ร่างกายโดนกดให้หมอบไปด้านหน้า ส่วนแขนที่ถูกจับดึงลงมาถูกบิดกดไว้บนหลัง เจ็บเสียจนเขาเหงื่อออกท่วม คิดจะขัดขืนยืนขึ้นกลับพบว่าตนทำไม่ได้
คนตระกูลสาขาอึ้งไปแล้ว!
องครักษ์ทั้งแปดก็มึนงง! นี่มันพิสดารไปแล้วจริงๆ!
ฝีมือและพลังเช่นนี้ ใครกล้าบอกว่านางดูแลทั้งจวนตระกูลเฟิ่งไม่ได้? ใครยังกล้าพูดว่าอยากจะช่วยนางดูแลจวน?
หัวใจทุกคนรอบด้านสั่นไหวขึ้นมา คนตระกูลสาขาอกสั่นขวัญแขวน พวกเขาไม่นึกว่าเฟิ่งชิงเกอจะมีฝีมือประหลาดเช่นนี้ สามารถกำราบบรรพชนนักรบได้ด้วยหนึ่งกระบวนท่า กำลังเช่นนี้ หากพวกเขาเอ่ยคำพูดก่อนหน้าออกไปอีกก็ไม่เจียมตัวเกินไปแล้ว
ส่วนหัวใจเหล่าองครักษ์ที่สั่นไหวก็เพราะความตื่นเต้น ตื่นเต้นในความโดดเด่นของฝีมือและพละกำลังของนาง ในสายตาพวกเขามีเพียงคนที่โดดเด่นเช่นนี้ถึงจะคู่ควรเป็นนายท่านพวกเขา!
ท่ามกลางผู้คน ในดวงตาชราภาพที่ขุ่นมัวของชายชราตระกูลสาขามีความตื่นตระหนกตกใจ อาจเพราะคนอื่นมองไม่ออก แต่เขากลับเห็นอย่างเด่นชัดว่านางสามารถเอาชีวิตเขาได้ในชั่วพริบตา แต่นางไม่ได้ทำ แค่บิดหักข้อมือแล้วดึงแขน สำหรับพวกเขาก็ถือว่านางปรานีให้แล้ว
เขาคิดว่าหากไม่ใช่เพราะพวกเขาล้วนเป็นคนสกุลเฟิ่ง เกรงว่าแค่เรื่องที่วันนี้เข้ามาจะรับช่วงจวนตระกูลเฟิ่ง ก็มากพอให้พวกเขาตายอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว!
นึกถึงตรงนี้ ใจเขาเกิดกลัวขึ้นมา ขณะอกสั่นขวัญแขวนเหงื่อเย็นก็ไหลซึม รีบใช้ไม้เท้าในมือค้ำไว้เลี่ยงไม่ให้ร่างกายโงนเงนล้มลงบนพื้น แต่แม้เป็นเช่นนี้ เขายังคงจับแขนชายวัยกลางคนข้างๆ ที่อึ้งตกใจเหมือนกันไว้ และบอกด้วยเสียงสั่นเครือว่า “เร็ว รีบพาเขากลับมา พวกเรา พวกเราไปเถอะ!”
ทว่าตอนนี้กลับไม่มีใครกล้าเข้าไปอีก แต่ละคนต่างยืนมองหญิงงามท่าทางเย็นเยือกอยู่ตรงนั้นอย่างตื่นตะลึง
“ปล่อยข้า! เจ้าปล่อยข้า!”
ชายวัยกลางคนที่ถูกกดไว้ดิ้นรนแข็งขืนพลางแผดเสียงเกรี้ยวกราด แต่ในเวลาต่อมา เห็นเพียงมือตั้งท่าเป็นดาบสับลงท้ายทอยอย่างแรง เขาร้องเสียงอู้อี้ ร่างนอนลงบนพื้นและสลบไป
เฟิ่งจิ่วมองคนตระกูลสาขาด้วยท่าทีเฉยเมยเย็นชา เสียงเย็นเยียบเปล่งออกจากปากอย่างดุดันและเป็นการเตือน “นี่เป็นครั้งแรกและเป็นครั้งสุดท้าย พวกท่านในฐานะลูกหลานสายรองของตระกูลเฟิ่งก็ควรมีท่าทางเช่นคนสายรอง หากเกิดเรื่องเช่นตอนนี้ขึ้นอีก เช่นนั้นข้าไม่ถือสาที่จะให้พวกท่านตระกูลสาขาหายไปจากลำดับเครือญาติของตระกูลเฟิ่ง!”
ได้ยินเสียงกล่าวเตือนที่ดุร้ายและเย็นเยียบนั้นดังมา คนตระกูลสาขาเพียงรู้สึกใจเต้น หัวใจพลันหล่นวูบ ไม่มีใครเคลือบแคลงถึงความจริงแท้ในคำพูดนี้ เพราะดูจากวิธีการลงมือก็รู้แล้วว่านางไม่ใช่คนที่จะสนใจความสัมพันธ์ทางสายเลือดอะไรนั่นแน่นอน
หากมีครั้งต่อไปอีกจริง พวกเขาเชื่อว่านางจะทำอย่างที่พูดวันนี้ ทำให้ตระกูลสาขาหายไปจากเครือญาติวงศ์วานของตระกูลเฟิ่งแน่!
ชายชราสูดหายใจเข้าลึก ข่มความกลัวในใจพลางมองเฟิ่งจิ่วอย่างลึกล้ำ “ข้ารู้แล้ว ข้าจะดูแลคนตระกูลสาขาให้ดี เรื่องเช่นวันนี้จะไม่เกิดขึ้นอีกแน่นอน”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็ยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม “พ่อบ้าน ส่งพวกเขาออกไปด้วย”
……………………………