ตอนที่ 359 คมพยับออกโรง!
เธอพาหลัวอวี่หนีออกไปได้ก็ไม่เท่าไหร่ ยังจะช่วยพวกเขาอีก? ใครจะรู้ว่าพวกเขาสองคนจะตายอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า? เสี่ยงอันตรายถึงตายเพื่อไปช่วยผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังที่ไร้ญาติขาดมิตรสองสามคน? เธอไม่ได้ใจดีถึงเพียงนั้นหรอกนะ
“ในเมื่อมาแล้ว งั้นก็อยู่ต่อไปเถอะ!”
ชายชราร่างผอมแห้งผู้ชั่วร้ายกล่าวอย่างน่าหวาดกลัว สิ้นสุดเสียงเพียงเห็นผีสาวชุดแดงตนนั้นที่เคยยืนลอยอยู่ด้านหลังเปล่งเสียงเรียกเบาๆ
“มาสิ… มาสิ… อยู่ต่อเถอะ… อยู่ต่อเถอะ…”
ชุดสีแดงเลือดโฉบผ่านมากลางเวหา เสียงฟิ้วลอยมาทางเฟิ่งจิ่วกับหลัวอวี่ เสียงนั้นช่างอ่อนโยนแปลกประหลาดและมีกลิ่นอายหนาวเหน็บอยู่จางๆ
เฟิ่งจิ่วสังเกตว่าหลังได้ยินเสียงที่มีการควบคุมใจคนบางส่วนหลัวอวี่ที่เดิมทีโดนลากขึ้นมาจิตใจก็เริ่มหงอยเหงาขึ้นมา จึงยื่นมือไปตบหลังศีรษะเขาทีหนึ่งทันที สบถด่าว่า “นิ่งอะไรเล่า? หากยังอึ้งอยู่เจ้าก็อยู่ต่อเป็นเพื่อนนางเลยละกัน!”
“ซี๊ดอ๊าก!”
พอรู้สึกเจ็บหลัวอวี่ก็ฟื้นสติกลับมาอีกครั้ง เห็นตัวเองเกือบจะเสียสติไป จึงหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้ “นายท่าน ผีตนนี้ร้ายกาจเหลือเกินขอรับ ข้าน้อยฟังเสียงนางไม่ได้!”
เขาก็ไม่อยากแต่ไม่รู้ทำไมพอได้ยินเสียงที่นุ่มนวลนั้นก็ลืมว่าตัวอยู่ที่ไหน หัวสมองก็เลอะเลือนไปหมดและไม่อาจควบคุมสติได้เลย
“นั่นคือวิญญาณผู้ฝึกตนที่มีวรยุทธ์อยู่บ้าง พลังเทียบเท่าผู้ฝึกเซียนระดับสร้างรากฐาน กำลังเจ้ารับไม่ไหวแน่นอน”
เธอพูดอย่างเสียอารมณ์ แล้วโยนขวดหนึ่งให้เขาพลางบอกว่า “ใช้ยานี้ปิดปากปิดจมูกไว้ สูดเข้าไปสมองจะอยู่ในสภาพตื่นตัวและไม่ถูกควบคุมโดยง่าย”
กล่าวจบเธอผลักเขาออกไป กระบี่คมพยับที่มีประกายเย็นเยียบก็ปรากฏขึ้นในมือ ภายใต้การสะบัดขยับพลังกระบี่รุนแรงจึงแทงไปทางผีสาวชุดแดงที่ลอยมาทันที
หลัวอวี่เห็นท่าทางจึงรีบร้อนเปิดขวดออกดมกลิ่นสักพัก เพียงรู้สึกว่ากลิ่นนั้นฉุนเสียจนยากจะรับไหวแต่ไม่ยอมรับไม่ได้ว่าสูดไปแค่นิดเดียวร่างกายก็ตื่นตัวราวกับได้ยาชูกำลัง คิดๆ หาวิธี ฉีกผ้าจากเสื้อตัวในมาเทยาไว้ด้านบนเสียหน่อยแล้วนำขึ้นมาผูกปิดปากปิดจมูก เก็บขวดยาหยิบกระบี่ยาวอยากจะลองฟันทำลายเขตอาคมนั้น
“กระบี่คมพยับ!”
ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั้งสี่รู้จักกระบี่คมพยับเล่มนั้นต่างก็ตกใจ พวกเขาไม่นึกว่าจะได้เห็นกระบี่เทวะในตำนานที่สูญหายไปนาน และยิ่งคาดไม่ถึงว่าตอนนี้คนที่ครอบครองกระบี่จะเป็นแม่หนูน้อยที่ดูอายุราวสิบห้าสิบหก
“เหอะๆๆ… ไม่คิดเลยว่าข้าจะได้เห็นคมพยับกระบี่เทวะในตำนานในสถานที่เช่นนี้ แม้แต่สวรรค์ยังช่วยข้าโดยแท้ ฮ่าๆๆๆๆ!”
ชายชราร่างผอมแห้งผู้ชั่วร้ายที่นั่งขัดสมาธิอยู่แหงนหน้าหัวเราะลั่น แรงกดดันที่เห็นได้ด้วยตาเปล่ากวัดแกว่งออกมาพร้อมกับเสียงหัวเราะ มองท้องฟ้าที่ยิ่งมืดลงเรื่อยๆ ประกายความตื่นเต้นในดวงตาก็ยิ่งมากขึ้น
เมื่อยามเที่ยงคืนมาเยือน นั่นคือเวลาที่แผนการใหญ่เขาจะสำเร็จผล!
หนึ่งกระบี่ที่หลัวอวี่ฟันไปยังเขตอาคมนั้นถูกดีดกลับมาเหมือนจะชนเกราะป้องกันอะไรเข้า การโจมตีจึงทำลายเขตอาคมไม่ได้ ทำได้เพียงกัดฟันหันกลับไปร่วมต่อสู้กับผีสาวชุดแดงทันที พลางเอ่ยถามอย่างกังวล “นายท่าน ข้าน้อยทำลายเขตอาคมนั่นไม่ได้ทำยังไงดีขอรับ?”
“นั่นเป็นเขตอาคมที่หัวหน้าระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดวางไว้ เจ้าทำลายได้ก็แปลกแล้ว”
เธอแค่นเสียงเย็น จ้องมองผีสาวชุดแดงตนนั้นที่หลบกระบี่คมพยับแล้วโจมตีลงมาจากบนอากาศด้วยแววตาดุดันที่หรี่ลง นิ้วมือกรีดไปบนใบมีดเพื่อหยดเลือดลงบนตัวกระบี่แล้วเช็ดออกด้วยปลายนิ้ว เพียงเห็นแสงสีเลือดฉายผ่านพลังกระบี่ก็ยิ่งเพิ่มพูน…
………………………………………………….
ตอนที่ 360 พลังอำนาจแห่งราชัน!
พลังกระบี่ที่หนาวเหน็บเย็นเยียบราวกับมีเสียงไพเราะลอยออกมาในทันใด พลังกระบี่รุนแรงก็ปล่อยออกมาพร้อมกับแรงกดดันสัตว์เทวะในตำนานภายในร่างเธอ แรงกดดันในตำนานที่แข็งแกร่งกับพลังอำนาจแห่งราชันที่ติดตัวมาแต่เกิดกระจายออกมาพร้อมกันทำให้กลิ่นอายที่คละคลุ้งในอากาศพลันแปรเปลี่ยนแตกต่างไป
ถึงกับข่มแรงกัดดันระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดที่ปล่อยออกมาจากเสียงหัวเราะชองชายชราร่างผอมไว้เสียดื้อๆ เป็นแรงกดดันที่ทรงพลังและน่าตะลึงทำให้มือผีที่ยื่นมาจากใต้พื้นดินอดไม่ได้ที่จะผงะและหดกลับไป
“นี่ นี่มันแรงกดดันในตำนานกับพลังอำนาจแห่งราชัน!”
หลังจากรู้สึกถึงแรงกดดันอันน่าทึ่งผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั้งสี่พลันหัวใจสั่นไหว มองร่างผอมเล็กนั้นอย่างเหลือเชื่อ
แรงกดดันในตำนาน! พลังอำนาจแห่งราชัน!
แม่หนูน้อยคนนี้มีที่มายังไงกันแน่? ปกติแรงกดดันในตำนานจะมาจากพันธสัญญาสัตว์ในตำนาน เป็นพันธสัญญาร่วมชะตากรรมที่ต้องแบ่งปันชีวิตและใช้แรงกดดันร่วมกัน!
แม่หนูคนนี้คงครอบครองสัตว์เทวะในตำนานไว้ถึงจะถูก!
ส่วนพลังอำนาจแห่งราชัน เดิมทีนั่นเป็นกลิ่นอายของราชันที่ปรากฏอยู่แค่ในตำนาน เป็นพลังแห่งราชันที่มีแต่กำเนิดและมาจากสายเลือด ไม่อาจปลูกฝังได้ภายหลัง มองไปทั่วใต้หล้าก็มีเพียงเหล่าผู้แข็งแกร่งที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของพีระมิดถึงจะมีพลังอำนาจเช่นนี้ แต่นึกไม่ถึงว่าพวกเขาจะได้พบคนหนึ่งในป่าเก้าหมอบแห่งนี้ ซ้ำยังเป็นคนที่มีแรงกดดันในตำนานและพลังอำนาจแห่งราชันทั้งสองอย่างด้วย!
ทันใดนั้นในอากาศเหมือนมีเสียงโหยหวนนับไม่ถ้วนกระจายไป นั่นคือเสียงร้องภูตผีที่รับความสั่นสะเทือนจากแรงกดดันสัตว์เทวะในตำนานกับพลังอำนาจแห่งราชันไม่ไหว มันทั้งรุนแรงและแหลมเสียจนบาดแก้วหูเจ็บ
“ถอยไป! ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ!”
เฟิ่งจิ่วกำชับเสียงเย็น แล้วร่างก็พุ่งไปทันที ถือกระบี่คมพยับรับหน้าผีสาวชุดแดงตนนั้นที่โถมมาข้างหน้าพร้อมทั้งส่งเสียงร้องโหยหวน
ความเร็วนางว่องไวยิ่งนัก แวบผ่านไปดั่งสายฟ้าแลบ ผู้ฝึกตนทั้งสี่ยังจับการเคลื่อนไหวร่างไม่ได้เพียงรู้ว่ากระบี่คมพยับเล่มนั้นที่ฉายประกายแวววาวและแฝงด้วยกลิ่นอายดุดันตัดลงไปยังผีสาวชุดแดงตนนั้นด้วยท่วงท่าที่เร็วปานสายฟ้า
ท่วงท่าที่กะทันหันกับความเร็วที่ว่องไวทำให้ผีสาวชุดแดงที่มีกำลังระดับสร้างรากฐานไม่มีแม้แต่โอกาสหลบเลี่ยงจึงเปล่งเสียงกรีดร้องรุนแรงออกมา ร่างกายถูกตัดออกเป็นสองส่วนพลันกลายเป็นเปลวไฟสีเขียวกลืนกินร่างสีเลือดนั้นและหายไปไร้ร่องรอยเหมือนหลอมรวมไปกับดวงไฟวิญญาณรอบๆ
“เจ้ากล้าฆ่าวิญญาณผู้ฝึกตนข้า! ข้าจะให้เจ้าตาย! ตาย! ตาย! ตาย!”
ชายชราร่างซูบผอมสองตาเบิกโพรง น้ำเสียงโกรธเคืองเปล่งจากปากพร้อมกับแรงกดดันมหาศาล คำว่า ตาย แต่ละคำนั้นราวกับถูกขยายใหญ่ มันถูกควบแน่นจากพลังวิญญาณบนร่างและกดมาทางนาง
เพราะตื่นตระหนกกับแรงกดดันในตำนานและพลังอำนาจแห่งราชันบนร่างนางจึงตกตะลึงอยู่บ้างชั่วขณะหนึ่ง แต่ไม่นึกเลยว่าขณะที่ใจลอยไปสักพักจะเบิกตาเห็นวิญญาณผู้ฝึกตนใต้อาณัติที่มีวรยุทธ์เทียบเท่าระดับสร้างรากฐานถูกแม่หนูน้อยคนนั้นฟันกลายเป็นสองส่วนในหนึ่งกระบี่สูญสลายไปกับตา!
“อื้ม!”
ภายใต้แรงกดดันที่แข็งแกร่งของชายชราคนนั้นมีเพียงหลัวอวี่ผู้มีพลังระดับยอดปรมาจารย์ที่รับแรงกดดันและไอสังหารนั้นไม่ไหว เพียงรู้สึกว่าเลือดลมในร่างพุ่งพล่านขึ้นราวกับเขื่อนแตกน้ำท่วม ปะทะโจมตีห้องหัวใจพุ่งขึ้นไปยังลำคอ อยากกล้ำกลืนลงไปกลับไม่นึกว่าจะไม่ไหวจึงกระอักเลือดออกมา
“อั่ก!”
สายตาเฟิ่งจิ่วจ้องไป เหลือบเห็นหลัวอวี่มีสีหน้าซีดเผือดภายใต้แรงกดดันแม้แต่ยืนยังไม่ไหว ทันใดนั้นมือก็ขยับกระบี่คมพยับในมือปล่อยพลังกระบี่ที่ร้ายกาจโจมตีฟันไปยังคำว่า ตาย พวกนั้นที่ควบแน่นกลายเป็นรูปร่างอย่างโหดเหี้ยม!
…………………………