ตอนที่ 365 ศัตรูผู้แข็งแกร่ง!
ยามนี้เฟิ่งจิ่วหรี่ตามองเขาที่พุ่งมา เห็นกลิ่นอายแห่งความตายอันล้นหลามนั้นห้อมล้อมเธอไว้ เห็นชัดว่าสถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตอย่างมากทว่าตอนนี้เธอกลับยิ่งเยือกเย็น
หากเป็นผู้ฝึกตนที่เพิ่งบรรลุระดับหลอมแก่นพลังเธอคงไม่โดนบีบบังคับถึงเพียงนี้ แต่ชายชราอยู่ระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุด เป็นหัวหน้าที่เหลืออีกก้าวเดียวก็จะบรรลุถึงระดับกำเนิดวิญญาณ ประกับวิธีที่เขาใช้ฝึกบำเพ็ญเป็นวิชามาร พละกำลังจึงเทียบไม่ได้กับผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั่วไป
มิเช่นนั้นผู้ฝึกตนสี่คนนั้นคงไม่ติดกับอยู่ที่นี่
ตอนเธอเข้าป่าเก้าหมอบมาก็ไม่นึกว่าจะพบหัวหน้าระดับหลอมแก่นพลังในสถานที่เช่นนี้ ไม่คิดว่าผู้ฝึกตนจากแคว้นอื่นจะเลือกพลิกฟ้าเปลี่ยนชะตาที่นี่ และยิ่งคาดไม่ถึงว่าตัวเองจะเข้ามาเกี่ยวข้องกับการสังหารครั้งนี้เพื่อช่วยเหลือหลัวอวี่
ในเวลาเช่นนี้หากประมาทแม้เพียงเล็กน้อยก็ต้องจบชีวิตลงที่นี่แน่ ด้วยเหตุนี้เธอจึงทนไม่ได้ที่จะสู้สุดกำลังโดยไม่ระมัดระวัง
ถูกต้อง เธอสู้อย่างสุดกำลัง อันตรายครั้งนี้เข้ามาอย่างโหดเหี้ยมยากจะหลบเลี่ยงและถอยหนี หากอยากรอดชีวิตมีเพียงต้องสู้เต็มกำลัง!
ทันใดนั้นเองเธอก็หยิบยาออกมากิน เพียงเห็นกลิ่นอายพลังวิญญาณรอบตัวเอ่อล้นขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยความเร็วที่เห็นได้ด้วยตาเปล่า แรงกดดันทรงพลังบนร่างกระจายออกมาในเวลานี้ ยามนั้นเหมือนเธอจะหลุดออกจากพันธนาการล่องหนที่โอบรัดสองขาไว้แน่นหนา ร่างกายผุดลุกขึ้นมาปล่อยกลิ่นอายพลังวิญญาณเข้าไปยังกระบี่คมพยับในมือแล้วตวัดรับการโจมตีของหัวหน้าคนนั้นพร้อมตะโกนเสียงชัดเจน
“มังกรพยับพ้นสมุทร!”
ขณะที่กล่าวจบก็เห็นพลังกระบี่คมพยับพลันกลายเป็นมังกรยักษ์จู่โจมไปทางชายชราด้วยท่าพุ่งทะยาน พลังกระบี่ทรงพลังมีกลิ่นอายขยับรายล้อมรอบทำให้ความกัดดันในอากาศแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งและรุนแรงอย่างรวดเร็ว ใบมีดลมและกระแสลมพัดยุ่งเหยิงอยู่กลางอากาศราวกับดาบสั้นอันเย็นเยียบแต่ละเล่ม ไอสังหารดุร้ายพร้อมกับแรงกดดันในตำนานอันแข็งแกร่งทำให้ใจคนหนาวเหน็บ
“กรร!”
เสียงคล้ายมังกรโหยหวนคำรามออกจากปากมังกรยักษ์สีดำตัวนั้น ระหว่างที่หัวมังกรใหญ่โตพุ่งไปหาชายชรากรงเล็บคมก็ตวัดผ่านด้วยความรุนแรง เพียงเห็นเขามีสายตาตื่นตระหนกและเสื้อคลุมสีดำบนร่างถูกฟันออกเป็นรูทีละรอยท่ามกลางกระแสลมที่ดุดัน
ทว่าไม่รอให้หางมังกรตัวนั้นไปถึงร่างชายชราก็เห็นสองมือเขารวบรวมประกายสีเลือดขึ้นมาก่อตัวเป็นมังกรสีเลือดกลืนมังกรพยับลงไป
กระแสลมทั้งสองพุ่งชนและพันเกี่ยวกันกลางเวหา เงยหน้ามองไปเห็นเพียงมังกรยักษ์สองตัวหนึ่งดำหนึ่งแดงที่ก่อตัวขึ้นจากพลังวิญญาณกำลังกัดกันปั่นป่วนเสียจนใบมีดลมส่งเสียงโหยหวนขึ้นพร้อมไอสังหารเอ่อล้น…
มังกรยักษ์สองตัวกลางอากาศต่างต่อสู้กัน ส่วนเฟิ่งจิ่วด้านล่างก็ต่อกรกับชายชราคนนั้น เพียงสองสามกระบวนท่าสั้นๆ ต่อมาเสื้อผ้าชุดโทรมบนร่างนั้นก็โดนใบมีดลมของศัตรูฟันกลายเป็นรูเล็กนับไม่ถ้วน
ระดับของเธอยังห่างไกลจากศัตรูนัก หากไม่ใช่เพราะมีความเร็วและศิลปะการต่อสู้ที่โดดเด่น คงไม่มีทางต่อกรและตอบโต้กับเขาได้เลย หลังจากผ่านไปสองสามกระบวนท่าก็ยิ่งเสียเปรียบ เห็นเช่นนี้จึงกัดฟันกรอดสบโอกาสโยนขวดสี่ใบไปให้ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังทั้งสี่คนนั้นที่มองกันตาค้าง
“ดื่มมันซะ! แล้วเข้ามาช่วยข้า!”
“ผัวะ!”
สิ้นสุดเสียง เพราะเธอวอกแวกไปโยนของให้จึงถูกชายชราคนนั้นโจมตีเข้าตรงอก กลิ่นอายแห่งความตายที่แข็งแกร่งโถมมาใส่หน้าทำให้เธอไม่มีโอกาสแม้แต่จะหลบได้แต่รับฝ่ามือไปทั้งอย่างงั้น
และฝ่ามือนี้ก็สะเทือนเสียจนเสื้อผ้าชุดเก่าๆ บนร่างขาดรุ่ยกระจายเกลื่อนลงบนพื้น ด้วยเหตุนี้จึงเผยให้เห็นเสื้อเกราะป้องกันสีขาวเงินที่เธอสวมไว้ด้านใน…
………………………………………………….
ตอนที่ 366 ยา!
ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสี่คนนั้นรับของที่โยนมาไว้ ทว่าเมื่อมองไปอีกครั้งกลับเห็นนางรับฝ่ามือนั้นเสียดื้อๆ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ขณะที่กำลังกังวลใจก็เห็นฝ่ามือที่ร้ายแรงมากพอโจมตีนางถอยไปไกลสิบเมตรกระเทือนเสียจนเสื้อผ้าชุดโทรมบนร่างขาดกระจุย เพียงเห็นสีขาวเงินที่ปรากฏออกมาแวววับจับตาพวกเขาภายใต้ค่ำคืน
“ซี๊ด! นั่นเสื้อเกราะป้องกันนี่!”
พวกเขาสูดหายใจเล็กน้อย ไม่นึกว่านางจะมีของล้ำค่าเช่นนี้ด้วย หนำซ้ำหลังจากรับฝ่ามือของหัวหน้าระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดยังไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่เห็นเสื้อเกราะป้องกันที่น่าอัศจรรย์ตัวนั้น!
ยามนี้ทั้งสี่คนยังสังเกตเห็นว่าหลังจากเสื้อผ้าชุดเก่าๆ ธรรมดาๆ ตัวนั้นขาดร่วงโรยทรวดทรงสาวน้อยที่สวมเสื้อคลุมสีขาวเงินก็ปรากฏทำให้คนยากจะละสายตา
แม้บนหน้านางจะทาขี้เถ้าไว้ทำให้มองหน้าไม่ชัดเจน แต่ดวงตาที่ประกายแวววาวคู่นั้นสว่างไสวราวดวงดารา สิ่งที่ออกมาจากดวงตาคือกลิ่นอายที่มั่นใจและเยือกเย็น ท่าตัวตั้งตรงห่อหุ้มอยู่ภายใต้เสื้อคลุมสีขาวเงินไม่ได้ดูผอมเล็กมากนัก แต่ในความสูงโปร่งนั้นมีความบอบบางกลับยังมีกลิ่นอายสูงศักดิ์เช่นผู้เหนือกว่ากระจายอยู่
ดูท่านางคงมีที่มาไม่ธรรมดาเป็นแน่! ก็ไม่แน่ว่าอาจจะไม่ใช่คนแคว้นเล็กๆ ระดับเก้า
คิดถึงตรงนี้พวกเขาก็คืนสติอย่างรวดเร็ว นึกถึงก่อนหน้านี้ที่หลังดื่มของในขวนจากนางไปพลังวิญญาณบนร่างก็ปะทุขึ้นมา จิตใจหวั่นไหวเล็กน้อย มองขวดในมือแล้วเปิดออกดื่มลงไปโดยไม่ลังเลสักนิด
พอดื่มเข้าไปด้วยประสบการณ์พวกเขาจึงรู้รสว่านั่นเป็นยา! หนำซ้ำยังเป็นยาที่บริสุทธิ์ยิ่งนัก! เมื่อรู้สึกว่ายานั้นไหลตามลำคอเข้าสู่ทรวงอกไปถึงจุดตันเถียน เพียงรู้สึกว่าบริเวณที่ยาไหลผ่านมีกระแสลมแปลกๆ ประดังขึ้นในช่องท้อง จากนั้นกลิ่นอายพลังวิญญาณทั่วร่างก็ระเบิดออกมาและพุงไปตามเส้นโลหิตด้วยความรวดเร็ว
ช่างเป็นยาที่ร้ายกาจนัก!
พวกเขามองหน้ากันอย่างตกตะลึง ไม่นึกว่ายาขวดเล็กๆ จะมีฤทธิ์ร้ายกาจน่าอัศจรรย์กว่ายาอายุวัฒนะเสียอีก! ของแบบนี้แม้ในชีวิตพวกเขายังเห็นได้น้อยยิ่งนัก!
ตอนนี้ไม่ต้องสนใจคิดอะไรมาก เพราะได้ยินเสียงตู้มดังสนั่นขึ้นกลางอากาศ ขณะที่มังกรยักษ์ทั้งสองตัวแผ่กระแสลมกวาดออกไปกลางเวหาสองคนด้านล่างก็กำลังต่อสู้กัน เห็นได้ชัดว่าสาวน้อยที่สวมชุดคลุมสีเงินค่อยๆ เสียเปรียบเพราะกำลังที่สู้ศัตรูไม่ได้
เห็นเช่นนี้พวกเขาจึงเรียกพลังกระโจนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะล้อมหัวหน้าคนนั้นไว้สี่ด้าน ขณะเดียวกันก็ตะโกนบอกเฟิ่งจิ่วที่กลิ่นอายปั่นป่วนและลำบากเล็กน้อยว่า “นายท่านถอยออกไปก่อนขอรับ! พวกเราจะจัดการเขาเอง!”
ได้ยินเช่นนี้ หลังหลบการโจมตีของชายชราคนนั้นเฟิ่งจิ่วถอยห่างอย่างว่องไว ด้วยกำลังยอดปรมาจารย์พลังวิญญาณทนอยู่ในเงื้อมมือผู้แข็งแกร่งระดับหลอมแก่นพลังขั้นสูงสุดได้นานถึงเพียงนี้ก็ถึงขีดจำกัดแล้ว หากสู้ต่อไปกำลังกายไม่เพียงตามไม่ทันแม้แต่กลิ่นอายพลังวิญญาณก็จะหมดเกลี้ยงไปด้วย
เธอที่ถอยออกอย่างว่องไวหอบหายใจ หยิบยาขวดหนึ่งจากห้วงมิติมาดื่ม สายตามองผ่านชายชราที่กำลังถูกผู้ฝึกตนทั้งสี่ล้อมโจมตีแล้วหันไปจับจ้องยังบริเวณดวงตาค่ายกลตรงกลาง
“หงส์ไฟน้อย พลังประกายสีเลือดบนร่างหัวหน้าคนนั้นคงมาจากค่ายกลนี้สินะ? หากทำลายค่ายกลวิญญาณโลหิตนี้แม้เขายังสู้ต่อกลิ่นอายบนร่างก็จะหมดลงใช่หรือไม่?”
เธอใช้ดวงจิตเอ่ยถาม และตัดสินใจว่าจะทำลายค่ายกลวิญญาณโลหิตประหลาดนี่ก่อนค่อยว่ากัน
หงส์ไฟน้อยที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้วงมิติพยักหน้า น้ำเสียงเด็กน้อยเปล่งไปอย่างมีความนับถือ “ถูกต้อง แต่ตรงดวงตาค่ายกลมีดวงไฟวิญญาณรอบๆ คุ้มกันอยู่ หนำซ้ำหัวกะโหลกที่วางเรียงไว้ยังมีพลังโจมตี อยากจะเข้าไปใกล้เจ้าต้องทำลายสิ่งเหล่านั้นเสียก่อน มิเช่นนั้นจะทำลายค่ายกลนี้ไม่ได้”
………………………