ตอนที่ 423 น่ากลัวนัก!
หลัวอวี่มองคนผู้นั้นที่สวมชุดสีแดงและมีกลิ่นอายดุร้ายกระจายอยู่ทั่วร่างอย่างค่อนข้างตะลึง หากไม่ใช่ใบหน้าที่คุ้นเคย และรู้ว่าภายในจวนตระกูลเฟิ่งคุ้มกันเข้มงวด ตอนนี้เขาคงนึกว่านายท่านโดนใครสวมรอยมาจริงๆ
เหลิ่งซวงเห็นแล้วยังดี เพราะปรนนิบัตินายท่านอย่างใกล้ชิด จึงรู้ว่านางมักจะหงุดหงิดตอนตื่นนอน หนำซ้ำหากไม่ระเบิดอารมณ์ก็ไม่เป็นไร พอระเบิดทีก็ไม่ใช่น้อยๆ
คนแคว้นเหินเวหานำปัญหามาให้จวนตระกูลเฟิ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ต้องพูดถึงนายท่าน ขนาดพวกเขาเห็นแล้วในใจยังโกรธ
บนร่างเฟิ่งจิ่วมีกลิ่นอายหนาวเยือก เงยหน้าเหลือบมองหลัวอวี่ด้วยแววตาเย็นชาฉายไอสังหาร ก่อนจะเดินมานั่งลงข้างโต๊ะในลานบ้าน พลางบอก “หยิบกระบอกระเบิดของเจ้ามาสักสองสามอัน” ระหว่างพูดก็หยิบขวดเล็กๆ เจ็ดแปดขวดออกมาจากห้วงมิติ
“อ้อ ขอรับ”
หลัวอวี่ที่ค่อยๆ ได้สติกลับมาขานรับ รีบหยิบกระบอกระเบิดที่เตรียมไว้เรียบร้อยเจ็ดแปดอันออกจากถุงฟ้าดินข้างเอว อานุภาพของมันเพิ่มขึ้นมากแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นนายท่านเปิดกระบอกระเบิดออกมาปรุงใหม่ ก็อดตาค้างอยู่บ้างไม่ได้
ไม่ใช่กระมัง? แม้แต่เรื่องนี้นายท่านยังทำเป็นด้วย? ด้านในนั้นใส่ดินปืนไว้นะ! นางกลับบอกว่าจะแกะก็แกะ?
ทว่ายิ่งมองดวงตาเขายิ่งเบิกกว้าง เดิมนึกว่าโดนนางรื้อจนเสียของ แต่ใครจะรู้ว่าหลังนางแกะออกมาก็ผสมผงยาหลายชนิดลงไปในดินปืนพวกนั้น จากนั้นค่อยประกอบขึ้นมาใหม่ กระบอกระเบิดเจ็ดแปดอันบนโต๊ะล้วนเป็นเหมือนกัน ถูกนางแกะออกมาปรับใหม่
“นายท่าน ทำไมท่านถึงประกอบกระบอกระเบิดนี้เป็นขอรับ ท่านรู้หรือว่าผสมยังไง?” ของพรรค์นี้แม้แต่อาจารย์เขายังทำไม่เป็น นี่เป็นสิ่งที่เขาดัดแปลงมาจากประทัด จึงมีอานุภาพทำลายมหาศาล แต่พอมาถึงมือนายท่าน ทำไมถึงคล้ายจะไม่ยากเย็นเลยสักนิด?
“ใช่ เคยเล่นมาก่อนหน้านี้” เธอขานรับโดยที่มือยังไม่หยุดขยับ
ในฐานะหัวหน้าองค์กรลับในยุคปัจจุบัน รวบรวมอัจฉริยะเพี้ยนๆ จากแต่ละตระกูลมา เชี่ยวชาญด้านยาพิษและชำนาญการลอบฆ่า เธอที่ถูกคนขนานนามว่าเป็นปีศาจ จะประกอบกระบอกดินระเบิดไม่เป็นได้อย่างไร?
เคยเล่นมาก่อนหน้านี้?
หลัวอวี่มีแววตาตกใจ เห็นท่าทางของนางที่คล่องแคล่วกว่าตนก็ชะงักไปนิด เอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “นายท่าน ยาที่ท่านผสมไว้ด้านในมีผลยังไงหรือขอรับ?”
ผสมยาพวกนั้นลงในดินปืนจะจุดไม่ติดหรือไม่? เขาไม่เคยลองแบบนั้นเลย ต้องรู้ไว้ว่าสัดส่วนพวกนั้นจะผิดพลาดไม่ได้แม้แต่น้อย หากทำผิดระเบิดกระบอกนั้นจะเสียและไม่นับว่าสมบูรณ์
ประกอบกระบอกระเบิดเจ็ดแปดอันบนโต๊ะเสร็จ เธอถึงจะเงยหน้ามองเขา แล้วเผยรอยยิ้มเย็นเยือกแปลกๆ ออกมา “เจ้าอยากรู้? เดี๋ยวเห็นก็รู้เอง”
เพราะตกใจกับรอยยิ้มเย็นเยียบและพิกลบนใบหน้านาง หัวใจหลัวอวี่จึงสั่นสะท้าน เห็นนางลุกขึ้นไปล้างมือด้านหลัง ก็รีบเขยิบไปข้างกายเหลิ่งซวง กดเสียงเบาลงถามว่า “เหลิ่งซวง นายท่านเป็นอะไร ทำไมดูแล้ววันนี้ไม่ค่อยปกติเท่าไหร่?”
อันที่จริงเขาอยากบอกมากว่า นายท่านวันนี้ดูน่ากลัวยิ่งนัก…
เหลิ่งซวงชำเลืองมองเขา ชะงักเล็กน้อยสักพักถึงจะบอก “นายท่านมักจะหงุดหงิดตอนตื่นนอน”
ฟังเช่นนี้ใจหลัวอวี่ที่เดิมเคยหวั่นๆ ถึงจะคลายลง หงุดหงิดยามตื่นนอน ยังดีๆ ได้ยินว่าคนที่หงุดหงิดตอนตื่นหากโดนเสียงดังปลุกให้ตื่นอารมณ์จะไม่ค่อยดีเท่าใด แต่พอค่อยยังชั่วจะดีขึ้นเอง
ฮู่!
เขาแอบถอนหายใจเบาๆ อยู่ในใจ คิดว่าอีกหน่อยตนเองจะผลีผลามไม่ได้เด็ดขาด ไม่เช่นนั้นคง..
นึกถึงรอยยิ้มเย็นๆ แปลกๆ ตรงริมฝีปากนายท่าน เขาก็หนาวสั่นโดยฉับพลัน
น่ากลัวนัก…
………………………………………………….
ตอนที่ 424 จวนตระกูลเฟิ่งเปิดประตู!
เฟิ่งจิ่วที่ล้างมือกลับมาเรียบร้อยเหลือบมองหลัวอวี่แวบหนึ่ง บอกว่า “หยิบกระบอกระเบิดบนโต๊ะมา แล้วตามข้าออกไป”
“ขอรับ!” หลัวอวี่รีบขานรับด้วยความเคารพ เข้าไปหยิบข้าวของบนโต๊ะมา จากนั้นค่อยตามหลังนางออกไป
เหล่าอาจารย์ของหลัวอวี่เฝ้าอยู่ภายในเรือนเฟิ่งเซียว คอยดูแลความปลอดภัยของเขา ส่วนพวกฉีคังเฝ้าระวังอยู่ด้านหน้าจวน และยามนี้ตรงหน้าประตูใหญ่จวน มีกองกำลังสองขบวนกำลังยืนประจันหน้ากัน แถวหนึ่งขนสินสอดทองหมั้น อีกแถวหนึ่งเป็นองครักษ์ตระกูลเฟิ่งผู้กล้าหาญในชุดเกราะสีเงินเหมือนๆ กัน
ห่างออกไปประมาณร้อยเมตร คนที่มุงดูพวกนั้นมองกองกำลังสองขบวนยืนประจันหน้า แต่ละคนมีท่าทีแปลกใจ รูปแบบการสู่ขอเช่นนี้เพิ่งเคยเห็นครั้งแรก แต่สำหรับเรื่องคลุมถุงชนอะไรนั่น เดาว่าสุดท้ายก็ต้องสู้กัน ไม่รู้ว่ากองกำลังทั้งสองขบวนนี้สู้กันขึ้นมาใครจะชนะ?
แม้ในใจจะคิดเช่นนี้ แต่แทบทุกคนต่างรู้ดี แม้องครักษ์จวนตระกูลเฟิ่งจะโดดเด่น ก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอจะสู้รบกับผู้ฝึกวิชาเซียนแคว้นเหินเวหา อีกทั้งกำลังของผู้ฝึกเซียนที่รัชทายาทพามาก็ไม่ได้ด้อย ต้องรู้ไว้ว่ากำลังต่อสู้ของผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสามารถต้านทานทหารอารักขาได้ร้อยถึงพันคน ต่อให้คนจวนตระกูลเฟิ่งมากมายกว่านี้ หากไม่มีกำลังทัดเทียมก็ไม่มีทางสู้พวกเขาได้
“องค์ชายรัชทายาทมาสู่ขอด้วยตัวเอง ยังไม่รีบเปิดประตูจวนอีก!”
ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนหนึ่งก้าวออกมาตะโกนเสียงดัง เห็นเพียงแรงกดดันจากวรยุทธ์ระดับหลอมแก่นพลังกระจายออกไปราวกับลายน้ำ โจมตีไปทางเหล่าองครักษ์ที่ขวางอยู่หน้าประตูจวน พลังมหาศาลของแรงกดดันนี้มากเกินกว่าที่เหล่าองครักษ์จะต้านทานไหว แค่ตะโกนมาเช่นนี้ แต่ละคนก็รู้สึกว่าเลือดลมในอกปั่นป่วน มีกลิ่นคาวเลือดพุ่งขึ้นมาในลำค ทำท่าจะทะลักออกมา
ร่างกายยิ่งแข็งทื่อท่ามกลางเสียงตะโกนที่แฝงด้วยแรงกดดันนี้ มีความรู้สึกที่อยากขยับตัวแต่ทำไม่ได้ ความรู้สึกกดดันที่ทรงพลังนั้นทำให้ในดวงตาพวกเขาปรากฏเส้นเลือดหลายเส้น บุรุษผู้กล้าตายแต่ละคนจึงยืนตัวตรงอยู่เช่นนั้น ดวงตาดุดันจับจ้องผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนนั้น
สำหรับเรื่องนี้ นัยน์ตาผู้ฝึกตนคนนั้นฉายแววประหลาด พลังขององครักษ์พวกนี้ไม่ถึงระดับยอดปรมาจารย์นักรบ เผชิญหน้ากับแรงกดดันระดับหลอมแก่นพลัง นึกไม่ถึงว่าจะยังยืนตัวตรงอยู่เช่นนี้ได้ ไม่บอกไม่ได้เลยว่าทำให้เขาต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น แม้เป็นผู้ฝึกเซียนระดับสร้างรากฐานก็ยังไม่กล้าจ้องเขาภายใต้แรงกดดันเช่นนี้ บอกได้เพียงว่าองครักษ์ตระกูลเฟิ่งเป็นบุรุษใจแกร่งที่เด็ดเดี่ยวจริงๆ แต่ละคนมีกายเหล็ก ไม่ยอมแพ้ใครโดยง่าย มิน่ากองกำลังองครักษ์ตระกูลเฟิ่งถึงทำให้หลายแคว้นโดยรอบสะพรึงกลัวได้
พวกฉีคังเฝ้าอยู่หน้าประตู จ้องมองผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังคนนั้น กลิ่นอายแข็งแกร่งถาโถมมา ทำให้พวกเขารู้ชัดถึงพลังอันแข็งแกร่งของผู้ฝึกวิชาเซียนจากแคว้นเรืองอำนาจ พลังนั้น พวกเขาไม่อาจต้านทานได้แน่
เมื่อรู้สึกว่าพวกเขาจะทนแรงกดดันทรงพลังนี้ไม่ไหว เลือดที่พลุ่งพล่านในอกจะกระอักออกจากปาก ประตูใหญ่ด้านหลังก็ค่อยๆ เปิดออก ในเวลานี้ ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังตรงหน้าถึงจะเก็บแรงกดดันที่แผ่ออกมากลับไปในที่สุด
“นายท่าน!”
ทั้งเจ็ดคนหันกลับไปมองเจ้านายในชุดสีแดงที่เดินออกมา แม้ยังไม่ยอมรับนาย แต่พวกเขาก็เรียกว่านายท่านไปตามสัญชาตญาณแล้ว
ทว่า…
เมื่อเห็นรอยยิ้มอิ่มเอมที่เบ่งบานบนใบหน้างามเลิศ รวมถึงประกายในดวงตาคู่งามซึ่งหรี่หลงครึ่งหนึ่ง ใจพวกเขาก็เย็นวาบ ถอยไปข้างๆ โดยไม่ส่งเสียง
อาจเพราะค่อยๆ คุ้นเคยกับนางแล้ว พวกเขาจึงเข้าใจว่ายิ่งนายท่านยิ้มหวาน ยิ่งแสดงท่าทีไร้พิษสง ก็ยิ่งอันตราย…