ตอนที่ 457 เจ้าตำหนักยมราชผู้หยิ่งยโส
เวลานี้ ในที่สุดพวกเขาก็รู้ว่าทำไมแม้แต่ผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังพวกนั้นยังรับนายท่านเป็นนาย สามารถกลั่นยาอายุวัฒนะได้มากมายเพียงนี้ ระดับการกลั่นยาเซียนต้องน่ากลัวสักแค่ไหน? เกรงว่านักเล่นแร่แปรธาตุหลายคนยังเทียบนางไม่ได้เลยกระมัง!
ยามนี้พวกเขาอดคิดไม่ได้ ทั้งม้าและสุนัขตัวน้อยข้างกายนางล้วนไม่ธรรมดาเช่นนั้น คงเพราะนายท่านให้อาหารพวกมันด้วยยาอายุวัฒนะหรือยาอะไรหรือไม่? ไม่เช่นนั้นเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวกลมขาวราวหิมะจะพลันกลายร่างตัวใหญ่กว่าสิงโตได้อย่างไร? ท่าทางที่ดุร้ายนั้นโหดเหี้ยมกว่าสัตว์ร้ายชัดๆ
ยังมีเหล่าไป๋ตัวนั้นอีก ตลอดมาพวกเขาไม่เข้าใจว่ามันช่วยผู้นำตระกูลจากเงื้อมมือบรรพชนนักรบขั้นสูงสุดได้อย่างไร แต่ดูท่ายามนี้แล้ว อืม ปกติคงกินยาอายุวัฒนะหรือยาต่างๆ ที่นายท่านกลั่นไปไม่น้อยเลยกระมัง!
หลังจากโอบกอดความรู้สึกตื่นเต้นพลางรับยาอายุวัฒนะมา พวกเขาแต่ละคนถือยาอายุวัฒนะขึ้นพินิจมอง เห็นลวดลายเม็ดยาบนนั้นกลับไม่รู้ว่าเป็นยาระดับไหน แต่ได้ยินนายท่านบอกว่ารอบๆ นี้มีผู้ฝึกตนระดับหลอมแก่นพลังสี่คนคอยคุ้มกัน ดังนั้นทุกคนจึงลงนั่งขัดสมาธิ กินยาอายุวัฒนะและเริ่มฝึกบำเพ็ญ
เฟิ่งเห็นเหล่าองครักษ์ที่เริ่มฝึกบำเพ็ญหลังกินยาอายุวัฒนะ จึงสั่งเหลิ่งซวงกับเหลิ่งหวากลับจวนไปจัดการงาน ถึงอย่างไรช่วงนี้ท่านพ่อก็กำลังบรรลุขั้นวรยุทธ์ ยามนี้เหล่าองครักษ์เองก็เช่นกัน พวกเรื่องยิบย่อยภายในจวนจะไม่มีคนจัดการไม่ได้
หลายวันนี้เธอมัวแต่ปรุงกลั่นยาอายุวัฒนะอยู่ในห้วงมิติ ไม่อย่างนั้นก็เร่งทำยาออกมาให้พวกองครักษ์ใช้กันไม่ทัน อีกทั้งมู่หรงป๋อใกล้จะระงับอารมณ์ไม่อยู่ คงมีการเคลื่อนไหวภายในสองวันนี้
ขณะกำลังจะกลับไปก็เห็นร่างทั้งสามอยู่ตรงหน้าไม่ไกล เมื่อเห็นพวกเขาแววตาเธอสั่นไหวเล็กน้อย บนใบหน้างามล้ำผุดรอยยิ้มออกมา “ท่านเจ้าตำหนัก ท่านมาที่นี่ได้ยังไง?” เจ้าหมอนี่ได้ยินว่าสองสามวันนี้ไม่ออกมาเลย นึกว่าเขาจะทนอยู่แต่ในห้องได้เสียอีก! คาดไม่ถึงว่าวันนี้จะวิ่งแจ้นออกมา
เฮ้อ! อันที่จริงเธออยากพูดเหลือเกินว่าท่านอยู่ในเรือนนั้นอีกสักหลายวันเถอะ! เพราะเขามองมาด้วยสายตาเร่าร้อนเช่นนั้น เธอทนไม่ไหวแล้วจริงๆ!
กลัวจริงๆ ว่าหากวันหนึ่งเธอทนไม่ไหว จะพุ่งเข้าไปกินเขาเสีย
เจ้าตำหนักยมราชไม่รู้ความคิดนาง ยามนี้เห็นใบหน้านางประดับรอยยิ้ม ตาคิ้วโค้งมนเสียน่ารักน่าชัง ก็ลืมคำพูดที่นางบอกว่าเขาเคลิบเคลิ้มหวาบหวามอะไรนั่นไปแล้ว และเพราะเห็นนางกับรอยยิ้มนั้นหัวใจจึงลอยล่องขึ้นมา เพียงแต่แม้เป็นเช่นนี้เขาก็ยังวางท่าทีเย็นเยือกเฉยชา หลังจากชำเลืองมองนางแวบหนึ่งก็มองไปยังทิวทัศน์รอบๆ
ปริปากเอ่ยว่า “ข้าว่างไม่มีอะไรทำจึงมาเดินเล่นตรงภูเขาด้านหลังนี้”
“โอ้? ที่แท้เป็นเช่นนี้เอง! งั้นท่านเดินเล่นต่อไปเถอะ ข้าจะไม่รบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของท่าน” เธอพยักหน้าทันควัน พูดจบด้วยรอยยิ้มร่าก็เตรียมตัวจะจากไป ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินเสียงทุ้มต่ำนั้นลอยมาอย่างขุ่นเคือง
“ตอนนี้ข้ายังไม่มีอารมณ์สุนทรีย์”
เธอหดคอมองไปทางอื่นสักพัก เบาเสียงฝีเท้าลงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วเร่งความเร็วคิดจะผ่านข้างกายเขาไป เธอไม่คิดจะตัวติดกับเจ้าคนนี้ตลอดเวลา
ฮุยหลางกับอิ่งอีเห็นนางเดินย่องไปโดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เหมือนไม่คิดจะสนใจนายท่านพวกตน ทั้งสองจึงมองหน้ากัน มุมปากกระตุกเล็กน้อย ก่อนจะเห็นร่างนายท่านพุ่งไปขวางตรงหน้านาง ภูตหมอที่รั้งฝีเท้าไม่ทันจึงชนเข้าไปในอ้อมกอดเขาอย่างจัง เห็นเช่นนี้พวกเขาก็ฉีกยิ้มกว้าง ถอยออกไปอย่างรู้งาน
………………………………………………….
ตอนที่ 458 เจ้าตำหนักยมราชอารมณ์ดี
เฟิ่งจิ่วลูบๆ จมูก แล้วเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง เอ่ยถามพลางยิ้มตาหยีว่า “ท่านเจ้าตำหนักมีธุระอะไรหรือ?”
“ข้ามาตั้งหลายวันแล้ว เจ้ากลับไม่พยายามทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดี หรือว่าจะไม่หาเวลาสักวันไปเดินเล่นรอบๆ เป็นเพื่อนข้า?” เขากล่าวเสียงเข้ม แววตาลึกล้ำจ้องมองนาง หากฟังอย่างละเอียดจะได้ยินความไม่พอใจในน้ำเสียง ราวกับสามีขี้บ่นที่ถูกทิ้งให้เฝ้าห้องอันว่างเปล่าเพียงลำพัง
“เหอะๆ คือว่า…”
เห็นนางยิ้มหน้าเจื่อนๆ ดวงตาดำก็หมุนกลอกไปมา คล้ายกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นเขาจึงตัดบทคำพูดนาง ขู่บังคับอย่างชั่วร้าย “เจ้าลองกล้าหาข้ออ้างอีกทีสิ”
มุมปากเฟิ่งจิ่วกระตุกเมื่อได้ยินเช่นนี้ มองเขาแวบหนึ่งแล้วยิ้มเอ่ยด้วยดวงตาวงคิ้วโค้งมน “ท่านเจ้าตำหนัก ท่านคิดมากไปแล้ว ข้าแค่อยากบอกว่าจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าออกไปเป็นเพื่อนท่าน”
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเจ้าตำหนักยมราชถึงจะผ่อนคลายลง เหลือบมองชุดสีแดงบนร่างนางและเอ่ยว่า “อาภรณ์ชุดนี้ก็สวยดี” ความหมายของคำพูดคือข้าเห็นแล้วคิดว่าสวยมาก ไม่ต้องเปลี่ยนหรอก
“ได้ยังไง? ออกไปเดินเล่นกับท่านเจ้าตำหนักจะไม่แต่งตัวใหม่เสียหน่อยได้อย่างไร? ฮี่ๆ ท่านวางใจได้ ข้าไม่บ่ายเบี่ยงไม่ไปหรอก แค่กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อืม ใช้เวลาไม่นานมาก ท่านไปรอที่โถงด้านหน้าก่อนก็ได้”
เจ้าตำหนักขมวดคิ้ว แต่กลับไม่พูดอะไรมากอีก แค่บอกว่า “ข้าจะไปรอที่เรือนเจ้า” เพราะโดนผลักไสมาหลายครั้งเกินไป ครั้งนี้นางตอบรับว่าจะออกไปเป็นเพื่อนเขาอย่างสบายๆ ปานนี้จึงรู้สึกเหลือเชื่ออยู่บ้าง
“ได้” เฟิ่งจิ่วขานรับด้วยรอยยิ้มอิ่มเอม จากนั้นเดินกลับไปพร้อมกับเขา
เห็นทั้งสองเดินกลับไป ฮุยหลางกับอิ่งอีที่อยู่ไม่ไกลจึงมองหน้ากัน ฮุยหลางถามขึ้น “เจ้าว่าภูตหมอคิดจะทำอะไร จะออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนนายท่านจริงๆ หรือ ทำไมข้ารู้สึกว่านางกำลังคิดแผนการร้ายอะไรอีก”
“เจ้าไม่เห็นหรือนายท่านบอกว่าจะไปรอที่เรือนนาง? น่าจะไม่โดนผลักไสอีก” อิ่งอีพูดจบก็ตามสองคนด้านหน้าไป
เห็นเช่นนี้ฮุยหลางจึงตามไปด้วย ในใจกลับกำลังคิดว่าหากคนอื่นพูดเช่นนี้เขาคงไม่คิดมาก เพียงแต่เมื่อเป็นภูตหมอคนนี้…ก็พูดยากนัก
เฟิ่งจิ่วที่กลับถึงเรือนแล้วสั่งคนยกน้ำชามาให้เจ้าตำหนักยมราช ส่วนตัวเองเข้าบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ฮุยหลางกับอิ่งอีคอยอยู่ด้านหลังเจ้าตำหนัก ทั้งสองคนสังเกตเห็น เหมือนว่าตั้งแต่ภูตหมอบอกว่าจะออกไปเดินเล่นเป็นเพื่อนนายท่าน ริมฝีปากเขาก็มีรอยยิ้มที่คล้ายมีคล้ายไม่มีอยู่ตลอด เดาว่าเขาเองคงไม่รู้ว่าอารมณ์บนใบหน้าตอนนี้ทั้งอ่อนโยนและเบิกบานเพียงใด ทั้งที่กำลังยกน้ำชาขึ้นดื่ม ทว่าจิบหนึ่งครั้งก็หันมองหลายครั้ง ท่าทางที่มองไปยังประตูห้องที่ปิดสนิทนั้นทำให้สองคนด้านหลังมองท้องฟ้าอย่างหมดคำพูด
คิดว่าตอนนี้นายท่านช่างเหมือนหนุ่มน้อย ตื่นเต้นดีใจอย่างไร้ที่สิ้นสุดแล้ว
ภูตหมอเพิ่งบอกว่าจะออกไปเดินเล่นด้วยก็ตื่นเต้นเสียจนกลายเป็นเช่นนี้ หากอนาคตถึงคืนเข้าหอ เขาจะตื่นเต้นคึกคักขนาดไหน?
แค่ลองคิดดู ตอนนี้พวกเขาก็เป็นห่วงนายท่านขึ้นมาอย่างอดใจไม่อยู่
เดิมทีนึกว่าวันนั้นในห้องนายท่านจะกินภูตหมอไปแล้ว แต่เห็นท่าทางที่พวกเขาไปมาหาสู่กันสองสามวันนี้ ก็รู้ว่านายท่านยังไม่ได้ลงมือด้วยซ้ำ หากลงมือจะเป็นเช่นนี้หรือ?
เฮ้อ! มาเจอเจ้านายที่ไม่ค่อยเปิดหูเปิดตาเรื่องรักๆ ใคร่ๆ เท่าไหร่ ข้ารับใช้อย่างพวกเขากังวลใจมากจริงๆ!
เห็นเขาดื่มชาหนึ่งแก้วก็รินอีกแก้ว แล้วมองไปทางประตูอีกครา ฮุยหลางจึงกระแอมไอเบาๆ ก่อนก้าวเข้าไป…