ตอนที่ 493 ออกจากบ้านอยู่ข้างนอกอย่าดื่มเหล้า
“เหลิ่งหวา!” เธอนึกขึ้นได้ คิดๆ แล้วก็พยักหน้า “อืม ก็ได้เจ้าค่ะ เขาไม่เคยไปที่ไหนเลย ครั้งนี้จะพาเขาออกไปเล่นด้วยกันเสียหน่อย”
เธอยิ้มร่ามองเขา บอกอีกว่า “ท่านพ่อ ตอนนี้ท่านเป็นผู้ครองแคว้นแล้ว ยามนี้วังหลังยังว่างเปล่า ตอนที่รอลูกกลับมาอย่าได้หาผู้หญิงมากสีหลายสันมาให้ลูกเชียวนะเจ้าคะ!”
ได้ยินเช่นนี้เฟิ่งเซียวก็นิ่งไปพักหนึ่ง จากนั้นค่อยดุอย่างติดตลกว่า “เจ้าเด็กคนนี้ พูดเหลวไหลอะไรเนี่ย? พ่อเป็นคนเช่นนั้นหรือไร?”
“จิ๊ๆ ลูกรู้เจ้าค่ะว่าท่านพ่อไม่ใช่ แต่ไม่แน่ว่าคนเบื้องล่างพวกนั้นจะยัดเยียดผู้หญิงให้ท่าน!”
เฟิ่งเซียวทนฟังต่อไปไม่ได้ ลุกยืนขึ้นส่ายหน้าทันที “ก็ได้ๆ พูดต่อไปคงไม่ได้ความ ลูกบอกว่าสีหลิ่นกับโม่หานมาด้วยไม่ใช่หรือ พวกเขาอยู่ไหนล่ะ เราไปดูกันหน่อยเถอะ”
“อยู่ที่ศาลาตรงภูเขาจำลอง ลูกให้พวกเขาสองคนรอที่นั่น” เธอยิ้มหยีตาแล้วดึงแขนเขาเดินออกไป ในใจกำลังคิดว่าทีหลังต้องกำชับพวกหลัวอวี่สักหน่อย ว่าอย่าให้ใครสบโอกาสนี้มายัดเยียดผู้หญิงไว้ข้างกายท่านพ่อ เพราะเธอคิดจะไปตามหาท่านแม่กลับมา!
พ่อลูกสองคนมาถึงตรงศาลา เจ้าตำหนักยมราชกับกวนสีหลิ่นที่นั่งพูดคุยกันจึงลุกยืนขึ้นกล่าวทักทายกับเฟิ่งเซียว และนั่งลงพร้อมๆ กันภายใต้สัญญาณจากเขา
“พ่อบุญธรรม ข้าคิดจะเข้าร่วมกลุ่มทหารรับจ้างออกไปท่องยุทธภพสักระยะ พรุ่งนี้ก็จะออกเดินทางแล้ว วันนี้จึงเข้ามาบอกพวกท่านขอรับ” กวนสีหลิ่นพูดก่อน
“ไปพรุ่งนี้? เร็วถึงเพียงนั้นเชียว?” เฟิ่งเซียวแปลกใจเล็กน้อย ถามว่า “เรื่องภายในจวนเจ้าจัดการเรียบร้อยแล้วหรือ จะออกเดินทางไกล สัมภาระเตรียมไว้เพียงพอหรือไม่?”
“ขอรับ เรื่องภายในจวนข้าจัดการแล้ว ในบ้านไม่มีใคร สั่งพ่อบ้านคอยเฝ้ายามไว้ก็พอ หนำซ้ำยังใกล้กับจวนตระกูลเฟิ่ง ปกติจึงไม่มีเรื่องอะไร สัมภาระสำหรับเดินทางก็เตรียมไว้เพียงพอขอรับ”
เฟิ่งเซียวพยักหน้า กำชับว่า “อืม เช่นนั้นก็ดี ออกไปข้างนอกต้องระวังความปลอดภัย ทุกเรื่องล้วนต้องระมัดระวัง หากมีเรื่องอะไรก็ให้คนส่งข่าวกลับมา”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กวนสีหลิ่นก็ฉีกยิ้มกว้าง “ขอรับ”
“ท่านอาเฟิ่ง สามวันให้หลังข้ากับเฟิ่งจิ่วจะออกไปด้วยกัน วันนี้จึงเข้ามากล่าวลาโดยเฉพาะ” หลิงโม่หานปริปากบอก ต่อหน้าเฟิ่งเซียวเขาไม่เคยวางท่าเช่นเจ้าตำหนักยมราช ทำตัวเป็นผู้น้อยมาโดยตลอด
“เสี่ยวจิ่วเพิ่งบอกข้า พวกเจ้าก็ด้วย ออกไปอยู่ข้างนอกจำต้องระมัดระวังอย่าได้ประมาท” เฟิ่งเซียวมองเขา เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “มีเจ้าคอยชี้แนะอยู่ข้างกายเสี่ยวจิ่ว ข้าถึงวางใจมาก”
“ท่านพ่อ ข้าอยู่ข้างนอกคนเดียวท่านก็ควรสบายใจ ท่านเคยเห็นครั้งไหนข้าถูกคนรังแกด้วยหรือเจ้าคะ?”
เฟิ่งจิ่วพูดจบก็ยกชาบนโต๊ะขึ้นดื่ม หยิบขนมชิ้นหนึ่งมากิน พลางกล่าวอย่างไม่แยแส “ตลอดมาล้วนเป็นข้าที่รังแกคนอื่น คนอื่นจะรังแกข้า หึๆ ยาก”
“วันนั้นข้าได้ยินว่าเจ้าเมาเหล้าอยู่ในจวน เจ้าเป็นเด็กสาวมีสกุล จำไว้ว่าออกไปข้างนอกต้องห้ามดื่มเหล้า เมาเหล้าในบ้านไม่เป็นไร แต่ไปเมาอยู่ข้างนอก ไม่แน่ว่าอาจจะเกิดเรื่องอะไร” เฟิ่งเซียวเพิ่งพูดจบก็เห็นลูกสาวที่กำลังกินขนมอบข้างๆ คล้ายจะสำลัก ใบหน้างามเปลี่ยนเป็นสีแดงจัด
“แค่กๆ! แค่ก…”
เฟิ่งจิ่วไอสองสามครั้ง รีบร้อนยกน้ำชาดื่มถึงจะดีขึ้นบ้าง ยังไม่ทันโล่งอกก็ได้ยินเสียงท่านพ่อลอยมา
“เจ้าดูสิ กินขนมอบยังสำลักได้ หากเจ้าชอบ ถึงเวลานั้นก็เอาติดไปเป็นขนมไว้กินระหว่างทาง”
………………………………………………….
ตอนที่ 494 จัดการ
ได้ยินเฟิ่งจิ่วถูกสั่งสอน อีกทั้งเห็นท่าทางที่นางกินขนมอบจนสำลัก หลิงโม่หานหลับตาลงยกถ้วยขึ้นจิบน้ำชา ใช้ถ้วยชาปิดบังมุมปากที่มีรอยยิ้ม
กวนสีหลิ่นข้างๆ ก็รินน้ำชาให้เฟิ่งจิ่วพลางกล่าว “รีบดื่มน้ำชาเยอะๆ เจ้านี่จริงๆ เลย ทำไมกินขนมอบยังสำลักได้?”
เฟิ่งจิ่วทำหน้ากระอักกระอ่วน หน้าแดงก่ำเล็กน้อย ถลึงมองคนคนนั้นที่ทำทีเสแสร้ง แล้วบอกทั้งสองคนว่า “ข้าไม่เป็นไร แค่สำลักโดยไม่ระวังเอง”
จากนั้นค่อยกล่าวอีก “ท่านพ่อ ข้ารู้แล้ว อยู่ข้างนอกจะไม่ดื่มเหล้าเมาเจ้าค่ะ” มิเช่นนั้นใครบางคนคงมอมเหล้าเธอด้วยเจตนามิดีมิร้าย ไหนเลยจะเมาเหล้าได้? คอเธอแข็งดีนักหรือ?
“ท่านพ่อ สองวันนี้ข้าจะพักในวังนะเจ้าคะ”
“ให้ย้ายเข้ามาตั้งนานลูกก็ไม่ย้าย ดูพ่อตอนนี้สิ ทั้งวันยังไม่เห็นเงาลูกเลย” เฟิ่งเซียวส่ายๆ หน้า “ในเมื่อจะออกเดินทาง กลับไปอย่าลืมสั่งเหลิ่งซวงเตรียมสัมภาระให้เพียงพอ”
“เจ้าค่ะๆ ลูกรู้แล้ว ลูกจะลองไปดูก่อนว่าพวกหลัวอวี่อยู่ไหน จะได้กำชับเรื่องบ้างอย่าง” เธอลุกยืนขึ้น บอกกวนสีหลิ่นว่า “พี่สีหลิ่น พรุ่งนี้ข้าจะไปส่งท่าน”
“ไม่ต้องหรอก เจ้าทำธุระของเจ้าไปเถอะ พรุ่งนี้ไม่ต้องไปส่งข้า” กวนสีหลิ่นพูดพลางโบกๆ มือและลุกขึ้น “ข้าก็อยู่นานไม่ได้ ขอตัวกลับจวนก่อนนะขอรับ” พูดจบก็บอกลาพวกเขา จากนั้นเดินออกไปก่อน
“โม่หาน พวกเราเดินหมากกันสักหน่อยเป็นอย่างไร?” เฟิ่งเซียวถามพลางมองเจ้าตำหนักยมราชฝั่งตรงข้าม
ในเมื่อเฟิ่งเซียวเอ่ยปาก เขาจะไม่ปฏิเสธแน่นอน ด้วยเหตุนี้ทั้งสองจึงสั่งคนนำกระดานหมากมาวาง และเริ่มเล่นหมากรุกกันในศาลาแห่งนี้
ส่วนอีกด้าน เฟิ่งจิ่วออกไปก่อนก้าวหนึ่ง หลังจากเดินไปหนึ่งช่วงถนนก็ตบๆ หน้าอกถอนหายใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “เราไม่ได้ทำเรื่องไม่ดีอะไรเสียหน่อย ทำไมต้องตกใจโดยใช่เหตุถึงขนาดนี้ด้วย?”
เหลิ่งซวงที่ตามมาด้านหลังได้ยินเข้า ใบหน้าเผยรอยยิ้มน้อยๆ ที่ไม่อาจสังเกตเห็น “พวกฮุยหลางบอกว่านายท่านเป็นตัวซวยของเจ้าตำหนักยมราช ข้ากลับเห็นว่าเจ้าตำหนักต่างหากเป็นตัวซวยของนายท่าน”
ได้ยินเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วหันกลับมา พูดพลางยิ้มหยีตา “เหลิ่งซวง ที่เจ้าพูดมาก็ถูก เจ้าหมอนั่นเป็นตัวซวยของข้า ปกติเจอเขาทีไรไม่เคยมีเรื่องดี”
เหลิ่งซวงไม่ตอบรับอะไร ทำแค่ตามไปเงียบๆ
หลังจากเสียงเฟิ่งจิ่วชะงักไป ยังบอกอีกว่า “จริงด้วย ออกไปครั้งนี้ข้าว่าจะพาเหลิ่งหวาไปด้วย เมื่อครู่ข้าไม่เห็นเขาเลย เจ้าลองไปดูสิว่าเขาอยู่ไหน บอกเขาทีว่าถึงเวลาค่อยไปด้วยกันกับพวกเรา”
เมื่อได้ยิน เหลิ่งซวงดวงตาเป็นประกาย ใบหน้ามีความยินดีเอ่อล้นออกมาโดยพลัน “ขอบคุณนายท่านมากเจ้าค่ะ” ขอบคุณที่ให้โอกาสน้องชายนางได้ออกไปเปิดหูเปิดตา
“มีอะไรต้องขอบคุณ? ไปเถอะๆ! ข้าเองจะแวบไปดูพวกหลัวอวี่เสียหน่อย จะได้กำชับเรื่องที่ต้องจับตาให้มากๆ” เธอโบกๆ มือ ให้สัญญาณนางออกไปหาเหลิ่งหวาก่อน
“เจ้าค่ะ” เหลิ่งซวงขานรับอย่างซาบซึ้ง แล้วถึงจะไปหาน้องชายเพื่อบอกข่าวดีกับเขา
เมื่อเฟิ่งจิ่วหาพวกหลัวอวี่พบ พวกเขากำลังประลองยุทธ์กับองครักษ์อยู่ในลานฝึกยุทธ์ เห็นเช่นนี้เธอจึงเรียกพวกเขามาข้างๆ เพื่อบอกธุระ
ทว่าเพิ่งพูดออกไปไม่ทันไร ก็ได้ยินหลัวอวี่ส่งเสียงอุทานอย่างตกตะลึง “หา? นายท่านจะออกไปอีกแล้ว? ซ้ำยังไม่พาพวกเราไปด้วย? นายท่าน แม้ท่านไม่พาพวกเราแปดคนไป อย่างไรก็พาข้าไปด้วยเถอะ! ข้าตามไปคุ้มกันท่านได้นะขอรับ!”
ได้ฟังเช่นนี้ เฟิ่งจิ่วก็มองเขาอย่างไม่ปิดบังความรังเกียจแม้แต่น้อย “แค่เจ้า?”