ตอนที่ 115 พ่ายแพ้ทุกกระบวนท่า!
นายท่านเคอสะอึกไป มองเขาอย่างโกรธเกรี้ยว “เรื่องนาง ผู้ใหญ่สองฝ่ายเป็นคนจัดการให้ มีเหตุผลเชื่อถือได้ ไหนเลยต้องพูดจาน่าเหลืออดเช่นนั้นเล่า!”
“น่าเหลืออดหรือไม่ ทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ!” กวนสีหลิ่นแค่นเสียงเย็น ไม่สนใจพวกเขาอีก แต่มองไปยังกวนสีหร่วนที่อยู่ตรงข้าม ก่อนจะแสดงความคารวะ
“ขอท่านพี่โปรดชี้แนะ!”
ตรงข้างๆ ด้านล่างเวที เฟิ่งจิ่วยืนอยู่ไม่ไกล พลางมองเหตุการณ์นั้นบนเวที กลับเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินเข้ามา
“คุณหนู ด้านนั้นยังมีทีว่าง นั่งชมด้วยกันไม่ดีกว่ารึ?” บุรุษชุดประดับดิ้นเงินดิ้นทองมายังเบื้องหน้าเฟิ่งจิ่ว ขวางสายตาไว้ กลับยังแสดงท่าทางเชื้อเชิญ
เฟิ่งจิ่วขมวดคิ้ว สายตาจับจ้องบนร่างคนตรงหน้า “ไม่จำเป็นหรอก” ฝีเท้าเคลื่อนไปทางซ้าย แล้วสายตาก็มองยังด้านบนเวทีอีกครั้ง
พวกผู้นำตระกูลด้านนั้นต่างกำลังสนใจการเคลื่อนไหวบนเวที แต่เหล่าชายหนุ่มอ่อนวัยแถวหลัง กลับมองสังเกตมาด้านนี้อยู่เป็นครั้งคราว เห็นคุณหนูไม่แม้แต่จะสนใจบุรุษผู้นั้น แต่ละคนจึงส่งเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้
แม้สาวน้อยจะงดงาม แต่สุดท้ายก็อยู่ในบ้านผู้อื่น พวกเขาจึงไม่อาจออกหน้าพูดเกี้ยวตีสนิท อีกอย่าง ท่านพ่อพวกเขาอยู่ที่นี่ด้วย ทุกการเคลื่อนไหวล้วนต้องหักห้ามใจ ไม่อาจล้ำเส้น
“คุณ…”
บุรุษเพิ่งเอ่ยคำพูด ฝีเท้าคิดเคลื่อนขยับตาม ก็เห็นเงาร่างสีดำเดินเข้ามา ยื่นมือขวางไว้เบื้องหน้า แล้วเอ่ยปากกล่าวเตือน “ออกไปห่างๆ คุณหนูข้านะ!”
ชายผู้นั้นขมวดคิ้ว กำลังจะปริปาก ได้ยินเสียงร้องลั่นลอยมาจากบนเวที จึงหันกลับไปมองอย่างอดไม่ได้ พอเห็นก็ตกตะลึงน้อยๆ
สองคนบนเวทีเริ่มสู้กันขึ้นมา ก็คือกวนสีหลิ่นกับกวนสีหร่วน แต่ว่า ท่วงท่าบนตัวกวนสีหลิ่นไยจึงแข็งแกร่งเช่นนั้น? แม้แต่พวกเขาที่อยู่ล่างเวทีนี้ยังรู้สึกถึงกลิ่นอายน่าดึงดูดบนร่างได้
ไม่น่าแปลก ที่กวนสีหร่วนผู้นั้นจะถูกชกเข้าดวงตาเสียจนถอยกลับไปร้องโอดครวญด้วยความอับอาย ก่อนจะมองไปยังท่านพ่อและเหล่าท่านผู้นำตระกูลแถวหน้า เป็นไปตามคาด เห็นบนใบหน้าพวกเขาแต่ละคนต่างมีความประหลาดใจที่ยากจะเก็บซ่อน
“ปังๆๆ!”
ขณะที่กวนสีหร่วนกุมดวงตาส่งเสียงคร่ำครวญถอยหลังไป กวนสีหลิ่นกลับไม่หยุดโจมตี แต่สาวก้าวยาวเข้า ย่อช่วงล่างลงเล็กน้อย แล้วชกออกไปพร้อมกันรวดเดียวสามหมัด กำปั้นที่แฝงกลิ่นอายพลังเร้นลับชกเข้าบริเวณท้องอย่างรุนแรง ทำให้เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะสวนกลับ ถึงกับมีเลือดไหลออกมุมปากเพราะเหตุนี้
สีหน้าผู้นำตระกูลกวนล่างเวทีหมองหม่นเคร่งขรึม แววตาเฉียบแหลมจ้องมองกวนสีหลิ่นบนเวทีที่ย่างก้าวมั่นคงและออกหมัดอย่างมีพลังซ่อนเร้น น่าแปลกอยู่บ้างที่เขาสามารถพัฒนาพละกำลังได้อย่างรวดเร็วภายในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่เดือน
หนำซ้ำ กลิ่นอายพลังเร้นลับบนร่างที่ปะทุออกมาระหว่างการต่อสู้ กลิ่นอายเช่นนั้น ชัดเจนว่าเป็นระดับนักรบขั้นสมบูรณ์!
หรือว่า หลายเดือนนี้ที่เขาอยู่ด้านนอก จะไปพบโชคอะไรเข้า? มิเช่นนั้น กำลังจะก้าวหน้ารวดเร็วเพียงนี้ได้เช่นไร?
เห็นลูกชายบนเวทีถอยหลังไปทีละก้าวๆ การโจมตีทุกกระบวนท่า ทำให้กระอักเลือดออกมา มือที่วางบนตักแอบๆ กำแน่น ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป สีหร่วนต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย!
“ซี๊ด! ไยพี่สีหลิ่นถึงร้ายกาจขึ้นเช่นนี้เล่า? เดิมทีเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้พี่สีหร่วน หายไปไม่กี่เดือน พอกลับมาพละกำลังก็ก้าวหน้ามากขึ้นถึงเพียงนั้นได้เช่นไร?”
“จริงด้วย! ครั้งล่าสุดเมื่อปีก่อนๆ เขายังถูกพี่สีหร่วนซ้อมเสียจนต้องนอนบนเตียงไปสามวันเลยนะ!”
เด็กๆ ตระกูลกวนล่างเวทีกำลังพูดคุยกันเสียงเบา มองกวนสีหลิ่นบนเวทีด้วยนัยน์ตามีความประหลาดใจ และน้ำเสียงที่ใช้พูดคุยก็พลันเงียบลงเพราะภาพต่อจากนั้น
“กวนสีหลิ่น!”
กวนสีหร่วนที่ถูกซ้อมเสียจนดั้งช้ำหน้าบวมแผดเสียงอย่างขุ่นเคือง ความรู้สึกขายหน้าที่พ่ายแพ้ทุกกระบวนท่าทำให้เขาเสียสติ จึงตวัดดาบยาวที่ไม่รู้ว่าดึงออกมาจากตรงไหน โจมตีไปทางกวนสีหลิ่นพร้อมไอสังหาร
………………………
ตอนที่ 116 ย้ายร่างสลับเงา!
เมื่อฝูงชนล่างเวทีเห็นภาพเช่นนี้ ท่าทางก็แตกต่างไป
ว่ากันตามปกติ การประลองของตระกูลคือการประชันกันด้วยพลังเร้นลับกับศิลปะการต่อสู้ ด้วยเหตุนี้ จึงไม่ค่อยใช้มีดและกระบี่บ่อยนัก คล้ายว่ากวนสีหร่วนสู้ด้วยมือเปล่าไม่ได้ จึงดึงอาวุธออกมา เมื่อมีอาวุธเช่นนี้ ท่าทีก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
หนำซ้ำ เพราะเขาหยิบอาวุธออกมา ต่อให้ชนะก็ไม่น่ายกย่องเท่าไหร่นัก ยิ่งไปกว่านั้น ในสายตาพวกเขา ด้วยพละกำลังกวนสีหร่วนแทบจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกวนสีหลิ่นด้วยซ้ำ
ในฐานะผู้นำตระกูล หากไม่มีแม้แต่วิจารณญาณที่จะตัดสินเรื่องแค่นี้ พวกเขาคงครองตำแหน่งผู้นำตระกูลได้ไม่มั่นคงนัก
เห็นลูกชายตัวเองดึงกระบี่ออกมา สีหน้าผู้นำตระกูลกวนด้านล่างก็ดูไม่ได้อย่างยิ่ง กลับไม่เอ่ยปากห้ามปราม แต่ปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไป
วันนี้เป็นการคัดเลือกนายน้อย ลูกชายเขาจะต้องชนะ!
ส่วนกวนสีหลิ่น เมื่อเห็นกวนสีหร่วนหยิบกระบี่ขึ้นมา ท่าทางไม่ไหวติง สองมือกำหมัดแน่น บริเวณข้อต่อนิ้วมือส่งเสียงดังกรอบแกรบ ทันในนั้นทั่วร่างก็มีกลิ่นอายพลังเร้นลับที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าพรั่งพรูออกมา
“ซี๊ด! ช่างเป็นกลิ่นอายพลังเร้นลับที่เหลือล้นนัก!”
เหล่าผู้นำตระกูลด้านล่างต่างอุทานเพราะเห็นกลิ่นอายพลังเร้นลับที่พรั่งพรูบนร่างเขา มีหนึ่งถึงสองคนถึงกับลุกยืนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ในดวงตามีความตะลึงพรึงเพริด
ด้วยอายุอย่างกวนสีหลิ่น สามารถมีกลิ่นอายพลังเร้นลับที่เกือบจะเทียบเท่าพวกเขาได้ นี่หมายความเช่นไร? ถึงไม่ต้องพูดก็เห็นชัดเจน
เด็กคนนี้ ช่างมีความทะเยอทะยานเสียจริง!
นายท่านเคอก็เป็นคนที่มีวิจารณญาณ เวลานี้เมื่อเห็นกลิ่นอายที่พวยพุ่งและท่วงท่าน่าดึงดูดที่แผ่ซ่านออกมาบนร่างกวนสีหลิ่น ทั้งร่างก็ขวัญกระเจิง พึมพำเสียงเบาอย่างอดไม่ได้ “มองผิดเสียแล้ว… มองผิดไปแล้วจริงๆ…”
ตอนนี้เคอซินหย่ามองกวนสีหลิ่นบนเวทีด้วยความตกใจ ร่างกายสั่นเทิ้มเล็กน้อย และไม่กล้าเชื่อภาพที่เห็นตรงหน้าอยู่บ้าง
เขาแข็งแกร่งขนาดนั้นได้เช่นไร? ไยจึงมีกำลังมากขึ้นถึงเพียงนั้น?
ที่ข้างๆ ด้านล่างเวที เมื่อผู้เฒ่ากวนที่ตามเข้ามาเห็นกวนสีหลิ่นบนเวทีกล้าหาญองอาจท่าทางเยือกเย็น เหมือนจะนึกถึงลูกชายที่เก่งกาจที่สุดผู้นั้นขึ้นมา สองดวงตาชราภาพตื่นตะลึงเป็นที่สุด จึงมองเรือนร่างกำยำน่าดึงดูดบนเวทีนั้น ด้วยความสับสันอย่างมากในชั่วขณะหนึ่ง
และในเวลานี้เอง ร่างกวนสีหลิ่นก็โจมตีออกไปทันที ความรวดเร็วนั้น สร้างภาพลวงตาออกมาหลายเงาร่างอยู่บนเวที
ร่างเขาพลันพุ่งไปด้านหน้า ระหว่างที่โน้มตัวออกไป มือหนึ่งก็คว้าข้อมือกวนสีหร่วนที่ถือกระบี่ไว้ ออกแรงหักลง ขณะที่เสียงกร๊อบดังขึ้น ได้ยินเพียงเสียงกรีดร้องดังลอยตามมา
“ซี๊ดอ๊าก!”
“แกร๊ง!”
กระบี่ในมือกวนสีหร่วนร่วงหล่นลงบนเวที ส่งเสียงดังก้องกังวาน
ผู้คนด้านล่างก็ลุกยืนขึ้นมาอย่างตะลึงงัน มองกวนสีหลิ่นด้านบน ในดวงตามีความเหลือเชื่อเป็นที่สุด
“ย้ายร่างสลับเงา!”
“เขาได้ฝึกฝนวิชาย้ายร่างสลับเงาแล้วรึ!”
ในใจเหล่าผู้นำตระกูลทั้งตะลึงและประหลาดใจ ไม่มีใครสนใจที่เขาบิดหักข้อมือกวนสีหร่วน ที่สนใจก็คือ กระบวนท่าย้ายร่างสลับเงาที่เขาได้ฝึกฝนมาอย่างคาดไม่ถึง! ท่วงท่าเช่นนั้น แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่อาจได้ฝึกฝน ทว่าเขา…
เด็กหนุ่มอ่อนวัยอายุราวยี่สิบห้ากลับฝึนฝนออกมาได้!
ชั่วขณะนั้น สายตาเหล่าผู้นำตระกูลที่มองเขาก็ร้อนแรงขึ้นอย่างมาก ราวกับฝูงผีเฒ่าบ้ากามที่มองเห็นสาวงามกำลังเปลือยกาย อดรนทนรอไม่ไหวที่จะรีบเร่งดึงเอาพลังและวิชาเหล่านั้นจากเขามาเป็นของตน
เวลานี้ แม้แต่ในดวงตาผู้เฒ่ากวนก็มีประกายแห่งความเร่าร้อนปะทุอยู่ ร่างกายสั่นเทาน้อยๆ เพราะความดีอกดีใจ ไม้เท้าในมือออกแรงค้ำไปบนพื้น หัวเราะร่าอย่างตื่นเต้น
“ฮะๆๆๆ! ดีๆๆ! หลานชายตระกูลกวนมีอนาคต! หลานชายตระกูลกวนข้าช่างมีอนาคตยิ่งนัก!”
………………………………