ตอนที่ 135 ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งทุกข์ใจ!
“ทำร้ายนางน้อยลงรึ? ที่เจ้าขอถอนหมั้นก็ทำนางชอกช้ำใจแล้ว รู้บ้างหรือไม่?”
เฟิ่งเซียวมองเขาอย่างขุ่นเคือง ลุกยืนขึ้นมากล่าวว่าหาความ “พวกเจ้าสองคนถือเป็นเพื่อนเล่นวัยเด็กที่เติบโตมา มีใจให้กันตั้งแต่เล็ก เดิมทีข้านึกว่าพวกเจ้าแต่งงานกันในปีนี้ แต่นึกไม่ถึงว่าตอนนี้เจ้าจะเอ่ยปากขอถอนหมั้น เจ้าคิดว่านี่จะทำให้ชิงเกอผิดหวังหรือไม่เล่า?”
เฟิ่งจิ่วบนหลังคามองไปยังเฟิ่งเซียวที่โกรธจัด นี่คือท่านพ่อของเธอ พ่อที่รักลูกสาวเท่าชีวิต แต่เพราะการเอาใจที่มากเกิน ถึงไม่เคลือบแคลงว่าลูกสาวตัวเองมีบางอย่างเปลี่ยนไป ในสายตาเขา ไม่ว่าลูกสาวจะทำอะไรยังไง ล้วนก็ดีที่สุด
สำหรับเขา เธอพูดไม่ออกจริงๆ ว่ารู้สึกเช่นไร ผิดหวังรึ? ก็ไม่ใช่ อันที่จริง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอถูกสับเปลี่ยนตัว ไม่ใช่หรือ? ไม่ว่าจะพูดจากด้านไหนๆ เขาล้วนเป็นพ่อที่ดี และยังเป็นพ่อที่แสนรักใคร่ลูกสาว
พอมองเขาอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง ก็เบนสายตาไปจับจ้องบนร่างมู่หรงอี้เซวียน นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาขอถอนหมั้น แต่ว่า ตอนนี้เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเธอ ต้องมองหาว่าท่านปู่ถูกขังไว้ที่ไหนเสียก่อน
เธอขยับกระเบื้องกลับที่เดิมด้วยความระมัดระวัง ดึงพลังขึ้นกระโดด จากลาอย่างเงียบเชียบ และมุ่งไปยังเรือนด้านหลัง…
อาศัยความทรงจำในหัว นางคุ้นเคยกับจวนตระกูลเฟิ่งเช่นเดิม จึงมาถึงเรือนท่านปู่อย่างง่ายดาย ในสายตานาง แม้ท่านผู้เฒ่าจะถูกวินิจฉัยว่าจิตวิปลาสเสียจนโดนจับขังไว้ ก็น่าจะถูกขังในเรือนตัวเอง สุดท้ายแล้ว ด้วยความกตัญญูที่ท่านพ่อมีต่อท่านปู่ จึงไม่น่าจะรุนแรงกับเขานัก
“ปล่อยข้าออกไป! ปล่อยข้าออกไปนะ! ข้าจะฆ่าเจ้าซะ! เจ้าผู้หญิงต่ำทราม! นังหญิงเดนนรก!”
ยังไม่ทันเข้าใกล้ ก็ได้ยินเสียงร้องโวยวายของท่านผู้เฒ่าลอยมาจากด้านในห้อง ไม่นานนัก ซูรั่วอวิ๋นในชุดกระโปรงสีฟ้าน้ำทะเลก็เดินออกมา ขณะที่ประตูห้องปิดลง ยังเอ่ยกับองครักษ์ที่เฝ้าประตูอย่างเสแสร้งว่า “สุขภาพท่านปู่ไม่ค่อยดี พวกเจาจำต้องดูแลอย่างระมัดระวังล่ะ”
“คุณหนูวางใจเถอะ ข้าน้อยจะดูแลท่านผู้เฒ่าอย่างดีขอรับ” องครักษ์สองนายเอ่ยเสียงเข้ม
“อืม พรุ่งนี้ข้าจะมาอีกนะ” นางพยักหน้า ก่อนจะเคลื่อนก้าวย่างจากไปเบาๆ
เห็นเธอจากไป สององครักษ์เห็นรอบๆ ไม่มีคน จึงพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “เจ้าว่าทำไมท่านผู้เฒ่าถึงเอาแต่ด่าทอคุณหนู? ซ้ำยังบอกว่านางเป็นตัวปลอมอีก?”
“ไหนบอกว่าเชิญหมอหลายท่านมา สุดท้ายผลวินิจฉัยก็เหมือนๆ กันไม่ใช่หรือ? ต่างพูดว่าท่านผู้เฒ่ามีอาการคลุ้มคลั่ง เจ้าว่า หากไม่เป็นเช่นนี้ อยู่ดีๆ จะหยิบกระบี่มาฆ่าคุณหนูได้อย่างไรเล่า?”
องครักษ์ผู้นั้นเกาหัว เอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “แต่นี่มันแปลกมากนะ! เห็นชัดๆ ว่าก่อนหน้านี้ท่านผู้เฒ่ายังดีๆ อยู่เลย จู่ๆ กลายเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน? ข้ามักจะรู้สึกแปลกใจนิดหน่อย แต่พูดไม่ออกว่าแปลกตรงไหน”
“อย่าสนใจมากนักเลย เฝ้าท่านผู้เฒ่าดีๆ อย่าให้เกิดเรื่องก็พอ อื้ม!”
เพิ่งจะสิ้นสุดน้ำเสียงองครักษ์ตระกูลเฟิ่ง ทั้งสองก็ส่งเสียงอู้อี้ในลำคอ ร่างกายสลบล้มลงไปบนพื้น
เฟิ่งจิ่วในชุดดำโดดลงมาในเรือน หลังจากมองไปยังบริเวณรอบๆ ก็ผลักเปิดประตูเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว
ทว่า เมื่อเธอเห็นท่านผู้เฒ่าด้านใน รอบตากลับแดงก่ำน้อยๆ อย่างอดไม่ได้ เร่งฝีเท้าวิ่งเข้าไป เรียกเสียงสะอึกสะอื้น “ท่านปู่!”
ท่านผู้เฒ่าถูกขังอยู่ในห้องจริงๆ แต่ที่นางนึกไม่ถึงคือการที่เขาถูกสยายผมล่ามตรึงไว้บนเตียง มือเท้าถูกล่ามด้วยโซ่ตรวนเหล็กสีดำ สองตาปรากฏเส้นเลือดอย่างผิดปกติ ใต้เปลือกตามีรอยช้ำดำเขียวอยู่จางๆ หายไปแค่ไม่กี่วัน ทั้งตัวกลับผอมลงไปเยอะเลย
………………………………
ตอนที่ 136 ถูกพบตัว!
“ฆ่าเจ้าซะ! ฆ่าเจ้าซะ! อ๊าก! ปล่อยข้าออกไป! ปล่อยข้าออกไป!”
ท่านผู้เฒ่าเฟิ่งร้องโวยวายบ้าคลั่งอย่างเสียสติโดยสิ้นเชิง พลังเร้นลับทั่วร่างกำลังพลุ่งพล่าน ทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้ข้างกายเขาเกินไปนัก
“ท่านปู่ เป็นข้า นี่ข้าเอง! ข้าแม่หนูเฟิ่งไง”
เห็นชายแก่ต้องมารับเคราะห์เช่นนี้เพราะเธอ น้ำตาก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว หัวใจคับแน่นเจ็บปวด เวลานี้ล่ะอยากจะยกซูรั่วอวิ๋นขึ้นแขวนแล้วเฉือนเนื้อรีดเลือดเสียจริง! เพื่อระบายซึ่งความเกลียดชังในใจ
“ฆ่าเจ้าซะ! อ๊าก!”
เห็นเขาสิ้นเสียสติโดยสมบูรณ์ เธอจึงทำได้เพียงอดกลั้นความเจ็บปวดในใจ ดึงเข็มเงินออกมาปล่อยกลิ่นอายพลังเร้นลับเข้าทิ่มไปที่เขา
“ฆ่า…”
น้ำเสียงท่านผู้เฒ่าเฟิ่งอ่อนลง ทั้งร่างเป็นลมตามไป พร้อมกลิ่นอายพลังเร้นลับบนร่างก็เหือดหาย
เธอเร่งฝีเท้าเดินออกหน้ามาจับชีพจรเขาถึงข้างเตียง พอตรวจไปก็หม่นใจเล็กน้อย ก่อนจะหยิบเหล็กเส้นหนึ่งออกจากห้วงมิติมาสะเดาะล็อคตรงมือและเท้า หลังจากกดจุดเส้นประสาทที่ทำให้เขาสลบไว้ ก็ส่งตัวเข้าห้วงมิติ ถึงจะออกไปด้วยความรวดเร็ว กลับไม่นึกว่า เมื่อออกประตูไป จะพบกับคนรับใช้ที่กำลังเดินเข้ามาในเรือนพอดี
“ใครน่ะ!”
คนรับใช้ตะโกนลั่น เห็นสององครักษ์ล้มอยู่บนพื้นไม่รู้เป็นหรือตาย คนชุดดำนั่นเข้าไปในห้องท่านผู้เฒ่า ด้วยความตกใจ จึงแผดลั่นเสียงออกไปทันที “มานี่สิ! มาเร็วๆ เข้า! มีคนร้าย!”
ขณะสิ้นสุดน้ำเสียง ก็เดินก้าวไปด้านหน้า ทั้งตัวคนกระโจนออกไป อยากจะจับกุมตัวคนชุดดำนั่นไว้
บ้าจริง!
เฟิ่งจิ่วแอบสบถอยู่ในใจ ไม่นึกว่าเวลานี้จะมีคนเข้ามา ตอนนี้เห็นคนรับใช้กระโจนมาหา จึงเรียกพลังกระโดดขึ้นทันที ขาอาศัยแรงเหยียบไปบนไหล่คนรับใช้นิดหนึ่ง แล้วพุ่งไปบนหลังคา เมื่อเตรียมตัวจะออกจากจวนอย่างรวดเร็ว กลับไม่คิดว่าเสียงร้องอุทานของคนรับใช้จะทำให้ผู้คนในจวนแตกตื่น โดยเฉพาะเฟิ่งเซียวกับมู่หรงอี้เซวียนในห้องโถงเรือนด้านหน้า
“เจ้าหัวขโมยจะหนีไปไหน!”
น้ำเสียงที่ทั้งทุ้มเข้มและแฝงไปด้วยพลังเร้นลับคละคลุ้งดังลอยมาราวกับเสือคำราม กลิ่นอายพลังเร้นลับอันแกร่งกล้าสั่นสะเทือนเป็นกระแสลมกลางอากาศที่สั่นไหวอยู่น้อยๆ
เฟิ่งจิ่วหันกลับไปมอง เห็นท่านพ่อเรียกพลังลอยถลาเข้ามา หมัดพยัคฆ์โจมตีมาพร้อมทั้งพลังมืดอันแข็งแกร่ง ใบมีดลมที่เกิดขึ้นจากความแรงหมัดตวัดผ่านกลางอากาศ ส่งเสียงดังฟิ้วออกมา
ตามปกติเธอไม่อาจลงมือกับเขาได้ ไม่ต้องพูดถึงว่าจะสู้ได้หรือไม่ แค่ทำเขาบาดเจ็บโดยไม่ระวังก็ไม่ดีแล้วล่ะ!
ตอนนี้ เธอหมุนกลับตัว ระหว่างหมุนก็หลบหมัดที่โจมตีมารุนแรงอย่างรวดเร็ว ไม่ประมือกับเขาซึ่งๆ หน้า แต่เลือกที่จะเร่งรีบถอยห่างแล้วเรียกพลังกระโดดออกไปนอกจวน
“จับหัวขโมยนั่นไว้!”
เฟิ่งเซียวแผดเสียงลั่น เห็นมู่หรงอี้เซวียนขวางอยู่เบื้องหน้าคนชุดดำ จึงรีบร้อนกลับตัวเดินเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นตัวท่านพ่อไม่อยู่ในห้อง ใจก็หมองมัว “ท่านผู้เฒ่าล่ะ?”
คนรับใช้ลนลานตามมา เห็นในห้องไม่มีคน จึงตกใจอย่างอดไม่ได้ รีบเอ่ยว่า “เมื่อกี้ข้าน้อยเข้ามาในเรือน เห็นแค่คนชุดดำนั่นออกมาจากห้อง ไม่เห็นท่านผู้เฒ่าเลยขอรับ”
“ไปหาสิ! รีบไปตามหาเร็ว!”
เขาตะคอกเสียงดัง สายตามองไปยังทั้งสองคนที่กำลังต่อสู้กันบนหลังคา “ต้องจับหัวขโมยนั่นให้ได้!”
เธอไม่กล้าลงมือกับท่านพ่อ แต่ไม่เกรงใจมู่หรงอี้เซวียนเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึง มู่หรงอี้เซวียนที่รู้จักกันในนามอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแคว้นแสงสุริยัน เธออยากประชันฝีมือด้วยสักครั้งมาตั้งนานแล้ว ด้วยเหตุนี้ จึงลงมือดุร้ายในทุกกระบวนท่า และหาโอกาสฆ่าอยู่ทุกท่วงที
“ฟิ้ว! ผัวะๆ!”
เห็นฝีมือคนชุดดำนั่นไม่ด้อยไปกว่ามู่หรงอี้เซวียน เฟิ่งเซียวก็แอบตกตะลึงกับตัวเอง
ที่เมืองอวิ๋นเยวี่ยมียอดฝีมือเช่นนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่? ต้องรู้ไว้ กำลังวรยุทธ์ของมู่หรงอี้เซวียนไม่ใช่ที่คนธรรมดาจะรับมือได้ไหว เมื่อครู่ไม่อาจมองอย่างละเอียด ตอนนี้พอดูดีๆ ทำไมถึงรู้สึกว่าเงาร่างสีดำนั้นช่างคุ้นตาอยู่นิดหน่อยกันนะ?
………………………………